Recent News

Powered by eSnips.com

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มนตราแห่งความรัก ตอนแรก


ถ้าจะให้เรา “ตีความ” ความหมายของ “ความรัก” เราก็จะบอกได้แค่เพียงว่า “ความรักนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และจากไป “แบบเฉียบพลัน โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว” เกิดขึ้นโดยไม่มีลางบอกเหตุ หรือเวลาจะจางหาย ก็หายไปอย่างไร้เหตุผล” จนบางคนให้นิยามความรักเหมือนกับผี “ที่มีอยู่รอบตัว มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ เวลาจะมาก็มา เวลาจะไปก็ไม่ลา มาทำให้กลัว ให้ตื่นเต้น แล้วก็แวบหายไป”


แม้จะดูเหมือนว่า “ความรักจะไม่มีสัญญาณ แต่ความรักมีแบบแผน” แบบแผนที่ว่านั้นคือ “ความรักเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ (คงอยู่สักพัก) สุกงอม (หอมหวานเต็มที่) และร่วงโรยลงอย่างช้าๆ หรือบางทีก็ร่วงหล่นหายไปจากชีวิตเลย”


ยามเมื่อความรัก “แรกเริ่ม ก่อเกิด” (หรือช่วงโปรโมชั่น) ความรักนั้นแสนหวาน แสนสดชื่น จะทำอะไร? คิดอะไร? หันไปทางไหน? (พลิกซ้าย พลิกขวา กลับพลิกไป พลิกมา) ก็ดูคนข้างกายเรานั้น “ใช่ ใช่ ใช่ และใช่” ไปหมด ทำให้นึกคิดอยู่ตลอดเวลาว่า “ทำไมเราเป็นคนโชคดีแบบนี้”


ยามเมื่อความรัก “สุกงอม” (หรือช่วง peak) ความรู้สึกรักที่มีนั้น “เต็มอิ่ม” จนแทบจะทำให้คนรอบข้่าง เอียน และอ๊วก “รักจนมองไม่เห็นข้อผิดพลาด รักจนยอมทุกอย่าง แม้ชีวิตก็ให้ได้” แต่ความรักใน stage นี้ อยู่ได้แค่เพียงไม่นาน เมื่อเวลาผ่านไป ความตื่นเต้น หรือแรงกระตุ้นก็จะลดตามลงไปด้วย และนั่นก็ทำให้ “ความรัก” เริ่มเข้าสู่ “ความเคยชิน”


ยามเมื่อความรัก “เคยชิน” (หรือช่วงร่วงโรย) จะเป็นช่วงที่ปัญหา และความขัดแย้งเริ่มปรากฏให้เห็น อะไรที่เคยเห็นว่า “ชัดเจน” ก็กลายกลับเป็น “ขุ่นมัว” เพราะ “ความรักเริ่มหยุดทำงาน” สิ่งเดียวที่จะประคองความรักให้คงอยู่ นั่นคือ “ความเข้าใจ และกลิ่นไอความผูกพัน” ที่เคยมีร่วมกันมาและสิ่งนี้แหละที่จะเป็น “ตัวพยุง” ความรักให้คงอยู่ตราบนานเท่านานต่อไป


แต่หากปราศจาก “ความเข้าใจในธรรมชาติของความรัก และคนรัก” แล้วละก็ “ความเปลี่ยนแปลง” ต่างๆ ก็จะเริ่มคืบคลานเข้ามา ก็ต้องมาวิเคราะห์กันอีกทีว่า เราจะ “รับมือ” สิ่งเหล่านี้ ได้มากน้อยแค่ไหน


และนี่คือ “วิวัฒนาการของความรัก”


หลายคนเคยถามเราว่า แล้วจะมีสิ่งไหนไหม ที่จะช่วย “ยืดเวลาความรักให้ค่อยๆเจริญเติบโตอย่างช้า แต่มั่นคง” อย่างน้อยก็เพื่อ “ยับยั้ง” การเปลี่ยนแปลงไปสู่ขั้นตอนต่างๆ ที่จะ “ชักนำ” ให้ความรักเปลี่ยนแปลงไป


เราตอบว่า “ยังพอมีทาง” และทางเดียวทางนั้นก็คือ ต้องพึ่ง “มนตราแห่งความรัก”


เมื่ออ่านถึงตรงนี้ หลายๆคนอาจจะอยากรู้ว่า “มนตราแห่งความรัก” คืออะไร? เอาไว้เราจะมาเขียนให้อ่านกันในวันต่อไปนะคะ


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน