ห่างหายจากงานเขียนบน Blog มานาน ไม่ได้ห่างหายไปไหนนะคะ เพียงแต่ว่า อายุก็เลขสามมาสองปีแล้ว ก็คงต้องทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เริ่มคิดเรื่องอนาคต สิ่งที่ต้องทำ วางแผนเพื่อจะเกษียณก่อนวัยอันควร และอีกจิปาถะเยอะแยะมากมาย (หากคุณยังอายุไม่สามสิบอัพ อาจจะมองไม่เห็นภาพ)
ณ ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟได้แอบไปนั่ง “นอยด์” สูดกลิ่นกาแฟอยู่มุมนึงของร้าน หยิบดินสอกดแท่งโปรด มาขีดเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษข้อความนั้นคือ
“อาการนอยด์” ที่เกิดขึ้นจากคนรอบตัว ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่า “คนในสังคมจะมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรนักหนากับชีวิตของฉัน” ฉันใช้ชีวิตโดยไม่กระทบกับความเป็นตัวตนของใคร ฉันมีอิสระทางความคิด อิสระในการใช้ชีวิตอยู่ เรียบง่ายไม่โดดเด่น แต่หากวันนึงสังคมจะดึงฉันขึ้นไปโดดเด่นบ้าง แล้วยังไง? ความโดดเด่นของฉันมันทำให้พวกคุณ (คนในสังคม) เริ่มจะวิพากษ์วิจารณ์ความโดดเด่นของฉัน โดยไม่มีใครถามฉันเลยว่า “ฉันอยากโดดเด่นไหม?อยากยืนตรงจุดนี้ไหม?” เปล่าเลย พวกคุณไม่เคยถาม และไม่คิดจะถามฉันด้วยซ้ำ คุณถนัดในการ “ยัดเยียดคำตอบเบ็ดเสร็จ” ให้กับทุกคนที่ดู “โดดเด่น”และ “ประสบความสำเร็จ” ณ จุดที่คุณปืนขึ้นมาไม่ถึง ฉันรู้สึกเสียใจที่คุณอยู่อาศัยบนโลกที่กว้างใหญ่ มีสิ่งที่น่าค้นหาอีกมากมาย แต่คุณกลับ “จับจด” อยู่กับเทคโนโลยี “เสพข่าว เสพข้อมูล โดยไม่กลั่นกรอง” จนบางทีฉันก็สงสารคุณลึกๆที่คุณต้องต่อสู้ “โรคมะเร็งปมด้อย” ที่มันฝังอยู่ในแกนหัวใจของคุณจนยากจะเยียวยารักษา ฉันอยากจะสวดให้คุณนะ แต่กลัวว่าคำสวดของฉันจะโดดเด่นเกินไปอีก จนมะเร็งในตัวคุณลุกลามไปถึงแกนสมอง จนอาจให้คุณตกอยู่ในหมดสภาพความเป็นมนุษย์ได้ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องฉัน เพราะคุณได้เรียกความสนใจจากฉันได้สำเร็จแล้ว สู้ๆนะ เพื่ออุดมการณ์ของคุณ
ด้วยความจริงใจ
หลายครั้ง การดำรงชีวิตอยู่ของเราแต่ละคน อาจจะเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพันกับคนรอบตัวในสังคม สังคมชินกับการตั้งคำถามแบบผิดๆ สื่อมวลชนชินกับการเจาะลึกข้อมูล โดยลืมนึกถึงจริยธรรม เราเชื่อว่า คนที่ประกอบอาชีพทุกอาชีพ มีจุดยืน จรรยาบรรณ และคติในการทำงานของแต่ละคน
คนที่ฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เขาก็แค่ทำอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัว คุณจะสรรเสริญ หรือสาปแช่งให้เวรกรรมตามเขาทัน เขาก็ยังต้องฆ่าไก่ต่อไป (คุณก็ยังคงกินไก่ที่เขาฆ่า)
คนที่เป็นยามกะกลางคืน เขาก็ต้องใช้เวลากลางวันเพื่อนอนพักผ่อน คุณกล่าวหาว่าเขานอนกินบ้านกินเมืองได้ยังไง (คุณก็ยังฝากบ้านไว้ให้เขาดูแล)
คนที่เป็นดารา เล่นบทตัวอิจฉา เขาก็แค่ทำหน้าที่ของเขาให้เต็มที่ เพื่อที่คนสมองทึบๆอย่างคุณจะได้เข้าถึงชีวิต คุณกล่าวหาเขาว่า เขาเล่นสมบทบาทเหมือนเอาชีวิตจริงออกมาถ่ายทอด (คุณก็ยังคงติดละครเขางอมแงม)
คนที่ขายล๊อตเตอรี่ คู่ละ 90-110 เขาก็แค่ขอกำไรนิดหน่อย เทียบกับสินค้าอีกหลายอย่าง เขาก็ยังได้น้อยเหลือเกิน คุณกล่าวหาว่าเขาค้ากำไรเกินควร (คุณก็ยังซื้อวิ่งหาเขาทุกครั้ง)
คนที่เป็นเจ้าของคอนโด ที่คุณยกย่อง ยกมือไหว้ และต้อนรับเขา ทั้งๆที่เขาเอากำไรจากเงินทั้งชีวิตของคุณ
คนที่นับถือศาสนา และมีความเชื่อที่ไม่่เหมือนคุณ คุณจะกล่าวหาเขาว่า “นอกรีต และสาปแช่งเขาสารพัด” คำพูดเช่นนี้ มันบ่งบอกความจริงเกี่ยวกับตัวคุณได้เลยว่า “คุณมันพวกมือถือสาก ปากถือศีล ใจแคบ” เชิญคุณขึ้นสวรรค์ตามวิถีคุณเถอะ
คนทุกคนด้านบน ล้วนมีบทบาทในการดำเนินชีวิต เขามีหน้าที่ อาชีพ ความรับผิดชอบ และความจำเป็นในการเลือกที่จะ “ปฏิบัติ” เพื่ออาศัยอยู่บนสังคม พวกเขามีจุดยืน มีจรรยาบรรณ
หากคุณต้องการเปรียบเทียบ หรือตำหนิติเตียน ในการกระทำของเขาที่แตกต่างไปจากคุณ ก็แน่ล่ะ?พวกเขาไม่ใจแคบ ไม่ขี้อิจฉา และไม่ช่างเปรียบเทียบแบบคุณ
ไม่ว่าจะยืนอยู่จุดไหนในสังคม คนทุกคนก็ต้องมีบางมุม บางเหลี่ยมที่มากระทบกันบ้าง แต่ขอให้การกระทบกันแต่ละครั้ง ไม่มีใครไป “ก้าวก่าย เจ้ากี้เจ้าการ” หลักการดำเนินชีวิตของอีกฝ่าย แค่นี้สังคมก็สงบสุข
ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระทางความคิด มีจุดหมายชีวิตที่ไม่ไปกระทบกับใคร สังคมนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน