Recent News

Powered by eSnips.com

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แค่แตกต่าง


ห่างหายจากงานเขียนบน Blog มานาน ไม่ได้ห่างหายไปไหนนะคะ เพียงแต่ว่า อายุก็เลขสามมาสองปีแล้ว ก็คงต้องทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เริ่มคิดเรื่องอนาคต สิ่งที่ต้องทำ วางแผนเพื่อจะเกษียณก่อนวัยอันควร และอีกจิปาถะเยอะแยะมากมาย (หากคุณยังอายุไม่สามสิบอัพ อาจจะมองไม่เห็นภาพ)

ณ ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟได้แอบไปนั่ง “นอยด์” สูดกลิ่นกาแฟอยู่มุมนึงของร้าน หยิบดินสอกดแท่งโปรด มาขีดเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษข้อความนั้นคือ

“อาการนอยด์” ที่เกิดขึ้นจากคนรอบตัว ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่า “คนในสังคมจะมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรนักหนากับชีวิตของฉัน” ฉันใช้ชีวิตโดยไม่กระทบกับความเป็นตัวตนของใคร ฉันมีอิสระทางความคิด อิสระในการใช้ชีวิตอยู่ เรียบง่ายไม่โดดเด่น แต่หากวันนึงสังคมจะดึงฉันขึ้นไปโดดเด่นบ้าง แล้วยังไง? ความโดดเด่นของฉันมันทำให้พวกคุณ (คนในสังคม) เริ่มจะวิพากษ์วิจารณ์ความโดดเด่นของฉัน โดยไม่มีใครถามฉันเลยว่า “ฉันอยากโดดเด่นไหม?​อยากยืนตรงจุดนี้ไหม?” เปล่าเลย พวกคุณไม่เคยถาม และไม่คิดจะถามฉันด้วยซ้ำ คุณถนัดในการ “ยัดเยียดคำตอบเบ็ดเสร็จ” ให้กับทุกคนที่ดู “โดดเด่น”​และ “ประสบความสำเร็จ” ณ จุดที่คุณปืนขึ้นมาไม่ถึง ฉันรู้สึกเสียใจที่คุณอยู่อาศัยบนโลกที่กว้างใหญ่  มีสิ่งที่น่าค้นหาอีกมากมาย แต่คุณกลับ “จับจด” อยู่กับเทคโนโลยี “เสพข่าว เสพข้อมูล โดยไม่กลั่นกรอง” จนบางทีฉันก็สงสารคุณลึกๆที่คุณต้องต่อสู้ “โรคมะเร็งปมด้อย” ที่มันฝังอยู่ในแกนหัวใจของคุณจนยากจะเยียวยารักษา ฉันอยากจะสวดให้คุณนะ แต่กลัวว่าคำสวดของฉันจะโดดเด่นเกินไปอีก จนมะเร็งในตัวคุณลุกลามไปถึงแกนสมอง จนอาจให้คุณตกอยู่ในหมดสภาพความเป็นมนุษย์ได้ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องฉัน เพราะคุณได้เรียกความสนใจจากฉันได้สำเร็จแล้ว สู้ๆนะ เพื่ออุดมการณ์ของคุณ 

ด้วยความจริงใจ

หลายครั้ง การดำรงชีวิตอยู่ของเราแต่ละคน อาจจะเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพันกับคนรอบตัวในสังคม สังคมชินกับการตั้งคำถามแบบผิดๆ สื่อมวลชนชินกับการเจาะลึกข้อมูล โดยลืมนึกถึงจริยธรรม เราเชื่อว่า คนที่ประกอบอาชีพทุกอาชีพ มีจุดยืน จรรยาบรรณ และคติในการทำงานของแต่ละคน 

คนที่ฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เขาก็แค่ทำอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัว คุณจะสรรเสริญ หรือสาปแช่งให้เวรกรรมตามเขาทัน เขาก็ยังต้องฆ่าไก่ต่อไป (คุณก็ยังคงกินไก่ที่เขาฆ่า)

คนที่เป็นยามกะกลางคืน เขาก็ต้องใช้เวลากลางวันเพื่อนอนพักผ่อน คุณกล่าวหาว่าเขานอนกินบ้านกินเมืองได้ยังไง (คุณก็ยังฝากบ้านไว้ให้เขาดูแล)

คนที่เป็นดารา เล่นบทตัวอิจฉา เขาก็แค่ทำหน้าที่ของเขาให้เต็มที่ เพื่อที่คนสมองทึบๆอย่างคุณจะได้เข้าถึงชีวิต คุณกล่าวหาเขาว่า เขาเล่นสมบทบาทเหมือนเอาชีวิตจริงออกมาถ่ายทอด (คุณก็ยังคงติดละครเขางอมแงม)

คนที่ขายล๊อตเตอรี่ คู่ละ 90-110 เขาก็แค่ขอกำไรนิดหน่อย เทียบกับสินค้าอีกหลายอย่าง เขาก็ยังได้น้อยเหลือเกิน คุณกล่าวหาว่าเขาค้ากำไรเกินควร (คุณก็ยังซื้อวิ่งหาเขาทุกครั้ง)

คนที่เป็นเจ้าของคอนโด ที่คุณยกย่อง ยกมือไหว้ และต้อนรับเขา ทั้งๆที่เขาเอากำไรจากเงินทั้งชีวิตของคุณ

คนที่นับถือศาสนา และมีความเชื่อที่ไม่่เหมือนคุณ คุณจะกล่าวหาเขาว่า “นอกรีต และสาปแช่งเขาสารพัด” คำพูดเช่นนี้ มันบ่งบอกความจริงเกี่ยวกับตัวคุณได้เลยว่า “คุณมันพวกมือถือสาก ปากถือศีล ใจแคบ” เชิญคุณขึ้นสวรรค์ตามวิถีคุณเถอะ 

คนทุกคนด้านบน ล้วนมีบทบาทในการดำเนินชีวิต เขามีหน้าที่ อาชีพ ความรับผิดชอบ และความจำเป็นในการเลือกที่จะ “ปฏิบัติ” เพื่ออาศัยอยู่บนสังคม พวกเขามีจุดยืน มีจรรยาบรรณ 

หากคุณต้องการเปรียบเทียบ หรือตำหนิติเตียน ในการกระทำของเขาที่แตกต่างไปจากคุณ ก็แน่ล่ะ?​พวกเขาไม่ใจแคบ ไม่ขี้อิจฉา และไม่ช่างเปรียบเทียบแบบคุณ 

ไม่ว่าจะยืนอยู่จุดไหนในสังคม คนทุกคนก็ต้องมีบางมุม บางเหลี่ยมที่มากระทบกันบ้าง แต่ขอให้การกระทบกันแต่ละครั้ง ไม่มีใครไป “ก้าวก่าย เจ้ากี้เจ้าการ” หลักการดำเนินชีวิตของอีกฝ่าย แค่นี้สังคมก็สงบสุข 

ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระทางความคิด มีจุดหมายชีวิตที่ไม่ไปกระทบกับใคร สังคมนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น 

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แก้กรรม ทำได้จริงหรือ?



ว่าด้วยเรื่องของ "การแก้กรรม" เวลาที่เราแวะเวียนไปร้านหนังสือต่างๆ เรามักจะเห็น “หนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้กรรม” วางอยู่หลายๆเล่ม จากผู้มีชื่อเสียงหลายๆท่าน ได้เขียนเอาไว้ และเท่าที่สังเกตุเห็น หนังสือเหล่านี้ ก็ "ฮิต" ติดลมบนอย่างไม่น่าเชื่อ มันช่างสะท้อนใจจริงๆ เพราะนั่นหมายความว่า คน ณ ปัจจุบัน วิ่ง วน เวียน ติดกรรมกันให้วุ่นไปหมด หาทางออกกันให้วุ่นวาย ยุคนี้เป็นยุคของ “การแก้กรรม” จริงๆ

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

2 may 2012

หายจากการเขียนไปนาน เราหลบไปทำโน่น ทำนี่ เพื่อคนข้างๆและตัวเองบ้าง สรุปชีวิตโดยรวมช่วงนี้ "ที่สุดแห่งความสุข" ก็เลยไม่ได้มาเขียนอะไรให้ได้อ่านมากนัก ช่วงที่ผ่านมาได้เจอเพื่อนเก่าหลายๆคน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สิ่งที่ไปเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่ดูเหมือนเพื่อนหลายๆคน ช่วงนี้จะเจอปัญหา รักสามเศร้า แอบรักเขาข้างเดียว เสียส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่ ก็เลือกที่จะทน และก็ทน

เพื่อนบางคนจากเมื่อก่อนเป็นคนมีสติเป็นเลิศ ช่วงเรียนนั้นเรียนเก่ง ทำงานก็เก่ง แต่ไหงมาตัดสินใจผิดเรื่องความรัก กลายเป็น "กิ๊ก" เขาไปได้ ยอมแพ้คำว่ารัก ไปอย่างน่าเสียดาย

เพื่อนบางคน เมื่อก่อนเป็นคนถือตัว เรียบร้อย แต่ตอนนี้แต่งงาน เปลี่ยนสามี ไปหลายคน (เธออาจกำลังหาจุดอื่นให้กับตัวเอง)

เมื่ออายุมากขึ้น โตขึ้น มุมมองความรักและการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องธรรมดา

ฝากไว้ให้อ่านกันนะคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

งานนี้น้องหมาซวย

ห่างหายจากการเขียนไปนานมากๆ พอเริ่มมานั่ง วางนิ้วบนแป้นพิมพ์อีกครั้ง ก็รู้สึกขัดๆ เขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนเรื่องอะไร? จะเริ่มต้นด้วยคำถาม? หรือแชร์เรื่องราว? อย่างไรดี เวลาที่ผ่านมาพอสมควร เราได้เจอะเจอเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องดี และเรื่องที่ทำให้ขุ่นใจ แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ทำอะไรเราได้ อาจเพราะอายุเยอะแล้ว ปีนี้ก็ 32 แล้ว (แก่ประสบการณ์ เจอมาหมดแล้ว) ก็เป็นได้
แต่สำหรับเรื่องที่จะ “แบ่งปัน”​ให้เพื่อนได้อ่านกันในวันนี้ (เป็นเรื่องที่มา “ก่อกวนใจ”​เราได้สักพักแล้ว)พอมัน “เต็มอิ่ม” ก็ต้องหาทาง “ระบาย” เสียหน่อย 
เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ ที่เมื่อถึงจุดนึง ก็อยากจะหา “หลักประกันทางความสัมพันธ์” เพื่อจะพัฒนาความรักไปอีกก้าวนึง นั่นคือ การไขว่คว้าหา “กาวใจ” มาทำให้ชีวิตคู่สมบูรณ์ โดยปกติถ้าเป็นชีวิตคู่ของ ช และ ญ ก็ต้องเริ่มวางแผนมี “บุตร” สักคน เพื่อเติมเต็มชีวิตคู่ แต่สำหรับ “คนนิยมชมชอบเพศเดียวกัน” ก็อาจจะหา “สัตว์เลี้ยง”​มาแทน (จากประสบการณ์ส่วนใหญ่ที่เราเคยได้ยินมา ส่วนใหญ่เวลาเลิกกันทีไร น้องหมา น้องแมว น้องนก ก็ “ซวย” ทุกที) 
“เอ๋” ดี้สูงวัย ผู้รักเด็กเป็นชีวิตจิตใจ ได้ไป “หว่านเสน่ห์” จน ทอมเด็กน้อย “ตอง” ซึ่งอายุห่างกันร่วม 10 ปี หลงตกลงร่วมใช้ชีวิตร่วมกันเป็นแฟน แต่ดูเหมือนว่า เธอจะรู้ “วัฏจักรของความรัก” ดี (ก็แหม ผ่านมากี่คนแล้วเนอะ) เธอรู้ว่า ช่วงแรกชีวิตคู่ ก็หวานจนเลี่ยน ตัวติดกันแทบจะ 24 ชั่วโมง แต่พอพ้นช่วงโปรโมชั่น 3-4 เดือนไปแล้ว ความรักก็เริ่ม “อยู่ตัว” ต้องหา “จุดขายใหม่” เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นในชีวิตคู่ และเธอก็เลือกที่จะ “ยึด” ทอมเด็กอย่างเขา ด้วยการนำ “น้องหมา” มาเลี้ยง เพื่อหวังว่าเขาจะรัก ดูแล และห่วงน้องหมา เป็นข้ออ้างให้เขาอยู่ติดกับเธอมากขึ้น ช่วงแรกๆ เขาก็ทำหน้าที่เป็น “พ่อของน้องหมา” อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง (คนไม่รักสัตว์จริงๆ ก็ยากที่จะเสแสร้ง) เขาตื่นเต้นกับการมีน้องหมาอยู่ไม่ได้เท่าไหร่ ก็เริ่มเบื่อ​(ก็คนนะ ไม่ใช่พ่อหมา จะมีความเป็นพ่อ เป็นแม่อะไรได้นักหนา) 
ผ่านไปไม่ถึงเดือน การมีน้องหมาเข้ามาในชีวิตของเขาและเธอ ดูจะทำให้ชีวิตยุ่งเหยิงมากกว่าทำให้สมบูรณ์ ภาระหน้าที่การดูแลน้องหมา ทำให้ชีวิตของเธอและเขาเปลี่ยนไป  เวลาที่อยู่ด้วยกันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จะเดินไปเที่ยวห้างไหนด้วยกันก็ไม่ได้ จะไปกินข้าวร้านอร่อยกันสองต่อสองก็ไม่ได้ (เพราะเขาไม่ให้น้องหมาเข้า) จะสวีตกันสองคน (บนเตียง) น้องหมาก็เห่า ก็ปลดทุกข์เบา ตามให้เช็ดกันวุ่นวาย (กลายเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตคู่ ผิดคาดจากที่เธอตั้งใจให้เป็น) จะเอาไงดี? เขาก็เริ่มห่างๆ อ้างว่ามีธุระ ไม่ว่าง ไม่มีเวลา (ไม่รู้ว่าเบื่อน้องหมา หรือเบื่อในความเจ้ากี้เจ้าการของเธอกันแน่) ส่วนเธอก็เริ่มเห็นความล้มเหลวของแผนนี้ ทำไงดีอ่ะ? สุดท้ายน้องหมา ก็ถูกเนรเทศไปอยู่กับเพื่อนบ้าง ญาติบ้าง (งานนี้น้องหมาซวยแท้ๆ) 
แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ให้เสียเชิง ญ สูงอายุหรอก กำลังคิดวางแผนงัดไม้เด็ด มามัดมือมัดเท้า ทอมเด็กอย่างเขา (จะคิดแผนอะไรก็ให้เร็ว และให้ดีนะ ช้าไปเดี่ยวเด็กจะเบื่อ และไปหาคนใหม่) 
ฝากไว้สำหรับคนที่ไม่มีจิตใจรักสัตว์อย่างแท้จริง ซื้อสัตว์เลี้ยงมาเพื่อเป็นข้ออ้าง, เรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง, หรือแม้กระทั่งยกระดับให้ตัวเองดูเป็นคนดี พอเหอะ อยู่เฉยๆดีกว่านะคะ อย่าได้สร้างบาป สร้างกรรมเลย สงสารพวกเขาเถอะ (เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง) ถ้าอยากจะ “สร้างภาพ” ไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปให้อาหารพวกเขาดีกว่า อย่าเอาเขามาทรมานเลย 
สำหรับ ญ รัก ญ ที่อายุยังน้อย และอยากจะไป “หลอก” คนสูงอายุ ยังไงก็อย่า “หยอก”​แรงนะ เลขดี๋ยวลุงๆ ป้าๆ จะขาดใจตายเสียก่อน 
อายุเป็นเพียงตัวเลขก็จริง แต่บางที “ตัวเลข” ที่ต่างกัน ก็อาจจะเปิดช่องให้มีปัญหาในชีวิตคู่มากมายก็เป็นได้ 
ฝากไว้ให้คิดกันนะคะ 
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

Over song on the BEACH @ Koh Chang





"เที่ยวเกาะ ล่องเรือ จับมือ ดูดาว เล่นน้ำ ฟังเพลง เต้นรำและอีกมากมายที่คุณ อยากทำบนชายหาดที่ Over Song On The Beach"






มาร่วมร้องเพลง อัลบั้มพิเศษ บอย ป๊อด ในแบบของ ป๊อด โมเดิร์นด็อก อย่างใกล้ชิด พร้อมสัมผัสความอบอุ่นจากบทเพลงอมตะของ โอ๋ ธีร์ ไชยเดช [Thee Chaiyadej] เจ้าของบทเพลง HOME ,ห่างไกลเหลือเกิน , ก้อนหินละเมอ , ลมหายใจ , เติมใจให้กัน , How can I feel you ฯลฯ โดยเพิ่มความโรแมนติกจาก โก้ Mr.SaxMan เจ้าของบทเพลง ภาวนา และ ร่วมกันปิดท้ายปาร์ตี้ Over Song On The Beach ไปกับ เปอร์คัสชั่นระดับเมพขิง ของเมืองไทย หนุ่ม ทีโบน Num T-Bone [Advanced Percussion.] พร้อมด้วยวงเรกเก้สกาของเมืองไทยที่ได้รับคำการันตรีจากวงระดัพเทพอันดับ 1 ของเมืองไทย วง T-bone ว่า "วงนี้จัดได้ว่าเยี่ยมยอดในการแสดงสดจริงๆ" วง คณะมโหรีดนตรีสกา The SuperGlasses Ska Ensemble ...... ศิลปินที่มีชื่อวงยาวที่สุดในโลก เจ้าของบทเพลง ฟลอร์เต้นรำ (A Night On The Dance Floor) , น้ำแข็งใส , ต๊ะโตนโยน , Dancing moodขอแนะนำ น้องใหม่ฝีมือจัดจ้านหนุ่มๆเมืองเชียงใหม่ จากค่าย Sony Music อย่าง วง Sixty Miles มหัศจรรย์แห่งความสุขทุกครั้งที่สัมผัส เจ้าของบทเพลง เวทมนตร์ ,เวลาดีดี ,ทดเวลา ,จักรวาล ,คำว่าเสียใจ และ วง CANVAS [แคนวาส] เจ้าของบทเพลง ฝนดาวตก , ฝนมา และ อื่นๆ อีกมากมาย