เรื่องราวในวันนี้เราขอ “ตีแผ่” เรื่องจริง ที่โดยส่วนตัว เราเจอคนใกล้ตัว “ประสบปัญหา” เหล่านี้เยอะมาก (แล้วสุดท้ายจะมานั่งบ่นว่า “โง่อีกแล้ว”)
“รอน” ทอมสูงยาว เข่าดี หน้าตางั้นๆ อายุอานามก็ปาไป 35 ปีแล้ว เขาเป็นทอมต่างจังหวัด หน้าที่การงานก็จัดได้ว่าธรรมดา ติดอย่างเดียวก็คือ “คารมดี”ใครได้มีโอกาสคุยกับเขา เป็นต้อง “ตกหลุมรัก” อย่างง่ายดาย
คืนหนึ่งเขาไปเที่ยวผับตามปกติ เขาเหลียวไปเห็น “ซอ” สาวสวยหุ่นดี ที่นั่งดื่มอยู่เพียงลำพัง เขาไม่รอช้า เดินเข้าไปชนแก้ว และเดินเครื่องจีบแบบติดเทอร์โบ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เขาก็มีเธอนอนเปลือยกายอยู่ด้วย ทุกอย่างที่เกิดขึ้น “เมื่อคืน” จะจบไป หากเขาไม่บังเอิญรู้ว่า เธอทำงานมั่งคง มีฐานะระดับนึง และมีแฟนแล้ว (แฟนเป็นทอม) ทำงานอยู่ต่างประเทศ จะส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน ที่สำคัญเธอค่อนข้าง “เกรงใจ” แฟนของเธอมาก เขามองเห็นโอกาสความเป็น “กิ๊ก” ที่ดูยังไงไม่น่าจะเสียผลประโยชน์
เขาจึงตื้อ จีบเธอ จนเธอยอมรับเขาเป็น “กิ๊ก” เวลาผ่านไป เขาก็ยังคงเป็น “สุภาพทอม” ที่แสนดี จนกระทั่ง เขาได้เจอช่องทางในการหาผลประโยชน์เข้าตัว เขาเรียกร้องให้เธอสงสาร ว่าอยากได้ “รถ” สักคันนึงจะได้ขับไปรับไปส่งเธอได้ และเสนอให้เธอออกเงินดาวน์ และช่วยเขาผ่อน เขาทำตัวน่าสงสาร บอกว่า “คบกับเธอไม่หวังอะไร รู้ว่ายังไงเธอต้องเลือกแฟน แต่อยากจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ซื้อรถมาเนี่ยก็เพื่อเธอทั้่งนั้น เงินเธอ เธอผ่อน และที่สำคัญ ชื่อเจ้าของรถ ต้องเป็นชื่อเขา (ฉลาดมาก)”
ด้วยความที่เธอสงสาร และเห็นใจเขา ที่ต้องยอมตกอยู่ในสภาพ “กิ๊ก” เธอจึงออกเงินดาวน์ให้ เหลือผ่อน 3 ปี เธอช่วยเขาผ่อน 80% ของค่างวดทั้่งหมด เวลาผ่านไป 3 ปี เมื่อรถผ่อนเสร็จ เขาก็เริ่มหาเรื่อง “ทะเลาะ” กับเธอ และตีโพยตีพาย ว่ารับไม่ได้ที่ต้องตกอยู่ในสภาพกิ๊ก ต้องการความเป็นไท ให้กับตัวเอง (จะมาบอกอะไรตอนนี้ล่ะคะ อ๋อลืมไปได้รถไปแล้วหนึ่งคัน)
เธอเสียใจที่เขาบอกเลิก ร้องไห้ ส่วนเขาโทษว่าเป็นความผิดของเธอ ที่ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน 3 ปีกว่าๆ ถ้าเธอไม่อยากให้แฟนที่ต่างประเทศรู้เรื่องเขา เธอต้องปล่อยเขาไป (เขาไม่ได้พูดเรื่องรถอีกเลย เพราะตามกฏหมาย เขาเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม)
ในที่สุดเขาก็มีรถหนึ่งคัน ขับไปรับ ไปส่ง สาวๆ เป็นการต่อยอดได้อย่างดี (ระหว่างที่เขาเป็นกิ๊กกับเธอนั้น เขาก็คบคนอื่นอยู่ด้วยมากมาย) มีแต่เธอเท่านั้นที่ “โง่ งม งาย” คนเดียว
หากใครที่กำลังตกอยู่ในภาวะ “ผ่อน” ร่วมกับแฟนของคุณ เราอยากให้คุณกล้าเปิดใจ “คุยเรื่องการแบ่งผลประโยชน์” ในกรณีเผื่อเลิกกัน ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่เขาควรจะเข้าใจ (หากเขารักคุณอย่างแท้จริง) เพราะสิ่งที่คุณทำนั้น เพื่อรักษาผลประโยขน์ของคุณและเขา เพราะไม่มีอะไร “อยู่ยั่งยืน” หรอกในสังคมสมัยดี (ด่วนได้ ด่วนมา ด่วนไป)
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน