Recent News

Powered by eSnips.com

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ไม่คลาดกัน

หากพูดถึง “การเดินทางของความรัก” หลายๆก็ครองตัวโสดมานานแสนนาน (จนแอบน้อยใจตัวเองว่า เพราะอะไร? เราถึงไม่มีคู่ แม้คนจะจีบยังไม่มีเข้ามาเลย) ส่วนคนที่มีคู่อยู่แล้ว ก็ใจชื้นขึ้นมาได้นิดหน่อย แต่ก็มีคำถามตามมาเช่นกันว่า “ทำไมเขาหรือเธอต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้” ไม่ได้ดั่งใจเสียอย่าง เรียกได้ว่า ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี มองหา “กิ๊ก” มองหาโอกาสที่ดีกว่า ใหม่กว่า (แบบว่าไม่รู้จักคำว่า “พอ”)


วันนี้เรามีเรื่องมาแบ่งปัน เชื่อว่า เพื่อนๆจะได้มีมุมมองความรักเพิ่มมากขึ้นอีกมุมนึง


เมย์ (ทอม) และ ปราย (ดี้) ทอมดี้นักเรียน ม.ปลาย ด้วยความที่ความรักก่อเกิดในช่วงวัยรุ่น เวลารัก ก็รักกันมาก เวลาทะเลาะกันก็ใส่ ENERGY มากเกินไปด้วย ทั้งคู่ รักๆ เลิกๆ กันมาหลายต่อหลายครั้ง จนเพื่อนๆในวัยเดียวกัน จัดให้ทั้งคู่เป็น “คู่ตัวอย่างที่ไม่มีทางที่จะคบจะได้ยืด อยู่ด้วยกันได้” อย่างแน่นอน


เวลาทะเลาะกัน เธอก็จะตะโกนใส่หน้าเขาว่า “ฉันรักแกมาก พอๆกับเกลียดนิสัยอวดดี เอาแต่ใจของแกมากเช่นกัน” ถ้อยคำดังกล่าวทำร้ายเขามาจนชินชา และ 2 ปีแห่งการอดทน (ที่อาจมีอีกหลายๆคู่ที่อดทนมากกว่านี้) การทะเลาะเบาะแว้งกันก็เป็นอันต้องยุติ ด้วยคำว่า “เลิกกัน และลาก่อน”


ก่อนจากกัน เธอได้บอกกับเขาว่า “ฉันอยู่โดยปราศจากคุณไม่ได้ แต่ฉันก็ทนอยู่กับคุณไม่ได้เช่นกัน” (แต่ละประโยคที่เธอสรรหามาพูดนั้น ช่างแทงใจดำผู้รับฟังเหลือเกิน) เขาแยกไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนเธอก็เรียนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ด้วยระยะทางแล้วทั้งสองไกลกัน ทั้งคู่จึงขาดการติดต่อกัน ไม่ว่าในฐานะไหน แม้แต่ฐานะเพื่อนก็ตาม แต่ก็แปลกที่เขาก็ยังเฝ้าคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆที่มีเธออยู่เสมอ (เธอคนที่เขา “ไม่เลือก” ที่จะอยู่ด้วย)


หลังจากนั้นเขาคบดี้อีกหลายต่อหลายคน เขาพบว่า ดี้ที่เขาคบแต่มาหลังจากเธอนั้น ขาดอารมณ์รุนแรง (ที่ทำให้เลือดในร่างกายของเขาฉีดพล่าน ดี้พวกนั้น เรียบร้อย หัวอ่อน และจืดชืดเกินไป) ไม่มีใคร “วิ่งตามเขาทัน ฉลาดตามเขาทัน เถียงตามเขาทัน” ได้สักคน ไม่มีคนไหนมีนิสัยดุดันเท่ากับเธอเลย แต่เมื่อเขาหวนคิดถึงเธอ เขาก็พบว่า ช่วงเวลาที่อยู่กับเธอไม่ต่างอะไรกับอยู่ “ในนรก” เลย (คิดวนไปวนมา ใจนึงก็อยากได้คนอย่างเธอ อีกใจก็ไม่อยากได้) สับสนในตัวเองอยู่ทุกครั้ง


หลายปีที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เขาก็ยังคงค้นหา ดี้ที่สมบูรณ์แบบ มีครบทุกรสชาติ ที่จะมาทำให้หัวใจเขาชุ่มชื้นอีกครั้งนึง เขาพยายามเหลือเกินที่จะเดินหาดี้สักคนในมหาวิทยาลัย ติดต่อไปยังเพื่อนเก่าๆ เผื่อว่าจะมีใครสักคนช่วยให้เขาพบรักใหม่อีกสักครั้ง แต่ก็ไม่มีดี้คนไหนที่เหมาะสมพอสำหรับเขา


5 ปีต่อมา เขาเรียนจบ เริ่มทำงานในบริษัทที่มั่นคงแห่งนึง มุมมองการใช้ชีวิตของเขาโตขึ้น ภาวะทางอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ยังครองตัวเป็น “โสด” เพื่อนๆที่ทำงานแนะนำสาวหลายต่อหลายคนให้เขา รวมถึงแนะนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์จับคู่ให้ (เพื่อนสงสารเนื่องจากเขาลองมาหมดทุกวิธีในการหาคู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย) แม้ว่าเขาจะอยู่กับความโสดมานาน แต่เลือกในกายเขายังรุ่มร้อนที่จะมีใครสักคนเคียงข้างกายอยู่ ทำให้เขาไม่ละความพยายามที่จะหาคนที่ “ใช่”



เขาได้เข้าไปใช้บริการในเวปทอมดี้แห่งหนึ่ง เขาได้ลงประกาศหาคู่ มีดี้หลายคนไป comment ในกระทู้ ทิ้งอีเมลล์ และเบอร์มือถือไว้หลายคน เขาได้สุ่มเลือกมาคนหนึ่ง และโทรไปหา ปรากฏว่า เขาต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่ปลายสายนั้น เพราะเสียงนั้น คุ้นหู และไม่มีวันที่เขาจะลืมเจ้าของเสียงนี้ได้เป็นอันขาด เสียงนั้นคือ “ปราย” แฟนคนแรกสมัยมัธยม และคนเดียวที่เขาคิดถึงตลอดมา เมื่อได้คุยกัน ทั้งคู่ได้ตัดสินใจคบกันอีกครั้ง และด้วยการเติบโตด้านวุฒิภาวะ และภาวะทางอารมณ์ ณ ปัจจุบันทั้งคู่คบกันมาได้ 5 ปีแล้ว



เราเคยได้ยินคนพูดว่า “คู่กันแล้ว ไม่แคล้วกัน” และ “ถ้าเขาคือคนที่ใช่ เขาก็คือคนที่ใช่” ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอีก กี่วัน กี่เดือน กี่ปี แต่ด้วยพรหมลิขิต (Destiny) หรืออะไรสักอย่าง ก็จะพาคนสองคนนั้นมาเจอ และมารักกันอีกครั้ง แต่หากนั่นเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ เราควรจะรักษาคนที่เราคิดว่าเขาใช่สำหรับเราที่สุด ในขณะที่เรามีเขาอยู่ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด



อย่าเอาคำว่า “เลิกกัน” มาเป็นคำทักทายความรักต่อไปเลย ดูแลคนที่เรารัก และดูแลหัวใจตัวเราเองให้ดีๆ เพราะ “พรหมลิขิต” ไม่ได้มาเคาะประตูบ้านเราบ่อยๆหรอกนะคะ (ยังมีคนโสดอีกหลายคน ที่ยังคงเดินทางค้นหาความรักต่อไป) คุณโชคดีที่สุดแล้ว ที่มีคนที่ใช่ ได้เจอคนที่ใช่ รู้ไหม?



สำหรับคนที่ผ่านเรื่องราวความรักมากมาย จนรู้สึกแย่และทำร้ายตัวเอง ลองคลิกกลับไปอ่านเรี่องราวต่างๆ ที่เราเคยเขียนดู แล้วจะรู้ว่า ทุกข์ในความรักของคุณเล็กน้อยมาก หากเทียบกับของคนอื่นๆ



ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน