Recent News

Powered by eSnips.com

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ไม่คลาดกัน

หากพูดถึง “การเดินทางของความรัก” หลายๆก็ครองตัวโสดมานานแสนนาน (จนแอบน้อยใจตัวเองว่า เพราะอะไร? เราถึงไม่มีคู่ แม้คนจะจีบยังไม่มีเข้ามาเลย) ส่วนคนที่มีคู่อยู่แล้ว ก็ใจชื้นขึ้นมาได้นิดหน่อย แต่ก็มีคำถามตามมาเช่นกันว่า “ทำไมเขาหรือเธอต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้” ไม่ได้ดั่งใจเสียอย่าง เรียกได้ว่า ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี มองหา “กิ๊ก” มองหาโอกาสที่ดีกว่า ใหม่กว่า (แบบว่าไม่รู้จักคำว่า “พอ”)


วันนี้เรามีเรื่องมาแบ่งปัน เชื่อว่า เพื่อนๆจะได้มีมุมมองความรักเพิ่มมากขึ้นอีกมุมนึง


เมย์ (ทอม) และ ปราย (ดี้) ทอมดี้นักเรียน ม.ปลาย ด้วยความที่ความรักก่อเกิดในช่วงวัยรุ่น เวลารัก ก็รักกันมาก เวลาทะเลาะกันก็ใส่ ENERGY มากเกินไปด้วย ทั้งคู่ รักๆ เลิกๆ กันมาหลายต่อหลายครั้ง จนเพื่อนๆในวัยเดียวกัน จัดให้ทั้งคู่เป็น “คู่ตัวอย่างที่ไม่มีทางที่จะคบจะได้ยืด อยู่ด้วยกันได้” อย่างแน่นอน


เวลาทะเลาะกัน เธอก็จะตะโกนใส่หน้าเขาว่า “ฉันรักแกมาก พอๆกับเกลียดนิสัยอวดดี เอาแต่ใจของแกมากเช่นกัน” ถ้อยคำดังกล่าวทำร้ายเขามาจนชินชา และ 2 ปีแห่งการอดทน (ที่อาจมีอีกหลายๆคู่ที่อดทนมากกว่านี้) การทะเลาะเบาะแว้งกันก็เป็นอันต้องยุติ ด้วยคำว่า “เลิกกัน และลาก่อน”


ก่อนจากกัน เธอได้บอกกับเขาว่า “ฉันอยู่โดยปราศจากคุณไม่ได้ แต่ฉันก็ทนอยู่กับคุณไม่ได้เช่นกัน” (แต่ละประโยคที่เธอสรรหามาพูดนั้น ช่างแทงใจดำผู้รับฟังเหลือเกิน) เขาแยกไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนเธอก็เรียนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ด้วยระยะทางแล้วทั้งสองไกลกัน ทั้งคู่จึงขาดการติดต่อกัน ไม่ว่าในฐานะไหน แม้แต่ฐานะเพื่อนก็ตาม แต่ก็แปลกที่เขาก็ยังเฝ้าคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆที่มีเธออยู่เสมอ (เธอคนที่เขา “ไม่เลือก” ที่จะอยู่ด้วย)


หลังจากนั้นเขาคบดี้อีกหลายต่อหลายคน เขาพบว่า ดี้ที่เขาคบแต่มาหลังจากเธอนั้น ขาดอารมณ์รุนแรง (ที่ทำให้เลือดในร่างกายของเขาฉีดพล่าน ดี้พวกนั้น เรียบร้อย หัวอ่อน และจืดชืดเกินไป) ไม่มีใคร “วิ่งตามเขาทัน ฉลาดตามเขาทัน เถียงตามเขาทัน” ได้สักคน ไม่มีคนไหนมีนิสัยดุดันเท่ากับเธอเลย แต่เมื่อเขาหวนคิดถึงเธอ เขาก็พบว่า ช่วงเวลาที่อยู่กับเธอไม่ต่างอะไรกับอยู่ “ในนรก” เลย (คิดวนไปวนมา ใจนึงก็อยากได้คนอย่างเธอ อีกใจก็ไม่อยากได้) สับสนในตัวเองอยู่ทุกครั้ง


หลายปีที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ยังคงค้นหา ดี้ที่สมบูรณ์แบบ มีครบทุกรสชาติ ที่จะมาทำให้หัวใจเขาชุ่มชื้นอีกครั้งนึง เขาพยายามเหลือเกินที่จะเดินหาดี้สักคนในมหาวิทยาลัย ติดต่อไปยังเพื่อนเก่าๆ เผื่อว่าจะมีใครสักคนช่วยให้เขาพบรักใหม่อีกสักครั้ง แต่ก็ไม่มีดี้คนไหนที่เหมาะสมพอสำหรับเขา


5 ปีต่อมา เขาเรียนจบ เริ่มทำงานในบริษัทที่มั่นคงแห่งนึง มุมมองการใช้ชีวิตของเขาโตขึ้น ภาวะทางอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ยังครองตัวเป็น “โสด” เพื่อนๆที่ทำงานแนะนำสาวหลายต่อหลายคนให้เขา รวมถึงแนะนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์จับคู่ให้ (เพื่อนสงสารเนื่องจากเขาลองมาหมดทุกวิธีในการหาคู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย) แม้ว่าเขาจะอยู่กับความโสดมานาน แต่เลือกในกายเขายังรุ่มร้อนที่จะมีใครสักคนเคียงข้างกายอยู่ ทำให้เขาไม่ละความพยายามที่จะหาคนที่ “ใช่”



เขาได้เข้าไปใช้บริการในเวปทอมดี้แห่งหนึ่ง เขาได้ลงประกาศหาคู่ มีดี้หลายคนไป comment ในกระทู้ ทิ้งอีเมลล์ และเบอร์มือถือไว้หลายคน เขาได้สุ่มเลือกมาคนหนึ่ง และโทรไปหา ปรากฏว่า เขาต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่ปลายสายนั้น เพราะเสียงนั้น คุ้นหู และไม่มีวันที่เขาจะลืมเจ้าของเสียงนี้ได้เป็นอันขาด เสียงนั้นคือ “ปราย” แฟนคนแรกสมัยมัธยม และคนเดียวที่เขาคิดถึงตลอดมา เมื่อได้คุยกัน ทั้งคู่ได้ตัดสินใจคบกันอีกครั้ง และด้วยการเติบโตด้านวุฒิภาวะ และภาวะทางอารมณ์ ณ ปัจจุบันทั้งคู่คบกันมาได้ 5 ปีแล้ว



เราเคยได้ยินคนพูดว่า “คู่กันแล้ว ไม่แคล้วกัน” และ “ถ้าเขาคือคนที่ใช่ เขาก็คือคนที่ใช่” ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอีก กี่วัน กี่เดือน กี่ปี แต่ด้วยพรหมลิขิต (Destiny) หรืออะไรสักอย่าง ก็จะพาคนสองคนนั้นมาเจอ และมารักกันอีกครั้ง แต่หากนั่นเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ เราควรจะรักษาคนที่เราคิดว่าเขาใช่สำหรับเราที่สุด ในขณะที่เรามีเขาอยู่ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด



อย่าเอาคำว่า “เลิกกัน” มาเป็นคำทักทายความรักต่อไปเลย ดูแลคนที่เรารัก และดูแลหัวใจตัวเราเองให้ดีๆ เพราะ “พรหมลิขิต” ไม่ได้มาเคาะประตูบ้านเราบ่อยๆหรอกนะคะ (ยังมีคนโสดอีกหลายคน ที่ยังคงเดินทางค้นหาความรักต่อไป) คุณโชคดีที่สุดแล้ว ที่มีคนที่ใช่ ได้เจอคนที่ใช่ รู้ไหม?



สำหรับคนที่ผ่านเรื่องราวความรักมากมาย จนรู้สึกแย่และทำร้ายตัวเอง ลองคลิกกลับไปอ่านเรี่องราวต่างๆ ที่เราเคยเขียนดู แล้วจะรู้ว่า ทุกข์ในความรักของคุณเล็กน้อยมาก หากเทียบกับของคนอื่นๆ



ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ประชดรักภาคพิเศษ

เมื่อวันก่อนจัดห้อง เราได้เจอ “งานเขียน” เก่าๆของเรา ที่เคยเขียนไว้ใน “ไดอารี่ของเลสล่า” ที่เรา print ใส่กระดาษไว้กองใหญ่ (ซึ่งปัจจุบันเราไม่มี file นั้นอยู่ในคอมเรา) หลังจากที่นั่งอ่านๆไป อ่านๆมา เราจึงขอนำเรื่องที่เราเขียนไว้แล้วในอดีต (หลายปี) ซึ่งเพื่อนบางคนอาจเคยอ่าน (เพราะเป็นแฟนคลับเราอย่างเหนียวแน่น) แต่ก็อาจจำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว รวมถึงคนบางคนที่ยังไม่เคยอ่าน อาจจะได้รับประโยชน์จากงานเขียนเหล่านี้ได้บ้าง

สิ่งที่เห็นได้ชัดในสังคมตอนนี้ก็คือ “คนหลายๆคนเริ่มจะมีอาการป่วยทางจิตใจ” หลายคนเริ่มจัดการและควบคุมปัญหาที่เข้ามาในชีวิตไม่ได้ จึงเลือกที่จะ “หนี” ออกจากปัญหา เพียงเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงสถานะที่ต้องเผชิญ พวกเขาไม่กล้าที่จะ “ยอมรับ” กับปัญหา เพราะพวกเขากลัวที่จะรับรู้ “ความจริง” จากคนที่พวกเขารัก ซึ่งจะนำพาพวกเขาสู่ “ความล้มเหลว” ในการมีชีวิตอยู่

ไดอารี่วันนี้เป็นเรื่องราวของดี้คนนึง ที่ผิดหวังต่อความรัก และอ่อนแอกับโชคชะตาที่เธอต้องเจอ

“หนู” ดี้วัย 19 เป็นคนกรุงเทพ แต่สอบติด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องย้ายไปอยู่หอแถวมหาวิทยาลัย แรกๆเธอกลัวว่าจะเหงาเหมือนกัน เพราะไม่มีเพื่อนเลย แต่เพื่อการศึกษาเธอจำเป็นต้องไปใช้ชีวิตอยู่โดดเดี่ยวในต่างถิ่น ด้วยบุคลิกน่ารักใสๆของเธอแบบนี้นั้น กลับกลายเป็นจุดสนใจให้กับ “แต้ว” ทอม playboy รุ่นพี่เข้าอย่างจัง เขารู้สึกอยากจะค้นเข้าไปในใจ รวมถึงร่างกายของเธอยิ่งนัก เขาตามจีบเธออยู่ไม่นาน เธอก็ใจอ่อน ยอมให้เขาทั้งกายและหัวใจ

เมื่อเขาพิชิตใจเธอได้แล้วนั้น ความตื่นเต้นเกี่ยวกับตัวเธอ สำหรับเขาก็หมดลง เขาเริ่มมองหาของเล่นชิ้นใหม่ ในขณะที่เธอนั้นรักและเทิดทูนเขาสุดหัวใจ ยิ่งวัน ยิ่งมากขึ้น (ช่างเป็นความรักที่สวนทางกันเสียนี่กระไร) พฤติกรรมเขาเริ่มเปลี่ยนไป พอเธอสังเกตุได้ เธอก็ยอมปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง เพื่อต้องการให้เขาอยู่กับเธอต่อไป แต่ด้วยความเบื่อและไม่จริงจังของเขา ทำให้เขามองหา “เหยื่อ” รายใหม่

ไม่นานนัก เขาก็เจอเป้าหมายใหม่ และเขาก็ตีจากออกไปจากเธอ โดยทิ้งคำถามว่า “ทำไม? เธอผิดหรือบกพร่องตรงไหน?” และความเจ็บปวดให้กับเธอมากมาย เธอไม่รู้ว่า เธอทำอะไรผิด เธอไม่ดีตรงไหน คงมีเพียงทางเดียวที่จะทำให้เขากลับมาหาเธอ นั่นคือ “การเรียกร้องความสนใจ” เธอเริ่มทำร้ายร่างกายตัวเอง โดยใช้มีกรีดเป็นแผลเล็กๆ และโทรไปขอร้องให้เขากลับมา แต่เขาก็ไม่ยอมหันมาสนใจ (ขึ้นชื่อว่า ทอม playboy นะ ทอมประเภทนี้เป็นได้แต่ทอมจีบด่ะ เอาด่ะ ไม่รู้ซึ้งถึงความรับผิดชอบหรอก) จากแผลเล็กๆ ก็เริ่มด้วยการทำร้ายร่างกายตัวเองสารพัดวิธี แต่เขาก็ยังไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แถมยังด่าเธอว่า “โง่ บ้า” อีก ทำให้เธอเสียอย่างที่สุด

สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะ “ฆ่าตัวตาย” ด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ และกำลังจะกรอกใส่ปากตายนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปลายสายเป็น “คุณแม่” เมื่อได้ยินเสียงแม่ของเธอ เธอร้องไห้ แม่เธอได้แต่ปลอบ โดยไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร คิดจะทำอะไร การได้พูดคุยกับแม่ช่วงเวลานั้น ทำให้ความคิดที่จะฆ่าตัวตายของเธอจบลง เธอขอ entrance ใหม่ เธอไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว แม่เธอรับปาก และจะมารับเธอกลับ กรุงเทพ ในวันรุ่งขึ้น เธอเดินทางออกมาจากเชียงใหม่ โดยทิ้งประสบการณ์ความรักห่วยๆไว้ที่นั่น แล้วมาเริ่มต้นใหม่ที่กรุงเทพ

เธอเล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง เพื่อว่าจะได้ช่วยเตือนสติ ใครอีกหลายๆคน ที่อาจจะมีความคิดเพียงวูบหนึ่ง ที่ต้องการจะหนี โดยผ่านทาง “ความตาย”

ณ ตอนนี้เธอเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว และจะไม่ยอมทำร้ายตัวเองเพื่อความรักอีกต่อไป

สาเหตุที่ไม่ควร “ฆ่าตัวตาย” เพื่อประชดความรักก็คือ

คุณจะรู้ได้ไงว่า “ความตาย” คือจุดจบของปัญหา การที่คุณฆ่าตัวตาย ทำให้ตัวคุณตายก่อนหมดอายุขัย วิญญาณคุณอาจจะวนเวียนอยู่ในโลกใบนี้ อย่างทรมาน คอยดูความรักครั้งใหม่ของคนที่คุณรักก็ได้ (แต่คุณเป็นเพียงแค่วิญญาณ จัดการอะไรก็ไม่ได้) คนเหล่านั้นอาจไม่เสียใจ รับรู้ และยอมรับผิดที่ทำให้คุณต้องจบชีวิตลง ตรงกันข้ามพวกเขาอาจจะหัวเราะ และเยาะเย้ยคุณก็ได้ ดังนั้น เป็นประโยชน์มากกว่า ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ เพราะคุณสามารถที่จะมองหาคนใหม่ ที่ดีกว่าเขา และเย้ยเขาได้

คุณจะรู้ได้ไงว่า เขาจะเสียใจกับการตายของคุณ เขาอาจจะดีใจก็ได้ ความผิดของเขาที่ทำไว้กับคุณจะได้ไม่ถูกขุดคุ้ยออกมาก เขาคงจะยิ้มเยาะให้กับการเสียสละที่งี่เง่าของคุณ

คุณอาจจะคิดว่า “การตาย” ของคุณทำให้คุณจบปัญหากับเขา แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็ได้สร้างปัญหาให้กับคนที่รักคุณด้วยชีวิต ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อนสนิท คนที่แอบรักคุณ (แต่คุณไม่เคยรู้) เพราะพวกเขาอาจจะเสียใจไปตลอดทั้งชีวิต

อย่าทิ้งพวกเขาไป โดยไม่ให้พวกเขามีส่วนร่วมในการรับรู้ และช่วยแก้ปัญหาของคุณ

จำเอาไว้ว่า โลกนี้มีอีกหลายพันล้านคน ที่พร้อมจะทำความรู้จัก และเรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณ ดังนั้น ก็อย่าเดินจากไปเพราะคนห่วยๆเพียงคนเดียว (เมื่อได้รับโอกาสเกิดมาแล้ว อย่าทำให้มันสูญเปล่า)

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

อย่าปล่อยให้ "หัวใจรก"

เผลอแป๊ปเดียว ก็มาถึงเกือบปลายเดือนมกราคมแล้ว เท่าที่จำได้นั้น คิดว่า เพิ่งจะ countdown ไปไม่ใช่หรือ? เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจัง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น้องแพรว (ลูกคุณอา) ได้เดินทางมาเที่ยว กทม. จุดประสงค์หลักคือ อยากมาเที่ยวเล่น แต่ก็ได้เที่ยวสมใจ เพราะคิวแต่ละวันแน่นเอี๊ยดมาก เมื่อน้องมา เราจึงถือโอกาส “ขอแรง”​ช่วยจัดห้องข้างนอกเสียหน่อย รู้สึก “รก” เหลือเกิน


ตอนแรกตั้งใจว่า “น่าจะใช้เวลาจัดเพียง 2 วัน” แต่ที่ไหนได้ เก็บโน่น เก็บนี่ เก็บไปเก็บมา 5 วันแล้วก็ยังดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่นัก (ค่อยๆย้าย ค่อยๆเก็บไปเรื่อยๆ)


เวลาที่บ้าน “รก” ทุกสิ่งทุกอย่าง วางขวางหู ขวางตาไปหมด ต้องได้เวลาเคลียร์ของ เลือกว่าสิ่งไหนจะเก็บไว้ใช้ สิ่งไหนต้องทิ้งเพราะไม่จำเป็น ก็ต้องใช้เวลานานไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ


และถ้าชีวิตภายใน(จิตใจ)ของเรา “รก” อารมณ์ไม่คงที่ ไม่เข้าใจความต้องการของตัวเอง อยู่ๆก็มีความสุข และอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ก็คงต้องถึงเวลาที่เราต้อง “เคลียร์จิตใต้สำนึก” เช่นกัน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ต้องคุยกับตัวเอง แล้วค่อยๆแยกความรู้สึก ไม่พอใจ โกรธ เสียใจ และความสุข ออกจากกัน (อย่าปล่อยให้มันฟุ้งอยู่ในจิตใจ) จากนั้นก็คงต้อง “ลืม และทิ้ง” เรื่องบางเรื่อง คนบางคนที่ไม่มีบทบาทในชีวิตออกไปเช่นกัน (จดจำไว้ก็ “รกสมอง”) อาจจะต้องใช้เวลา แต่เมื่อเคลียร์หัวใจเรียบร้อยแล้วล่ะก็ พร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อรอต้อนรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต


คุณ? ได้ใช้เวลาเคลียร์หัวใจของตัวเองบ้างหรือยังคะ? อย่าปล่อยให้ “หัวใจรก” นะคะ


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

My Vodka




สวัสดีครับ ผมชื่อ "วอดก้า" ครับ อายุ 5 ปีครับ








วันนี้เอารูปน้องวอดก้ามาให้ดูกัน ช่วงนี้หล่อไม่ใช่เล่น ซนยิ่งกว่าเดิม ทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้ snack











ผมกำลังยุ่งอยู่กับการเล่นเกมส์บน iPad ครับ









วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

Happy Birthday to my Mommam







HAPPY BIRTHDAY MY LOVELY CAT (MOMMAM) 11 YEARS.


เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน สิบเอ็ดปีแล้ว ที่เราชีวิตของเราได้มี “น้องมอมแมม” (แมวที่แสนน่ารัก และมีมาดอย่างคุณชาย) เราคงไม่มีของขวัญ หรือสิ่งใดจะให้ “เขา” เพราะ “ความรัก” ในทุกๆวันที่เรามีให้ในทุกๆวันนั้น ก็ “หมดหัวใจ” ของเราแล้ว


ขอบคุณที่มีกันและกันมาตลอดนะจ๊ะ พี่รักมอมแมมที่สุดนะ


รักมากเลยรู้ไหม?

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

ปีใหม่ ใหม่






สวัสดีคะ เพื่อนๆชาว blog ทุกคน ก่อนอื่นต้องขอ Happy New Year ย้อนหลัง เพื่อนๆไปเที่ยวที่ไหนกันมาคะ? สำหรับเรา เราได้ไปพักผ่อนหลบความวุ่นวายช่วงปีใหม่อยู่หลายวัน เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ได้เจอเพื่อนเก่าที่พร้อมจะเริ่มประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเลยทีเดียว


เมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบการเขียนไดอารี่ของเราครบ 4 ปีเต็มแล้ว หากจะย้อนไป ย้อนมาจริงๆ ประสบการณ์ที่เราได้รับจากการเขียนมีเยอะแยะมากมาย


ทั้งเสียงตอบรับที่ดี เป็นทั้งกำลังใจ และแรงผลักดันให้เราได้แบ่งปันต่อไป


ทั้งเสียงตอบรับที่ดูเหมือนจะมองคนละมุม กับความตั้งใจ และจุดประสงค์ในการเขียนของเรา จนหลายๆครั้งเราก็ท้อ และไม่อยากจะเขียนอะไรออกมาอีกเลย


เราได้เจอผู้คนมากมาย ทั้งคนที่มีมุมมองที่ดี ทัศนคติที่เยี่ยมยอด และปัจจุบันก็เป็นเพื่อนที่แสนดีต่อกันและกัน


รวมถึงเราได้เจออีกหลากหลายคนที่เข้ามาฟาดฟันทำลาย (ทั้งๆที่ไม่เคยได้รู้จักกันอย่างแท้จริง) แต่เนื่องจากอะไรก็ไม่ทราบ อาจเพราะปีที่เราเกิด “ชง” กัน หรือเพราะความหมั่นไส้ส่วนบุคคลก็ไม่ทราบ (แต่ก็อย่างว่าแหละ “ความคิด และทัศนคติ กำหนดความเป็นมนุษย์ของคนแต่ละคน)


ปีใหม่แล้ว อะไรที่ผ่านมา ก็แล้วกันไป เปิดรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาดีกว่าเนอะ


ขออวยพรให้เพื่อนมีความสุข คิดอะไรสมความปรารถนา (ถ้าสิ่งที่คิด ปรารถนา ไม่เกินความเป็นไปได้) มีสุขภาพที่แข็งแรง (คำอวยพรคงจะไม่สัมฤทธิ์ผล หากคุณไม่ดูแลสุขภาพของคุณไปพร้อมๆกับอธิษฐาน) มีความรักที่มั่นคง (ความรักต้องอยู่บนพื้นฐานของการให้อภัย และเข้าใจกัน) และร่ำรวยเงินทอง (เงินชอบอยู่กับคนที่ฉลาดในการใช้มันเสมอ) นะคะ


ถ้าพูดถึงปีที่แล้ว สำหรับเราเป็นอีกปีที่มีความสุขมาก เราได้อยู่ในสังคมที่ดีๆ สังคมครอบครัว (คุณพ่อ คุณแม่ น้องแมว) สังคมเพื่อนฝูง (ได้เจอเพื่อนที่ดีๆ กลุ่ม 7pm) และความรักกับใครอีกคนที่คู่ควร เหมาะสมที่สุด จนหลายๆครั้งเราก็อิจฉาตัวเราเองด้วยซ้ำ


สำหรับปีหน้าเราคงไม่คาดหวังอะไรมาก คงได้แค่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สำหรับคนทุกคนที่เรารักและเคารพมากที่สุด ก็แค่นั้น


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน