Recent News

Powered by eSnips.com

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

ไกลแค่ไหนคือใกล้


สวัสดีปีใหม่ ปี 2556 เราอยากขออวยพรให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านทุกท่าน ประสบแต่ความสุข โชคดี สุขสมหวัง ได้โชคลาภเป็นแฟนที่มีรูปสมบัติ และคุณสมบัติที่ดีที่สุด วันนี้เป็นวันแรกในรอบปีใหม่นี้ ที่เราตื่นเช้าเป็นพิเศษ ทั้งๆที่นอนเกือบเช้าเหมือนเช่นเคย เนื่องจากเรามีภารกิจต้องไปหลายที่ ทำหลายอย่าง แต่เช้านี้แตกต่างออกไป เมื่อเปิดหน้าต่าง แล้วลมหนาวเอื่อยๆปะทะเข้ามาที่หน้า พลันคิดถึง   เพลงๆนึง และคนๆนึง อารมณ์ art แตก อยากจะขีดเขียนเรื่องราวบางเรื่องขึ้นมา ไว้ให้คนทั่วไป รวมถึงตัวเราได้อ่าน ได้สัมผัสกับความอบอุ่น ในช่วงอากาศเย็นอุ่นๆในวันนี้

ณ หน้าหนาว (ที่ตอนนั้นก็หนาวนะ) ปีนึง มีผู้หญิงคนนึง ชื่อ ไพ่ ได้ตื่นมาสัมผัสอาการที่เย็นลง นอกระเบียงลำพังแต่เช้า เธอตั้งใจว่า ก่อนสิ้นสุดหน้าหนาวปีนี้ เธอต้องมีใครสักคนมายืนโอบกอดด้านหลัง บอกรักข้างหู และจับมือกันนอนไม่ให้เหงาเพียงลำพัง แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนขี้อาย และยังไม่เคยมีแฟน เธอรู้แค่เธอชอบผู้หญิง แต่ก็ไม่เคยมีแฟนเสียที 

ผ่านไปหลายวัน หน้าหนาวนี้สั้นลง สั้นลงทุกวัน เธอคิดหนักในทุกๆวันว่า จะหาใครคนนั้นจากที่ไหนดี? คนๆนั้นอยู่ดาวดวงไหน? ทำไมเธอพยายามมองหาที่โลกกลมๆใบนี้ แต่ก็ไม่เจอเลย และหลังจากวันนั้น 3 วัน เพื่อนเธอชวนไปนั่งร้านนม (ทั้งๆที่เธอไม่ชอบกลิ่นนมสดเท่าไหร่) แต่เนื่องด้วยความเหงา เธอจึงไม่คิดอะไรมาก ตามๆเขาไป แต่ใครจะรู้ว่า ณ​ที่แห่งนี้ คือจุดเร่ิมต้นของความรักของเธอ 

เธอเข้าไปนั่งในร้าน สายตาเหลือบหันไปมองป้ายหน้า counter ดูว่า เธอจะสั่งขนมปังปิ้งหน้าอะไรดี เหลือบไปเห็น ผู้หญิงคนนึง สูงขาว หน้าตาดี มีรอยยิ้มที่ติดตาตรึงใจ (เธอรับรู้ด้วยจิตลึกๆเลยว่า คนๆนี้แหละคือคนที่ใช่สำหรับเธอ) เธอรีบหันหน้ากลับมาเขินอายกับเพื่อนของเธอ ก่อนจะตั้งสติ และมองหน้าเพื่อน พูดอย่างจริงจังว่า “จะเอาคนๆนั้น จะต้องเป็นแฟนเขาให้ได้” เพื่อนตกใจ แทบสำลักน้ำลายตัวเอง ในความกล้าพูด กล้าคิด กล้ายืนยัน และฟันธงของเธอ และด้วยความกล้า เธอจึงเดินเข้าไปถามชื่อ และขอเบอร์คนๆนี้ (สมัยนั้นยังใช้ เพจเจอร์) เธอถามเขาว่า “พี่คะ มีเบอร์ไหมคะ? หนูจะมาจองโต๊ะ” เขาเปิดลิ้นชักหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นนึง และเขียนส่งให้เธอ ในกระดาษนั้นเขียนว่า “ไม่ต้องจองโต๊ะหรอกคะ เพราะโต๊ะที่นี่ไม่เคยเต็ม” เธออ่านแล้วก็ยิ้ม และก็ประเมินสถานการณ์ด้วยตัวเองว่า “ทางเริ่มสะดวกแล้ว” เธอจึงลุยเดินหน้าจีบเข้าต่อ เธอมานั่งที่ร้านนั้นทุกวัน เขามองเห็นเธอเป็นแค่เด็กสาวคนนึงที่เอาแต่ใจ และจึบใครอย่างมุ่งมั่นเกินไป แต่ก็น่ารักดี แต่เวลาผ่านไป เธอก็เริ่มสนิทกับเขาอย่างช้าๆ (ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่า เขาคือคนที่เธอวางตัวให้เป็นแฟนคนแรก) กลยุกต์ของเธอนั้น ก็คือ ช่วยงานที่่ร้านทุกอย่างที่เธอทำได้ แลกกับการที่เขาขับรถมาส่งที่บ้าน ความเป็นตัวเขา และน้ำหอมที่เขาใช้ CK One ลอยละล่อง แตะจมูกเธอทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆกับเขา...

และกลิ่นที่ลอยละล่องเข้าจมูกแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นนี้ ก็เหมือนกับตอนที่เราเปิดหน้าต่างแล้วได้กลิ่นลมหนาวเอื่อยมาปะทะที่จมูก ทำให้จมูกเย็น และมีความสุขอย่างประหลาด

ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ใครหลายๆคนสะดุดกับเรื่องราวนี้ แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ ไว้จะมาเขียนต่อ ตอนนี้ต้องไปแล้วคะ วันนี้ต้องไปหลายที่มา กว่าจะเข้าบ้านคงดึก ถ้ายังไง เพื่อนๆคนไหนตื่นแล้ว ก็ลองออกไปยืนนอกหน้าต่าง สัมผัสกลิ่นไอความหนาว และธรรมชาติ หวนคิดถึงความรักครั้งเก่า ที่ทำให้คุณยิ้มได้ทุกครั้งไป สำหรับใครหน้าหนาวปีนี้ยังโสด ไร้คู่ ก็ค่อยๆมองหานะคะ เพราะคนที่ใช่สำหรับคุณมีแน่นอนในโลกกลมๆใบนี้

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

แค่แตกต่าง


ห่างหายจากงานเขียนบน Blog มานาน ไม่ได้ห่างหายไปไหนนะคะ เพียงแต่ว่า อายุก็เลขสามมาสองปีแล้ว ก็คงต้องทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เริ่มคิดเรื่องอนาคต สิ่งที่ต้องทำ วางแผนเพื่อจะเกษียณก่อนวัยอันควร และอีกจิปาถะเยอะแยะมากมาย (หากคุณยังอายุไม่สามสิบอัพ อาจจะมองไม่เห็นภาพ)

ณ ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง คนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟได้แอบไปนั่ง “นอยด์” สูดกลิ่นกาแฟอยู่มุมนึงของร้าน หยิบดินสอกดแท่งโปรด มาขีดเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษข้อความนั้นคือ

“อาการนอยด์” ที่เกิดขึ้นจากคนรอบตัว ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่า “คนในสังคมจะมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรนักหนากับชีวิตของฉัน” ฉันใช้ชีวิตโดยไม่กระทบกับความเป็นตัวตนของใคร ฉันมีอิสระทางความคิด อิสระในการใช้ชีวิตอยู่ เรียบง่ายไม่โดดเด่น แต่หากวันนึงสังคมจะดึงฉันขึ้นไปโดดเด่นบ้าง แล้วยังไง? ความโดดเด่นของฉันมันทำให้พวกคุณ (คนในสังคม) เริ่มจะวิพากษ์วิจารณ์ความโดดเด่นของฉัน โดยไม่มีใครถามฉันเลยว่า “ฉันอยากโดดเด่นไหม?​อยากยืนตรงจุดนี้ไหม?” เปล่าเลย พวกคุณไม่เคยถาม และไม่คิดจะถามฉันด้วยซ้ำ คุณถนัดในการ “ยัดเยียดคำตอบเบ็ดเสร็จ” ให้กับทุกคนที่ดู “โดดเด่น”​และ “ประสบความสำเร็จ” ณ จุดที่คุณปืนขึ้นมาไม่ถึง ฉันรู้สึกเสียใจที่คุณอยู่อาศัยบนโลกที่กว้างใหญ่  มีสิ่งที่น่าค้นหาอีกมากมาย แต่คุณกลับ “จับจด” อยู่กับเทคโนโลยี “เสพข่าว เสพข้อมูล โดยไม่กลั่นกรอง” จนบางทีฉันก็สงสารคุณลึกๆที่คุณต้องต่อสู้ “โรคมะเร็งปมด้อย” ที่มันฝังอยู่ในแกนหัวใจของคุณจนยากจะเยียวยารักษา ฉันอยากจะสวดให้คุณนะ แต่กลัวว่าคำสวดของฉันจะโดดเด่นเกินไปอีก จนมะเร็งในตัวคุณลุกลามไปถึงแกนสมอง จนอาจให้คุณตกอยู่ในหมดสภาพความเป็นมนุษย์ได้ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องฉัน เพราะคุณได้เรียกความสนใจจากฉันได้สำเร็จแล้ว สู้ๆนะ เพื่ออุดมการณ์ของคุณ 

ด้วยความจริงใจ

หลายครั้ง การดำรงชีวิตอยู่ของเราแต่ละคน อาจจะเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพันกับคนรอบตัวในสังคม สังคมชินกับการตั้งคำถามแบบผิดๆ สื่อมวลชนชินกับการเจาะลึกข้อมูล โดยลืมนึกถึงจริยธรรม เราเชื่อว่า คนที่ประกอบอาชีพทุกอาชีพ มีจุดยืน จรรยาบรรณ และคติในการทำงานของแต่ละคน 

คนที่ฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงครอบครัว เขาก็แค่ทำอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัว คุณจะสรรเสริญ หรือสาปแช่งให้เวรกรรมตามเขาทัน เขาก็ยังต้องฆ่าไก่ต่อไป (คุณก็ยังคงกินไก่ที่เขาฆ่า)

คนที่เป็นยามกะกลางคืน เขาก็ต้องใช้เวลากลางวันเพื่อนอนพักผ่อน คุณกล่าวหาว่าเขานอนกินบ้านกินเมืองได้ยังไง (คุณก็ยังฝากบ้านไว้ให้เขาดูแล)

คนที่เป็นดารา เล่นบทตัวอิจฉา เขาก็แค่ทำหน้าที่ของเขาให้เต็มที่ เพื่อที่คนสมองทึบๆอย่างคุณจะได้เข้าถึงชีวิต คุณกล่าวหาเขาว่า เขาเล่นสมบทบาทเหมือนเอาชีวิตจริงออกมาถ่ายทอด (คุณก็ยังคงติดละครเขางอมแงม)

คนที่ขายล๊อตเตอรี่ คู่ละ 90-110 เขาก็แค่ขอกำไรนิดหน่อย เทียบกับสินค้าอีกหลายอย่าง เขาก็ยังได้น้อยเหลือเกิน คุณกล่าวหาว่าเขาค้ากำไรเกินควร (คุณก็ยังซื้อวิ่งหาเขาทุกครั้ง)

คนที่เป็นเจ้าของคอนโด ที่คุณยกย่อง ยกมือไหว้ และต้อนรับเขา ทั้งๆที่เขาเอากำไรจากเงินทั้งชีวิตของคุณ

คนที่นับถือศาสนา และมีความเชื่อที่ไม่่เหมือนคุณ คุณจะกล่าวหาเขาว่า “นอกรีต และสาปแช่งเขาสารพัด” คำพูดเช่นนี้ มันบ่งบอกความจริงเกี่ยวกับตัวคุณได้เลยว่า “คุณมันพวกมือถือสาก ปากถือศีล ใจแคบ” เชิญคุณขึ้นสวรรค์ตามวิถีคุณเถอะ 

คนทุกคนด้านบน ล้วนมีบทบาทในการดำเนินชีวิต เขามีหน้าที่ อาชีพ ความรับผิดชอบ และความจำเป็นในการเลือกที่จะ “ปฏิบัติ” เพื่ออาศัยอยู่บนสังคม พวกเขามีจุดยืน มีจรรยาบรรณ 

หากคุณต้องการเปรียบเทียบ หรือตำหนิติเตียน ในการกระทำของเขาที่แตกต่างไปจากคุณ ก็แน่ล่ะ?​พวกเขาไม่ใจแคบ ไม่ขี้อิจฉา และไม่ช่างเปรียบเทียบแบบคุณ 

ไม่ว่าจะยืนอยู่จุดไหนในสังคม คนทุกคนก็ต้องมีบางมุม บางเหลี่ยมที่มากระทบกันบ้าง แต่ขอให้การกระทบกันแต่ละครั้ง ไม่มีใครไป “ก้าวก่าย เจ้ากี้เจ้าการ” หลักการดำเนินชีวิตของอีกฝ่าย แค่นี้สังคมก็สงบสุข 

ใช้ชีวิตอย่างมีอิสระทางความคิด มีจุดหมายชีวิตที่ไม่ไปกระทบกับใคร สังคมนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น 

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แก้กรรม ทำได้จริงหรือ?



ว่าด้วยเรื่องของ "การแก้กรรม" เวลาที่เราแวะเวียนไปร้านหนังสือต่างๆ เรามักจะเห็น “หนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้กรรม” วางอยู่หลายๆเล่ม จากผู้มีชื่อเสียงหลายๆท่าน ได้เขียนเอาไว้ และเท่าที่สังเกตุเห็น หนังสือเหล่านี้ ก็ "ฮิต" ติดลมบนอย่างไม่น่าเชื่อ มันช่างสะท้อนใจจริงๆ เพราะนั่นหมายความว่า คน ณ ปัจจุบัน วิ่ง วน เวียน ติดกรรมกันให้วุ่นไปหมด หาทางออกกันให้วุ่นวาย ยุคนี้เป็นยุคของ “การแก้กรรม” จริงๆ

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

2 may 2012

หายจากการเขียนไปนาน เราหลบไปทำโน่น ทำนี่ เพื่อคนข้างๆและตัวเองบ้าง สรุปชีวิตโดยรวมช่วงนี้ "ที่สุดแห่งความสุข" ก็เลยไม่ได้มาเขียนอะไรให้ได้อ่านมากนัก ช่วงที่ผ่านมาได้เจอเพื่อนเก่าหลายๆคน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สิ่งที่ไปเจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่ดูเหมือนเพื่อนหลายๆคน ช่วงนี้จะเจอปัญหา รักสามเศร้า แอบรักเขาข้างเดียว เสียส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่ ก็เลือกที่จะทน และก็ทน

เพื่อนบางคนจากเมื่อก่อนเป็นคนมีสติเป็นเลิศ ช่วงเรียนนั้นเรียนเก่ง ทำงานก็เก่ง แต่ไหงมาตัดสินใจผิดเรื่องความรัก กลายเป็น "กิ๊ก" เขาไปได้ ยอมแพ้คำว่ารัก ไปอย่างน่าเสียดาย

เพื่อนบางคน เมื่อก่อนเป็นคนถือตัว เรียบร้อย แต่ตอนนี้แต่งงาน เปลี่ยนสามี ไปหลายคน (เธออาจกำลังหาจุดอื่นให้กับตัวเอง)

เมื่ออายุมากขึ้น โตขึ้น มุมมองความรักและการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องธรรมดา

ฝากไว้ให้อ่านกันนะคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน