
Powered by eSnips.com |
HAPPY BIRTHDAY MY LOVELY CAT (MOMMAM) 11 YEARS.
เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน สิบเอ็ดปีแล้ว ที่เราชีวิตของเราได้มี “น้องมอมแมม” (แมวที่แสนน่ารัก และมีมาดอย่างคุณชาย) เราคงไม่มีของขวัญ หรือสิ่งใดจะให้ “เขา” เพราะ “ความรัก” ในทุกๆวันที่เรามีให้ในทุกๆวันนั้น ก็ “หมดหัวใจ” ของเราแล้ว
ขอบคุณที่มีกันและกันมาตลอดนะจ๊ะ พี่รักมอมแมมที่สุดนะ
รักมากเลยรู้ไหม?
เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเรากับที่รัก และเพื่อนรัก ได้ไปเดิน “ไทยเที่ยวไทย” ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ณ งานนั้น เราได้ซื้อห้องพักที่หัวหิน เพื่อไปกับที่รัก และซื้อห้องพักที่ปากช่อง เขาใหญ่ เพื่อไปกับที่รักและเพื่อนรัก รวมถึงได้ซื้อบัตร dinner ที่ Ramayana กับที่รักอีก 2 ใบ (คุ้มจริงๆ)
ทริปไปหัวหิน ณ Seahorse Resort Hua-Hin ระหว่างวันที่ 9-11 กรกฎาคม (ต้องขอขอบคุณ “ที่รัก” คนที่สนับสนุน และจัดการทริปนี้ได้อย่างดีเยี่ยม น่ารักจริงๆ)
เราทั้งคู่ออกเดินทางจากกทม. เวลา 11.30 สายกว่าเวลานัดนิดหน่อย ขับรถจากบ้านเราขึ้นทางด่วน เพื่อจะลงตรงพระราม 2 อยู่ๆเขาก็หันมาบอกเราว่า “เขาง่วงนอนมากมาย” เพราะเมื่อคืนนอนตี 2 ตื่น 8 โมงเช้า (แต่เขาลืมถามเราว่า เรานอนกี่โมง ตื่นกี่โมง) เขาเสนอให้เราขับรถแทนเขาสักพัก ขอเขานอนงีบเสียหน่อย เราไม่ได้ตอบอะไร เราขอเข้าห้องน้ำในปั้มน้ำมัน แต่เมื่อออกมาแล้วก็พบว่า เขาได้ย้ายไปนั่งที่คนนั่งแล้ว เหลือที่คนขับว่างอยู่ “แสดงว่าคุณไม่ไหวจริงๆนะเนี่ย อิอิ” และเขาก็เผลอหลับไป เราก็ขับรถมาเรื่อยๆ โดยนั่งฟังเพลง และขับแซงไปแซงมากับเบนซ์คันข้างๆ (สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า บีเอ็ม กับเบนซ์ ความเร็วพอๆกัน เพราะผลัดกันแซง ผลัดกันช้าไปเรื่อยๆ) เราขับรถถึงหัวหินในเวลา หนึ่งชั่วโมง ขับ 130-150 ตลอด เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่า ใกล้ถึงหัวหินแล้ว (คุณไม่เคยรู้อ่ะสิว่าหนูเป็นนักขับรถซิ่งตัวยงเลย อิอิ)
มาถึงเข้าที่พัก ที่พักสวยมาก มีเพียง 2 ชั้นบรรยากาศส่วนตัวมาก เมื่อเข้าห้องมาพบว่า สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม แชมพู ครีมนวด สบู่เหลวอาบน้ำ โลชั่น ชุดคลุมอาบน้ำ รองเท้าใส่เดินในห้อง เซฟ สมุดเยี่ยม อินเตอร์เน็ตไร้สาย ฯลฯ แต่ที่ขาดไปหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ นั่นคือ “แปรงสีฟัน และยาสีฟัน” (แย่จัง เราเอามาทุกอย่างที่เขามีในห้อง ยกเว้นแปรงสีฟัน เฮ้อ) ออกไปซื้อเองก็ได้ หากใครที่เคยมาพักที่นี่ ก็คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พนักงานที่นี่เป็นกันเองมากๆ น่ารักทุกๆคน”
เก็บของเสร็จแล้ว เขาก็โทรไปจอง dinner at Coco 51 แต่เราเริ่มจะหิวก่อนเวลาอาหารเย็น เขาจึงอาสาพาเราไปทานอาหารในบรรยากาศที่ดีมากที่ร้าน Lamer เขาตะเกียบ (บรรยากาศดีเยี่ยมมาก) ถ้าเพื่อนๆได้มีโอกาสมาที่นี่ อย่าพลาดมาทานอาหารที่นี่กันนะคะ)
ขอตัวไปเก็บของก่อนเพื่อ CHECK OUT ไม่รู้ว่าที่รักจะ surprise พาไปไหนกันต่อ อิอิ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ห่างหายจากการเขียนไดอารี่ไปนานมาก ต้องบอกว่า นานมากๆ เนื่องจากวุ่นวายกับชีวิต และสิ่งต่างๆรอบตัวมีปัจจัยมากขึ้น ช่วงนี้มีกำลัง “ติดเพื่อนรัก ติดการเล่นไพ่ ติดบอลโลก ติดเล่นเฟสบุ๊ค และติดแฟนอย่างมากๆ” ไดอารี่วันนี้จึงขออธิบาย อาการติด อย่างคร่าวๆให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
“ติดเพื่อนรัก”
ต้องขอบคุณฟ้า และ Lesbara ที่ได้ส่ง “เพื่อนจุ๊บ หรือพี่จุ๊บ” ทอมวัย 27 ที่โตด้วยวุฒิภาวะมาให้เรา ขอบรรยายถึงลักษณะเขาโดยคร่าวๆ ทอมสูงไม่ถึงเกณฑ์ ใส่แว่น ตี๋ๆ ขาวๆ ตัวเล็ก และกวนตีนมาก อิอิ (เพื่อนๆเริ่มคิดภาพเขาออกหรือยังคะ)
เราห่างหายจากการมีเพื่อนสนิทมานานหลายปี แต่พอได้พบเขา ชีวิตเราเปลี่ยนไป นอนดึกมากขึ้น เล่นไพ่เก่งมากขึ้น ฯลฯ เขาเป็นเพื่อนที่ดีคนนึง (reveal confirmed) ชีวิตประจำวันของเราได้มีเขาเข้ามาอยู่เกือบตลอดเวลา ตื่นเช้ามาเขาก็จะโทรมาปลุก ชวนไปทานข้าว ชวนไปเที่ยว ชวนไปตีแบด ชวนไปดูหนัง ชวนไปเล่นไพ่ และดูบอลบ้านเขา ฯลฯ คืออะไรที่ไม่เคยทำ ไม่เคยได้มีประสบการณ์ รู้จักเขา เชี่ยวชาญหมด อิอิ
ด้วยความถูกชะตา และถูกคอ ทำให้เรามีวีรกรรมที่มีความสนุก และความบันเทิงร่วมกับเขามากมาย และในวันพฤหัสที่ 15 นี้ เราได้นัดไปเที่ยวที่ ปากช่อง เขาใหญ่ ไปเที่ยวเชิงผจญภัย แล้วจะมาเล่ารายละเอียดให้ฟัง
“ติดการเล่นไพ่”
สืบเนื่องจากกลุ่ม 7PM ได้มีการนัดหมายเพื่อเล่นไพ่กัน จากเราคนที่ไม่เคยเล่นไพ่เป็น ตอนนี้เล่นเก่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “ผสมสิบ ดัมมี่ หรือเก้าเก” การเล่นไพ่นี้ เป็นการฝึกสมองอย่างนึง นั่งเล่นกันไป ลืมดูเวลา เช้าพอดี
ข้อดีของการเล่นไพ่ ยกตัวอย่างเช่น เราจะรู้สึกเสียดายเงิน ห้าบาท สิบบาทมากขึ้น เสียห้าสิบบาทนอนไม่หลับไปหลายวัน หรือ เราจะได้ยินเพลงผสมคำแนวใหม่ (คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องน๊อคแน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก กินหัวแน่ๆ) หรือ เราจะได้หมั่นไส้เพื่อนร่วมวงเรามากขึ้น อิอิ
“ติดบอลโลก”
ไม่ค่อยชอบดูบอลเท่าไหร่ แต่มีบอลโลกเมื่อไหร่ ต้องนัดดูบอลกับเพื่อนสนิท แทงกันคนละข้าง ใครเสียเลี้ยงข้าว
“ติดเล่นเฟสบุ๊ค”
ตอนนี้เรื่องราวในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่เราก็จะลงในเฟสบุ๊ค เล่นเกมส์ในนั้น และติดต่อกับเพื่อนอีกหลายคน
“ติดแฟน”
ณ ตอนนี้เราคบกับแฟนได้เกือบ 7 เดือนแล้ว อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ไปไหนไปด้วยกัน มีคนถามว่า รู้จักกันได้อย่างไร? คือแฟนของเราคนนี้ ได้เลื่อนขั้นจาก “คนขับรถส่วนตัว” มาเป็น “แฟน” แบบไม่ต้องขึ้นเงินเดือน อิอิ
ณ ตอนนี้เราอยู่ที่ “หัวหิน” มาซ้อมฮันนีมูนกันก่อน ไว้จะมาเขียนเล่าให้ฟังนะคะ ขอตัวไปนอนแช่น้ำก่อน มี dinner ค่ำคืนนี้ อิอิ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ก่อนอื่นต้องขอแจ้งให้ทราบก่อนว่า “ขณะนี้ Reveal ได้มีสังกัดแล้ว อยู่ในกลุ่ม 7pm”
ชื่อกลุ่ม 7pm หรือ ทุ่มตรง มาจาก “ประสบการณ์ที่พวกเราสมาชิกในกลุ่มทั้ง 6 ได้ผ่าน “การทุ่มเท” ทุกอย่างเพื่อความรัก ไม่ว่าจะเป็น เงิน ทอง ความรัก แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม ไม่ได้อะไรกลับมา นอกจากความว่างเปล่า” ชื่อกลุ่มนี้จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับสถานะของพวกเรา
กลุ่ม 7pm ของเรามีสมาชิก 6 คน เป็น ทอม 4 ดี้ 2
ท่านประธานกลุ่มของเรา หรือพี่จุ๊บ ได้ฉายา ณ บางแสนว่า “ทอม พริก เกลือ”
ที่ปรึกษากลุ่ม หรือ ป๋าเปิ้ล ได้ฉายา ณ บางแสนว่า “หอยราดน้ำปลา”
สมาชิกกิตติมศักดิ์ หรือ เจน ได้ฉายา ณ บางแสนว่า “ดี้ขอ 2”
ผู้ประสานงานกลุ่ม หรือ น้องกร ได้ฉายา ณ บางแสนว่า “ทอมแดดเดียว”
เหรัญญิกกลุ่ม หรือ น้องน้ำฝน ได้ฉายา ณ บางแสนว่า “ดี้หอยนางรมทรงเครื่อง”
สมาชิกอาวุโส หรือ พี่โอเล่ ได้ฉายา ณ บางแสนว่า “ทอมเกร็งตลอด”
นิยามของกลุ่ม “ความรักมีไว้ให้แบ่งปัน ไม่ได้มีไว้ให้เสียใจ”
ความถี่ในการนัดรวมกลุ่มกันนั้น “เจอกันเกือบตลอดทุกวัน”
กิจกรรมส่วนใหญ่ของสมาชิกเวลาประชุมกลุ่ม “เล่นไพ่ กิน และดื่ม”
ที่ทำการกลุ่ม “คอนโดน้องกร”
SNACK ประจำกลุ่ม “ขนมอบกรอบยี่ห้อ Jack”
เครื่องดื่มประจำกลุ่ม “เบียร์สิงห์ และน้ำแดงโซดา”
การประสานงานในกลุ่ม ผ่าน “Facebook BB MSN และ conference ทางโทรศัพท์”
คำพูดติดปากในกลุ่ม ณ ตอนนี้ “แนน แน้น แน๊น”
ความประทับใจล่าสุดของกลุ่ม “รวมกลุ่มกันกลางทะเลที่แวดล้อมไปด้วย น้ำทะเลสีขุ่น ซากปลาตายที่ลอยอยู่รอบตัว พร้อมคลื่นลูกใหญ่”
วาระของสมาชิกในกลุ่ม
ประธานกลุ่ม มีวาระอยู่ 1 ปี โดยห้ามมีแฟน
ที่ปรึกษากลุ่ม มีวาระอยู่ 1 ปี โดยต้องโสดตลอด
สมาชิกกิตติมศักดิ์ มีวาระอยู่ 1 ปี โดยต้องยืนยันที่กิน และเที่ยว (แบบไม่เสียชาติเกิด)
ผู้ประสานงานกลุ่ม มีวาระอยู่ 1 ปี โดยห้ามทาครีมกันแดด
เหรัญญิกกลุ่ม มีวาระอยู่ 1 ปี โดยห้ามรับ “ต๋ง”
สมาชิกอาวุโส มีวาระอยู่ 1 ปี โดยห้ามมีสิทธิ์ และมีเสียง
ยานพาหนะประจำกลุ่ม Jazz น้อย 2 คัน และบีเอ็ม อีก 1 คัน
กฏเกณฑ์ในความรักของสมาชิกในกลุ่ม “กฏของกู”
แล้วถ้ามีอะไรเพิ่มเติม เราจะมา update ให้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ไปเที่ยวไหนคะวันหยุดยาวนี้ สำหรับเรา พรุ่งนี้เราจะไป “เกาะล้าน” จะเดินทางไป โดยรถยนต์ แต่เราไม่ได้ขับไปเองหรอกนะคะ มีคนขับรถส่วนตัวขับไปให้ (ช่วงนี้จะไปไหน ไม่ต้องขับรถไปเองแล้ว จนเมื่อเช้าต้องขับรถไปล้างด้วยตัวเอง รู้สึกแปลกๆ) อย่าทำให้ “เคยชิน” เพราะว่าถ้า “ห่างหายไป” จะ “ใจหาย” (แค่แจ้งให้ทราบนะคะ)
เราได้จองที่พักที่ Lareena Resort เรียบร้อยแล้ว ไปนอนหนึ่งคืน ยังไงจะถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ จะ update ผ่าน facebook
ตอนนี้ขอตัวไปนอนพักก่อนนะคะ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า
สุขสันต์วันหยุดยาวนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ิติดตามอ่าน
ไดอารี่ “การไปเข้าเงียบ ในหัวข้อ “มาหาพระ”ณสว่างรีสอร์ต เพชรบุรี”
วันศุกร์ที่ 23 เมษายน
14:00 เดินทางออกจากบ้าน
14:30 แวะล้างรถ เติมน้ำมัน และซื้อ waffle to go ของ A&W
15:00 เดินทางขึ้นทางด่วน
16:10 ขับเลยทางเข้า สว่างรีสอร์ต (เป็นรีสอร์ตที่เดินทางไปยากแห่งนึงเลย) วนไปวนมา เลี้ยวเกือบผิดตั้งหลายรอบ
16:30 เดินทางถึง check in และเอาของไปเก็บในห้อง อาบน้ำ (เพราะร้อนมาก)
18:00 ทานอาหารเย็น พร้อมหน้ากัน (ระหว่างที่นั่งทางอาหาร คนขับรถส่วนตัวแอบกระซิบข้างหูว่า คืนนี้จะพาไปหาอะไรอร่อยๆทานที่ตลาดโต้รุ่งของหัวหิน ซึ่งห่างจากที่นี่ ร้อยกว่ากิโลเมตร) เพราะเนื่องจากคิดว่า อาหารคงไม่ถูกปากเราเป็นแน่
19:00 พิธีมิสซา และพิธีจูบรูปพระบิดา หรือ God of the Mankind
21:00 สงบจิต ฝึกเพ่งจิต และทำสมาธิ
21:30 กลับห้องพักเพื่อไปพักผ่อน นัดเจอกันพรุ่งนี้ 6:00 เช้า เพื่อภาวนาเช้า
22:00 ออกเดินทางจากสว่างรีสอร์ต เพื่อไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน
23:00 ถึงตลาดโต้รุ่งหัวหิน เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่เริ่มปิดแล้ว เพราะไม่ค่อยมีคนเดิน (แล้วจะตั้งชื่อว่า “ตลาดโต้รุ่ง” ทำไม? ไม่ตั้งชื่อว่า “ตลาดตามใจแม่ค้า” เนอะ) สรุปได้ทานแค่ ผัดไทย น้ำมะนาวปั่น และโรตี (เหอ เหอ ขับรถมาตั้งไกล เพื่อ?)
00:00 ออกจากตลาดโต้รุ่ง เพื่อเดินทางกลับ
01:00 ถึงห้องพัก อาบน้ำ และเตรียมตัวนอน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตี 5:20
04:00 ยังคงนอนพลิกตัวไป และมา ไม่หลับเสียที
วันเสาร์ที่ 24 เมษายน
05:20 เสียงนาฬิกาปลุกดัง กดดับ และคิดในใจว่า “ขอโดดภาวนาเช้าไปแล้วกัน” ตื่นสัก 06:20 ไปทานอาหารเช้าเลยแล้วกัน
08:30 สะดุ้งตื่นแบบกระทันหัน มองดูนาฬิกา กระโดดลงจากเตียง ตายแล้ว ภาวนาเช้าก็ไม่ได้ไป อาหารเช้าก็ไม่ได้ทาน บรรยายหัวข้อแรกก็ไม่ได้เข้า รีบอาบน้ำ เพื่อไปให้ทันพิธีกรรมสงบจิตรอบต่อไป
09:00 เดินเข้าห้องประชุม สายตาทุกคู่จ้องมองเรามา ประดุจเรา “พลาด” อะไรที่สำคัญไปในชีวิต รีบก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในที่นั่ง และแล้ว “ความซวย” ก็มาเยือน เมื่อที่นั่งที่เรานั่งอยู่นั้น คือคิวต่อไปของการออกไป “แบ่งปัน” บนเวที ด้วยความไม่อายอะไรแล้ว เราเดินขึ้นไปและแบ่งปัน เดินลงมาท่ามกลางเสียงปรบมือ
10:30 เริ่มสงบจิตแบบเข้มข้น แต่เนื่องจากเราปวดท้อง เหมือนจะเป็นโรคกระเพาะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เราจึงขอตัวไปทาน “ราดหน้าหมู” เสร็จแล้ว เดินขึ้นห้องประชุมเพื่อที่จะเข้าร่วม แต่แง้มประตูเข้าไป สมาชิกทุกท่านกำลังนั่งสมาธิเข้าญาณอย่างล้ำลึก เราจึงเดินกลับห้องพัก และทานยานอน
12:00 ลงไปทานอาหารเที่ยง
14:00 เริ่มตระหนักว่า การมาเข้าเงียบครั้งนี้ เราล้มเหลวแล้ว จึงเข้าไปคุยกับวิทยากร เพื่อขอตัวกลับ
15:00 Check out ออกจากสว่าง รีสอร์ต คนขับรถส่วนตัวของเราขับรถพาเราไป “หัวหิน” เพื่อไปทานร้านอาหารทะเลที่อร่อยที่สุด
16:15 ถึงร้าน “แสงไทยซีฟู๊ด” ในซอยหัวหิน 55 สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ “กุ้งผัดพริกเกลือ ปลากระพงทอดราดน้ำปลา ปูม้านึ่ง ข้าวผัดปู ต้มยำทะเลน้ำใส” ทานกันแค่ 2 คน หมดไป 1820 บาท (คนขับรถเลี้ยงคะ)
18:00 คนขับรถพาเราไปหา “ของหวาน” ทานที่ตลาดโต้รุ่งที่หัวหิน ทาน น้ำส้มปั่น ลูกตาลลอยแก้ว ข้าวโพดปิ้ง ฯลฯ ซื้อมะม่วงน้ำปลาหวาน (เจ้าอร่อย) สาคูไส้หมู (กลับบ้าน)
19:15 ไปแวะ “เพลินวาน” คนเยอะมาก ได้ไปเล่นเกมส์ปาโป่ง และคนขับรถของเราเล่นเกมส์ “ยิงปืน”
20:00 เดินทางกลับ กทม.
21:00 แวะร้าน “แม่กิมไล้” ซื้อลูกตาลสด น้ำตาลสด ชมพู่เพชร หม้อแกง กล้วยหอม
23:00 ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
01:00 นอนหลับอย่างสบาย
วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน
11:30 ตื่นนอน
13:00 อาบน้ำ แต่งตัว
14:00 คนขับรถส่วนตัว พาไป The Mall งามวงศ์วาน เพื่อไปทาน สลัดหมูทอด มักกะโรนีกุ้ง เอานาฬิกาที่เราให้เขาไปตัดสาย (ดีใจนะคะที่คุณชอบนาฬิกาเรือนนั้น)
17:00 ออกจาก The Mall ไป Central ลาดพร้าว
17:30 ถึง Central ลาดพร้าว เขาพาเราไปเลือกนาฬิกา และซื้อนาฬิกาให้ (ขอบคุณนะคะ)
19:30 นั่งอยู่ Coffee World รอเขาเลือกหนังสือ และดื่มกาแฟ
20:30 ออกจาก Central และกลับบ้าน
ณ ตอนนี้อยู่บ้านแล้วคะ นั่งเขียนไดอารี่ให้เพื่อนๆได้อ่านเล่นๆกัน
หมายเหตุ ถึงแม้ว่าการเดินทางไป “เข้าเงียบ” ในครั้งนี้ จะ “ล้มเหลว” แต่เราเชื่อว่า “พระ” อยู่ในใจเราเสมอ
ใครที่อยากแลกเปลี่ยน facebook กับเรา สามารถ search คำว่า revealtomdy@hotmail.com แล้วคุยกันนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ไดอารี่ที่เขียนไว้เมื่อวันศุกร์ เอามา “เกริ่นนำ” ให้อ่านกันก่อนนะคะ
วันนี้วุ่นๆกับการเตรียมเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า (ต้องหาเฉพาะเสื้อผ้าสีขาว) เนื่องจาก เราจะไป “เข้าเงียบ” ที่ “เขาย้อย จ.เพชรบุรี” ซึ่งเราไม่ได้แต่ไปแต่เพียงลำพัง “คนขับรถส่วนตัว” จะขับรถพาไป แล้วไปร่วม “เข้าเงียบ” ด้วย (ทั้งๆที่เขาไม่ได้เป็นคาทอลิก และการไปครั้งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย ไม่รู้ว่า เราสองคนจะตื่นกันไหวไหม? เนื่องจากต้องตื่นมาภาวนาแต่เช้ามืด)
“การเข้าเงียบ” (ทางคาทอลิก) ก็คล้ายๆกับการไป “ถือศีล อยู่ร่วมทำกิจกรรมที่วัด” ของคนพุทธ การเดินทางไปครั้งนี้ สืบเนื่องจาก คุณพ่อ (พระสงฆ์ทางศาสนาคริสต์) ที่เราได้เคยร่วมงาน “จิตอาสาอ่านพระคัมภีร์ให้คนตาบอด” ได้ส่งจดหมายติดต่อเรามาให้ไปร่วมเข้ากิจกรรม เมื่อเราได้รับจดหมาย เราก็รีบโทรไปหาคุณพ่อทันที และได้จองที่ไว้ 2 ที่ ตอนแรกคุณพ่อต้องการคนไปร่วมกิจกรรม 40 คน แต่คุณพ่อต้องการไปๆ มาๆ คุณพ่อต้องการแค่ 20 คนเท่านั้น (ดีนะที่เรารีบโทรไปจองล่วงหน้าก่อน)
เราจะต้องไปรายงานตัววันนี้ตอน 16.00 คิดว่าจะออกจากบ้านสักช่วงบ่าย และกลับเลิกเข้าเงียบวันอาทิตย์ตอนบ่าย “คนขับรถส่วนตัว” อยากจะพาเราไป “หัวหิน” ต่อ เพื่อไป dinner ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาวันอาทิตย์หรือเปล่า
ช่วงนี้น้องแมวของเรา “น้องวอดก้า” อ้วนปุกลุกเลย เนื่องจากได้รับประทาน snack ตลอด (แบบไม่ยั้ง) สงสัยต้อง “ให้เข้าคอร์สไดเอ็ท” เสียแล้ว
วันนี้แล้ว ที่ album เต็มตัว ของ “ดิว” นักร้องคนเดียวที่เราชื่นชอบ จะวางแผน บอกตามตรง ในชีวิตของเรา เราไม่เคยซื้อ เทป หรือซีดีเพลง ของนักร้องคนไหนเลย (อ๊ะ อย่าคิดนะว่า เราซื้อแต่ เทปผี ซีดีเถื่อน เปล่าเลยคะ เพียงแต่ว่า ส่วนใหญ่เพื่อนๆก็จะซื้อมาให้ฟัง หรือไม่เราก็ฟังวิทยุซะส่วนใหญ่) ยังไงก่อนเดินทาง เราต้องหาโอกาสไปซื้อซีดีให้ได้ เพื่อจะได้ไปฟังในรถ
ช่วงนี้เรากำลัง "เพลิดเพลิน" กับการอัพรูป และเล่น facebook เพื่อนๆคนไหน ก็สามารถ add เราได้ โดย search หา e-mail ของเรา revealtomdy@hotmail.com หรือ search คำว่า "Reveal Heal"
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
เมื่อวานเรามีโอกาสได้เข้าใน www.lesla.com เราเห็นประกาศงาน Lesla Night ที่จะมีขึ้นในต้นเดือนหน้านี้ เรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากแทน ทอม ดี้ เลส ทุกท่าน ที่จะได้กลับมาพบกับ “มิตรภาพ และความสนุกสนานแบบอบอุ่น” อีกครั้งนึง (สำหรับวันที่ พี่ดี๋ยังไม่ได้ประกาศออกมาเป็นทางการ) แต่เราเคลียร์วันให้ว่างไว้เสมออยู่แล้ว หากมีการประกาศวันจัดงานที่แน่นอน เราจะแจ้งให้เพื่อนๆได้ทราบอย่างแน่นอนคะ (แล้วเจอกันที่ Lesla Night นะคะ )
ขณะที่เรากำลังนั่ง “จินตนาการ” ย้อนกลับไปยัง “อดีต” ตอนที่ไปเที่ยว “งานเลสล่า” เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราพลันนึกถึงหน้าทอมคนนึง ซึ่งเขาจะเป็นที่รู้กันในงานว่า “เขามาเพื่อเก็บเกี่ยวความเมากลับบ้าน” หากได้เห็นเขาที่งานทีไร ไม่มีหรอกที่จะเห็นเขา เดินเข้าไป “หลี” หรือ “ขอเบอร์” หญิง เขาจะนั่งดื่ม และก็ดื่ม เหล้าแก้วแล้ว แก้วเล่า ถูก “กรอก” เข้าปาก จนบางครั้งเราก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า “ไปตายอด ตายอยาก มาจากไหนเนี่ย” และทุกๆครั้งเมื่องานเลิก เขาก็จะค่อย “พยุงสังขาร” อันไร้สติ และไร้มาดทอม ค่อยๆ เดินออกไปเรียก taxi หากวันไหน เขาดื่มจนเมาแบบ “จุกอก” เขาก็จะ “สำรอก” ความเมาออกมาให้ ทอม ดี้ เลส ในงาน ได้เป็น “สักขีพยาน” ในการดื่ม เราไม่เคยนึกถึงภาพของเขาตอน “มีสติ” ออกเลย
จนกระทั่งวันนึง เรารีบไปงานเลสล่า แต่ “หัววัน “ เวลาประมาณ 20.00 ช่วงนั้นพี่ดี๋กำลังจะแจกตุ๊กตา และแผ่นหนัง L word (เราคาดหวังว่าจะ “ได้อะไรติดไม้ติดมือ” กลับมาเป็นที่ระลึกเสียหน่อย) และวันนั้น เราก็ได้เจอเขา (ในสภาพปกติ) เขาเป็นทอมวัย 27 ที่หน้าตาใสๆ มีรอยยิ้มที่แสนเศร้า และมีดวงตาที่เลื่อนลอยเล็กๆ แต่ก็เป็นทอม “มีมาด” คนนึง ก่อนที่เขาจะ “สั่งเหล้าชุดใหญ่” เราจึงไม่รอช้า เดินเข้าไปทำความรู้จัก (ต้องออกตัวก่อนว่า ปกติเราไม่ค่อยเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่? แต่ความกล้าในครั้งนี้ อาจด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า เขาจะใช้ปากในการสนทนาได้ดีเหมือนดื่มเหล้าไหม?)
เราเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเอง และก็คุยเรื่องใกล้ตัวไปเรื่อยๆ เขาก็ตอบกลับอย่างดี เขาเล่าว่า เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งนึง เขาจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีฐานะ เขารู้ตัว และยอมรับว่าตัวเองเป็นทอมตอนเขาเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ในงานรับน้องเขาได้พบกับ “แฟน” (คนแรก และคนปัจจุบัน) ของเขา และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่ง “วิบากกรรม” ในชีวิตรักของเขา
เธอเป็นดาวคณะที่สวยมาก เธอเรียนเก่ง และเป็นคนที่ไม่ค่อยคบหากับใครเท่าไหร่ เขาจึงเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเธอ ซึ่งตอนแรก เขาคิดไปเองว่า “เธอคือทุกอย่าง ทั้งหมด ในชีวิตรักที่เขาต้องการ” แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า “ความรักที่มากเกินไป มันก็ก่อให้เกิดทุกข์” และ “ทุกข์” นั้นก็เริ่มต้นจาก “ตัวเธอ” เมื่อเธอ “หึงและหวง” เขามาก เรียกได้ว่า เขาไม่สามารถมีสังคม มีเพื่อนไม่ว่าจะ ชาย หญิง ทอม หรือดี้ได้เลย และทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เธอจะลงไม้ลงมือ ทั้งตบ ตั้งปาของใส่หัวให้หัวแตก ทำให้เขาต้องเจ็บไปทั้งตัวและใจ หากเขาต้องการให้เธอหายโกรธ ต้องคลานเข้าไป “กราบเท้า” ของเธอ แล้วเธอก็จะให้อภัย แต่เธอก็ไม่ยอมลืมเรื่องเก่าๆ เพราะเมื่อไหร่ เธอนึกขึ้นได้ เธอก็จะพูด ย้อนด่า และใช้กำลังกับเรื่องเก่าแต่เล่าใหม่ อยู่ร่ำไป (ตามแต่สภาวะฮอร์โมน)
ประโยคเด็ดของเธอนั่นคือ “เลิกกันเลยไหม? อย่างมึงจะไปไหนรอด สุดท้ายก็ต้องมายอมกราบตีน ง้อกูอยู่ดี” หลายครั้งที่เขาต้องการที่จะ “เลิกรา” จริงๆ เพราะเนื่องจาก ครอบครัวเขาเริ่มรับรู้เรื่องของเธอ และรู้สึกไม่ปลื้มมากๆ ถึงขนาดที่แม่ของเขา ร้องไห้ ขอร้องให้เขาเลิกกับเธอ แต่เมื่อเขาตั้งใจเลิกจริงๆ เธอก็ “ขู่” จะฆ่าตัวตาย จะเอาคลิปที่เคยถ่ายตอนเขาและเธอแก้ผ้ามีอะไรกัน ไปเผยแพร่ ทำให้เขาต้องทนเก็บเรื่องราวต่างๆ และทนอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขา “เก็บกด” มาตลอด เราฟังแล้วก็ได้แต่ “ขอบคุณพระเจ้าในใจ ที่เราไม่ได้เอาหัวใจไปเสี่ยงกับคนจิตไม่ปกติเช่นเธอ” และ ช่วงนี้ เธอต้องไปดูแลคุณพ่อที่ป่วยที่ต่างจังหวัดทุกเสาร์ และอาทิตย์ จึงทำให้เขามีโอกาสเป็น “อิสระ” และ Lesla Night นี้แหละ ที่เป็น “สถานที่” ที่ทำให้เขารู้สึก “ปลอดภัย และสนุก” ในแบบของเขาเพียงลำพัง เพราะเขาไม่อยากจะรู้จัก หรือนำตัวไป “พัวพัน” กับความรักรูปแบบอื่นๆอีก
และนี่คือเรื่องราวของ “ทอมอีกคนนึงในสังคม” ที่คืนนั้น เขาก็กลับไปอยู่ในสภาพเดิม คือ “เมาเพื่อให้ลืมความรักที่มีแต่ความทุกข์ลืมความจริงของชีวิตที่ละเอียดอ่อน และ “เป็นปม” จนยากแก่การ “คลาย” ลืมทุกอย่าง” เพราะช่วงเวลาที่เมานี้ เขามีโอกาสที่จะเป็นตัวของตัวเอง และ “ปลดปล่อยสมอง” ออกจาก “เครื่องพันธนาการ” ที่โหดร้ายในชีวิต
นี่ก็ผ่านมานานแล้ว พอเราย้อนคิดถึงเขา เราก็ใคร่อยากจะรู้ว่า “ตอนนี้เขาเป็นเช่นไร? ยังทุกข์อยู่หรือเปล่า?”
และนี่คือ “บันทึก” แห่งความประทับใจอีกหน้า ที่เรามีต่อการไป Lesla Night เพราะหลังจากที่เราได้คุยกับเขา เรามีสติมากขึ้นในการใช้ชีวิต และเลือกที่จะคบใครสักคน เพราะ “ความรัก” และ “การตัดสินใจ” เลือกแฟนสักคน ที่ใครๆคิดว่า เป็นเรื่อง ชิวๆ ง่ายๆ นั้น สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้จริงๆ
ที่ Lesla Night ไม่เพียงแต่คุณจะได้เพื่อนใหม่ หรือมาสนุกในคืนวันเสาร์เท่านั้น คุณจะ “ค้นพบ” สิ่งดีๆ และประสบการณ์ชีวิตมากมายที่นี่ แล้วเจอกันนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
เมื่อวานเราไปว่ายน้ำกับน้องสาว และคนขับรถส่วนตัวมา ที่หมู่บ้าน แถวๆรามอินทรา หลังจากว่ายน้ำเสร็จเราก็ไปทาน “ผักสด หมูอร่อย” ตรงแถวๆแยกเหม่งจ๋าย อิ่มกันมาก แต่พอขับรถใกล้จะถึงบ้าน ด้วยความที่เราอยากทาน “บัวลอยไข่หวาน” คนขับรถส่วนตัวของเรา จึงพาเราขับรถไป “พระราม 4” เพียงเพื่อที่จะไปซื้อบัวลอยเพียงถุงเดียว ไปถึงร้านกำลังจะเก็บ เพราะเขาขายหมดแล้ว และแล้ว “ความผิดหวัง” ก็ได้มาเยือนเรา แต่แม่ค้าใจดีมาก บอกเหลืออีกถุง แต่ “ไข่” แตกในนั้น เรายอมซื้อทันที เพราะอยากทานมาก ในที่สุดเราก็ได้ทานบัวลอยไข่หวานจนได้
วันนี้เราก็ไปว่ายน้ำ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะไป แพตตินั่ม ก่อน แต่เนื่องจากตื่นสายมาก เราจึงต้องตัดโปรแกรมนั้นไปอย่างช่วยไม่ได้ ว่ายน้ำเสร็จ เราก็ไป dinner ที่ takumi โรงแรม swissotel ถ. รัชดา กินอิ่มมากมาย ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารที่แสนอร่อย และการ take care อย่างดี (จนเราขับรถเองไม่เป็นแล้ว)
ตอนนี้เราติด “BB” อย่างหนัก เนื่องจาก ปกติ จะคุยได้แค่คนต่อคน แต่ ณ ตอนนี้ มีเพื่อนสร้าง group ขึ้นมาแล้วคุยกันเหมือน chatroom คนเยอะมาก ประมาณ 24 คนได้แล้วตอนนี้ คุยกันตลอดวัน สนุกมากมาย เราก็แวะเข้าไปคุยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ข้อเสียคือ แบตหมดง่ายเหลือเกิน เมื่อก่อนว่างเมื่อไรเป็น ร้องเพลง อ่านหนังสือ แต่ตอนนี้ ว่างเมื่อไหร่ หยิบ BB เล่น chat หรือไม่ก็ IPhone เล่น yak เป็น “โลกส่วนตัว” อีกใบ
เอาไว้เราจะมาเขียนเรื่องให้อ่านอีก ตอนนี้ก็รายงานกิจวัตรประจำวันไปก่อนนะคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ทริปที่จะเดินทางไป “หัวหิน” วันนี้ ต้อง “ม้วนเก็บไป” เนื่องจากอารมณ์เล็กๆน้อยๆ ของเรา นี่ขนาดขับรถขึ้นทางด่วนลง ดาวคะนอง ขับต่อไปอีกเกือบ 30 กิโลแล้ว ก็ยัง “กลับรถ” เปลี่ยนใจกลับบ้าน พอมาถึงหน้าบ้าน อยากจะไปเดินตากแอร์ (แบบไม่เสียเงิน ซะหน่อย) ขับรถไปที่ central ladproae รถเยอะมาก ตัดสินใจกลับมา “จ่ายค่าไฟเอง” เปิดแอร์นอนที่บ้านดีกว่า
ไม่ต้องถามถึงความรู้สึกในใจนะ อุตส่าห์วางแผนไว้อย่างดี ถนนหนทางใน กทม. ก็โล่งด้วยแล้ว อารมณ์ส่วนตัวไม่อยากไป ซะงั้น นี่แหละหนา ใครหลายๆคนจึงเรียกเราว่า “art ตัวแม่”
เมื่อหลายวันก่อน ได้รับจดหมายจาก “คุณพ่อ พระสงฆ์ทางคาทอลิกท่านนึง” ท่านชวนเราไป “เข้าเงียบ” (เป็นการร่วมกิจกรรมเพื่อเจริญชีวิตภายใน) ที่เขาย้อย เพชรบุรี เราโทรไป “ตอบตกลง” โดยไม่คิดอะไรมาก เหตุผลหลักๆ ก็คงต้องการไปเพื่อพักผ่อนร่างกาย และ “เว้นวรรค” ให้กับชีวิต และความยุ่งยากต่างๆ กลับมา เราคงได้อะไรมาแบ่งปันให้เพื่อนได้อ่านกันบ้างนะคะ
เพื่อนๆได้เล่นน้ำสงกรานต์กันบ้างหรือเปล่าคะ เปียกกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย โดยส่วนตัวเราไม่ชอบเล่นเท่าไหร่ แต่ชอบดูคนเขาสาดน้ำกันมากกว่า
ยังไงก็ สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ สำหรับเราคงเป็นแค่วันธรรมดา ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
หากจะถามว่า เรามีเพื่อนสนิทหลายคนไหม ต้องบอกตามตรงเลยว่า เรามีเพื่อนสนิทหนึ่งคน พี่ที่สนิทหนึ่งคน และ น้องที่สนิทอีกหนึ่งคนเท่านั้น (เพื่อนน้อยมากๆ อาจเพราะเราไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไหร่) และเมื่อวานตอนเช้า เราออนไลน์ทางมือถือ น้องที่สนิทเข้ามาทัก และชวนเราไปดูหนัง เราตอบแบบไม่ลังเลเลยทันที “ตกลงค่ะ” แต่เหตุผลหลักๆในการนัดครั้งนี้ ก็คือ เขาต้องการเอาแฟนมาเปิดตัว (แหม ถ้ากล้าเอามาให้พี่เห็นหน้านี่ แสดงว่าต้องมั่นใจคนนี้แน่นอน) เราและน้องที่สนิทจะมีนิสัยที่เหมือนกันมากๆนั่นคือ “เจ้าชู้ เอาแต่ใจ แต่ถ้าได้รัก หรือเลือกใครแล้ว สุดหัวใจเลยทีเดียว” (หากจะคบกันแค่ “ความรัก” อย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมี “ความเข้าใจ” และ “ให้อภัย” ด้วย เพราะเมื่อคบไปนาน “ความงี่เง่า” เล็กๆ อาจจะมีผลุบๆโผล่ๆออกมาบ้างเช่นกัน)
เรานัดกันไปดูหนังที่ major บางกะปิ ไปกันสี่คน มีน้องและแฟนเขา เรา และคนขับรถส่วนตัว (ที่ทำหน้าที่เพียงกะเดียวเท่านั้น) น้องเขาตัดสินใจเลือกดูเรื่อง daywalker (ดีจัง เราอยากดูเรื่องนี้อยู่พอดี) บอกตามตรง หนังเรื่องนี้สนุกที่สุด ในช่วง 3 เดือนที่เราดูหนังมาเลย หลังจากที่เราต้องผิดหวังอย่างหนัก หลังจากไปดูเรื่อง the wolfman และ the book of Eli หนังเรื่องนี้ทุกอย่างลงตัวไปหมด (เพื่อนๆคนไหนยังไม่ได้ไปดู เราแนะนำนะคะ) เมื่อดูแล้ว อาจจะ “เหลียว” ให้ความสำคัญกับ “แสงแดด” กันบ้าง (รู้สึกว่าคนสมัยนี้ กลัวแดด กลัวดำ กลัวหมอง แต่อาจไม่ทันคิดว่า ชีวิต และร่างกายของเราต้องการอย่างมาก และเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในชีวิตของเรา) และอีกแง่คิด ใครที่คิดว่า ชีวิตตัวเองไร้ค่า อยากจะฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายตัวเอง เมื่อดูเรื่องนี้ อาจจะ “ตระหนัก” ได้ว่า ชีวิตของมนุษย์มีค่า และเลือดทุกหยดของเรานั้น เป็น “พระพร” แค่ไหน
หลังจากดูหนังเสร็จ เราทั้ง 4 ไปต่อกันที่ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ตรงรามอินทรา (เราไม่เคยไป เพราะโดนส่วนตัวเราไม่ดื่มเบียร์) เมื่อไปถึง เราต้องอึ้ง เพราะสถานที่กว้างใหญ่มาก เราค่อยๆเดินลัดเลาะ ผ่านโต๊ะต่างๆไปยังโต๊ะติดหน้าเวที สาวๆอย่างเราดื่มน้ำเปล่า ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาดวลเบียร์กันไป มาที่นี่ต้องสั่ง “ขาหมูเยอรมัน” ที่มี “มันบด” เราเป็นคนชอบมันบดอยู่แล้ว และต่อด้วย ข้าวผัดปูจานใหญ่ และผัดผัดบุ้งไฟแดง ทานไป ฟังเพลงไป และดูโต๊ะรอบตัวยืนเต้นไป กล้องจับ และสะท้อนไปที่โปรเจคเตอร์ตัวใหญ่ หลังจากนั่งดูอยู่สักพัก เราก็ถึง “บางอ้อ” ว่า สถานที่แห่งนี้ ไม่เหมาะกับวัยอย่างเราเลย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่มา “ปลดปล่อย” ความเป็นตัวเองอยู่ที่นี่นั้น สนนอายุ เกิน 40 ทั้งนั้น (สำหรับเรายังไม่ถึงเวลามาที่นี่อ่ะ) แต่ก็แอบยิ้มทุกครั้งที่เห็นรุ่นพ่อ รุ่นแม่ เต้นแบบสุดเหวี่ยง
เราขอแนะนำสถานที่นี้นะคะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนไม่มีที่ไป ชอบทานเบียร์ ดูโชว์ ที่นี่เป็น “ทางเลือก” ที่ดี แห่งนึงเชียว
และเนื่องจาก น้อง และคนขับรถส่วนตัวของเราดื่มเบียร์ เราจึงต้องเป็นคนขับรถไปส่งน้องที่คอนโด และขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง เนื่องจากค่อนข้างกลัวว่าจะมีด่านตำรวจตรวจจับแอลกฮอลล์ กว่าจะถึงบ้านก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว เหนื่อยมากมาย อาบน้ำนอนทันที
และนี่คืออีกกิจกรรมประจำวันของเรา (จริงๆ อยากจะเขียนเรื่องอื่นด้วย นั่นคือ เรื่องการให้อภัยในชีวิตคู่ แต่ขอติดไว้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้แน่นอน)
ขอบคุณนะคะที่ติตตามอ่าน