Recent News

Powered by eSnips.com

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มุมมอง "ทางออก" ของ "ปัญหา"


หากจะพูดถึง “ปัญหา” คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “ไม่เคยประสบพบเจอปัญหาในการดำรงชีวิตเป็นมนุษย์” เพราะตราบใดที่คุณยังมีลมหายใจ และยังต้องอยู่ในสังคม ที่ต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยง


สำหรับบางคน อาจจะเก่งในเรื่อง “หาทางออกให้กับปัญหา” (มาแบบไหน เมื่อไหร่? จัดการได้หมด)

แต่บางคนอาจจะยอดเยี่ยมในเรื่อง “ตัดปัญหาเหล่านั้นทิ้งไป” (จะไปต่อสู้กับปัญหาทำไม ในเมื่อทางนี้เดินไม่ได้ ก็เปลี่ยนเส้นทางเสียเลย)


แต่ก็มีบางคนที่อาจจะใจสู้พอที่จะ “วิ่งเข้าชนกับปัญหา ตายเป็นตาย” (ไม่คำนึงถึงความเสียหาย เอาความสะใจเป็นหลัก)


“ทุกปัญหาย่อมมีทางออก” แต่ทางออกที่เราเลือกนั้น จะเหมาะสมกับปัญหาเหล่านั้นหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกหาวิธีใดมาแก้ปัญหาเหล่านั้น (ซึ่งทางออกในแต่ละปัญหา บางทีก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่เป็นทางออกที่ทำร้ายทุกคนน้อยที่สุด หรือทำร้ายเราได้น้อยที่สุด ก็แล้วแต่จะพิจารณากันไป)


เมื่อปัญหานั้นเกิดขึ้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะต้องสรรหาคำตอบ (ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันไป ตามเหตุผลส่วนตัว, อารมณ์ ณ ช่วงนั้น และอื่นๆอีกมากมาย)


ยกตัวอย่างเช่น


หากมีปัญหาเรื่องงาน งานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย, มีเรื่องผิดพลาด, โดนเพื่อนร่วมงานเหม็นขี้หน้า หรือต้องทนกับเจ้านายที่มากเรื่อง แต่ละคนก็จะมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป


สำหรับคนที่มีความอดทนสูง ก็เลือกที่จะปล่อยวาง อดทน ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด (เพราะไม่อยากเปลี่ยนงาน ไม่อยากมีปัญหา)


สำหรับคนที่มีความอดทนต่ำ ก็เลือกที่จะตั้งสมาคมนินทาเจ้านาย นินทาเพื่อนร่วมงาน (เม้าส์กันได้เป็นวันๆ) หรือไม่ก็ลาออกไปซะ (เพราะคิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง เลือกงานได้)


หากมีปัญหาเรื่องครอบครัว พ่อไม่เข้าใจ, แม่ไม่ยอมรับ, ญาติผู้ใหญ่ไม่สนับสนุน และครอบครัวที่เราอยู่นั้นทำให้เรารู้สึกร้อนใจ เกิดเรื่องต่างๆมากมายในบ้าน (บ้านลุกเป็นไฟ โดยไม่รู้ว่าต้นเหตุเกิดจากคนในครอบครัว หรือทัศนคติของตัวเอง)


สำหรับคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ อาจจะมองเห็น อีกมุมของปัญหาที่เกิดขึ้น มองความสำคัญของสถาบันครอบครัว และปรับเปลี่ยนทัศนคติไปในทางที่ดี (ในเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิด หรือขัดขืนคำสั่งของคนในครอบครัวได้ ก็ยอมรับทุกอย่างซะ และค่อยๆใช้เวลาและจังหวะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น) อาจใช้เวลานานหน่อย แต่ก็อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ได้


สำหรับคนที่เอาตัวเองเป็นใหญ่ เอาแต่ใจ มองอะไรเป็นเรื่องยากๆ คิดแค่ว่าตัวเองคือ “ศูนย์กลางของจักรวาล” ก็อาจเลือกทางที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด เดินหนีออกมาจากปัญหา ในเมื่อบ้านร้อนก็ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกซะ มามีอิสระเป็นของตัวเอง จะได้ทำอะไรได้ตามใจตน ไม่ต้องมีใครมาบังคับฝืนใจให้เสียอารมณ์ (ไม่เห็นต้องแคร์ใคร ไม่มีสถาบันครอบครัว เราก็มีสังคมอีกหลายสังคมในโลกใบนี้)


หากมีปัญหากับแฟน หรือคู่รัก เขาทำอะไรไม่สบอารมณ์เรา, ความรักเริ่มจืดจาง, เริ่มจับได้ว่าเขานอกใจ, ช่วง Promotion ในความรักเริ่มหมดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ, เขาไม่ได้ทำให้ยิ้มได้อย่างเคย, ไม่รู้สึกหวือหวากับเขาเหมือนแต่ก่อน หรืออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข (นั่นเป็นความคิดที่ถูกจัดเรียงเหตุผลด้วยตัวคุณเองทั้งนั้น)


สำหรับคนที่ทางเลือกเยอะ (หล่อ สวยเลือกได้) ก็อาจจะตัดสินใจ มองหาทางเลือกอื่น เพื่อบรรเทาความขี้เบื่อของตัวเอง หรือไม่ก็หาเรื่องทะเลาะ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จะได้มีการปะทะ จนทำให้รอยร้าวเล็กๆ ลามไปจนต้องยุติความสัมพันธ์ พวกไม่ตั้งคำถามให้กับตัวเอง แต่เชี่ยวชาญเรื่องถามชาบ้าน ตัดสินแทนชาวบ้าน (ไม่ต้องบอกว่า “จุดจบ” ของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร?) เพราะหลายๆคน ก็อาจเคยผ่านช่วงเวลานี้มา


สำหรับคนที่เข้าใจในความรัก และรู้คุณค่าของคนรัก (กว่าจะหาใครสักคนที่ match กับเราได้นั้น ช่างยากเย็นเหลือเกิน รอนานเหลือเกิน) ก็อาจจะใช้ “สติ” ตรึกตรองเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองหาต้นตอของปัญหา และคิดหาทางแก้อย่างชาญฉลาด เพื่อจะรักษาชีวิตคู่ไว้ให้นานที่สุด (อาจดูเหมือนเป็นคนที่ไม่เด็ดขาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “โง่” เสียหน่อย)



วิธีการแก้ปัญหา (ตามตัวอย่าง) ข้างต้น เราไม่ได้มีเจตนาที่จะสื่อ หรือชักนำทางความคิด เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ให้เพื่อนๆได้เห็นภาพตามเท่านั้น ก็อย่างที่เราเขียนบอกข้างบน “ทางออกที่คุณเลือกที่จะแก้ปัญหา ไม่มีวิธีใดดีที่สุด หรือแย่ที่สุด ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่า ได้เลือกทางออกทางไหน และยอมรับผลที่จะตามมานั้นได้หรือเปล่า?



ฝากไว้นะคะ ทุกๆครั้งที่เกิดปัญหาอะไรขึ้นในชีวิต “สติ” เป็นอาวุธที่ดีที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ “อารมณ์” เป็นตัวถ่วงที่แย่ที่สุด (ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม) ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือนร้อนก็เป็นพอ


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน