Recent News

Powered by eSnips.com

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Yes Or No

เมื่อวานได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง “Yes or No” มา ตามกระแสของคนรอบตัวที่บอกว่า “สนุกมาก ซึ้งมาก ดูแล้วน้ำตาซึม ทอมที่ร้องไห้ไม่เป็น ดูหนังเรื่องนี้แล้วน้ำตาไหลเลย” เมื่อเราได้ฟังเช่นนี้ ความคิดแวบแรกที่พุ่งขึ้นมาคือ “อาจเป็นเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวัง หรือต้องมีใครสักคนที่ต้องตาย” ด้วยความอยากรู้เราก็เลยตัดสินใจรีบไปดูทันที


ต้องขอบคุณผู้เขียนบท ผู้กำกับและนักแสดงทุกคน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เราขอแนะนำ (อย่างสุดหัวใจ) ว่า “ต้องไปดูหนังเรื่องนี้ให้ได้” สนุกและซึ้งมาก


แต่เราอยากจะถ่ายทอดอีกมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ (นี่ไม่ใช่บทวิจารณ์แต่เป็นเหมือนการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น) โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึง เรารู้สึกคล้อยตามอารมณ์ของคนเขียนบท เข้าใจมุมมองที่ผู้กำกับต้องการสื่อออกมา รวมถึงนักแสดงที่แสดงได้ดีมากด้วย


หนังเรื่องนี้อาจจะสามารถช่วยปรับทัศนคติของผู้ปกครองให้ดีขึ้นเกี่ยวกับสังคม ญ รัก ญ


หนังเรื่องนี้อาจจะสามารถช่วยเพิ่มมุมมองให้กับผู้หญิง ที่กำลังถูกทอมตามจีบ หรือลังเลว่าจะตกลงคบกับทอมดีหรือเปล่า? ให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะเรื่องราวในหนังสวยงามเหลือเกิน


หนังเรื่องนี้อาจจะสามารถช่วยเพิ่มความกล้า และความมั่นใจให้กับทอมมากขึ้น ในการที่จีบคนใกล้ตัว หรือคาดหวังว่า “ความรักจะสวยงาม และสมหวัง”


แต่ก่อนที่จะเคลิ้มตาม เราอยากให้คุณลองใช้สติคิดกันสักนิดนึงว่า “โลกแห่งความเป็นจริงทุกๆอย่างจะสวยงาม ลงตัวไปทั้งหมดเช่นนี้ เป็นไปได้หรือ?” (เป็นทัศนคติส่วนบุคคล)


คำถามแรกที่วิ่งเข้ามาในสมองของเราก็คือ “จะมีทอมที่หล่อ รวย นิสัยดี ดูซื่อๆแบบน่ารัก อยู่ในโลกแห่งความจริงมากแค่ไหนนะ? (คุณผู้อ่านที่เป็นทอม อย่าเพิ่งโกรธกัน แค่ลองตั้งคำถามเล่นๆ)


จะมีทอมเช่นนี้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือเปล่า?


ผู้หญิงทุกคนในโลก จะสามารถเปลี่ยนมาเป็น “ดี้” แค่ one night เลยหรือ?


Happy Ending จะเกิดขึ้นไหมหนอ?


และอีกหลากหลายคำถามที่วิ่งเข้ามา และรอคำตอบ???


หลายๆคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ และยังระบุเพศให้กับตัวเองไม่ได้ ก็คงเตรียม “เกิดใหม่” ในสังคม ญ รัก ญ (แน่นอน)


“เรายินดีด้วย สำหรับสมาชิก ทอม ดี้ ท่านใหม่ๆ”


แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ mutant ตัวเอง เรามีคำถามที่ต้องการคำตอบ


อยากจะถามคนที่เตรียมจะมาเป็น “ทอม”


คุณอาจคิดว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะ “ขยายเครือข่าย” ไปคบกับผู้หญิงปกติ เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้ ทำให้มีความกล้ามากขึ้น (แต่คุณเคยตั้งคำถามให้ตัวเองไหมว่า “ความเป็นไปได้ที่คุณคาดหวังนั้น จะเป็นจริงไหม? ในโลกแห่งความเป็นจริง” หรือถ้าเป็นไปได้ ผู้หญิงเหล่านั้นจะคบกันเราได้นานแค่ไหน และมีอะไรมาเป็นหลักประกันว่า “เธอจะไม่กลับไปเป็นปกติ”)


คุณจะเลียนแบบพฤติกรรมของทอมในเรื่องนี้หรือเปล่า ในความกล้าบ้าบิ่น เช่นความกล้าที่จะไปพูดตรงๆกับผู้ปกครองของฝ่ายหญิง (เพราะในชีวิตจริง ตอนจบอาจไม่สวยเช่นนี้ก็ได้)



อยากจะถามคนที่เตรียมจะมาเป็น “ดี้”


คุณอยากมีแฟนเป็นทอมด้วยเหตุผลอะไร? ถ้าด้วยเหตุผลว่า ชอบคาแรกเตอร์ทอมในเรื่องนี้ และคาดหวังว่า จะได้รับบท เป็น “นางเอก” ในชีวิตจริง (เราอยากขอ ให้คุณคิดดูใหม่อีกรอบ)


หากคุณคาดหวังว่า ทอม ในสังคมนี้ จะ ดี รวย หล่อ perfect อย่างในหนังหรือเปล่า? เพราะถ้าคุณคาดหวังเช่นนั้น เราบอกได้เลยว่า “ในสังคมมีทอมที่นิสัยดีอยู่ มีทอมที่สูง หล่ออยู่ มีทอมที่รวย หน้าที่การงานดีอยู่ มีทอมที่ perfect อยู่ แต่จะหาทอมที่ “ถูกทุกข้อ” นั้น ก็ยากสักนิดนึง” (แต่จะไกลเกินเอื้อมหรือไม่ ก็ต้องเล่น “เกมวัดดวง” กว่าจะหาคนๆนั้นเจอ)


คุณอยากมีแฟนเป็นทอม โดยที่ “หัวใจไม่ได้เรียกร้อง แต่เป็นเพียงค่านิยมของสังคม” หากถึงวันนึงที่คุณรู้ว่า ชีวิตจริงๆ และหัวใจคุณต้องการอะไร? ชอบเพศไหน? คุณต้องเสียเวลาไปเปล่าๆกว่าจะหาตัวตนของคุณเจอ คุณอาจต้องทำร้ายทอมที่บริสุทธิ์ที่เดินเข้ามาในชีวิตคุณอีกหลายต่อหลายคน (โดยไม่ได้ตั้งใจ)


สื่อเกี่ยวกับ ญ รัก ญ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร หนังสือ หรือสื่อต่างๆ มีน้อยเหลือเกิน จึงเป็นธรรมดาที่สังคมของเรามีสถานะ “ไม่เปิดเผยตัวมากนัก” ทำให้หลายๆคนใคร่อยากจะรู้ อยากลอง แวะเวียนเข้ามา “ล้อเล่น” อยู่ร่ำไป ต้องยอมรับว่า ทุกสังคมมีทั้งด้านที่สวยงาม และด้านที่หายนะ การนำสิ่งที่ดี หรือไม่ดี เข้ามาและออกไปนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาของ “วัฏจักรสังคม”



ฝากไว้สำหรับหลายๆคนที่กำลังคิดว่า “ชีวิตเปรียบเสมือนนิยายรักโรแมนติก ที่ไม่มีวันที่ความเสียใจ และความผิดหวังจะเกิดขึ้น” (อย่าจมปลักกับอ้างอิงในนิยายมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้คุณหวังสูงเกินไปในโลกแห่งความเป็นจริง หมดยุค Snow White, Cinderella and Sleeping Beauty แล้ว ยุคนี้ มีแต่ โอชิน และแดจังกึม)


เขียนมาทั้งหมดนี้ หลายๆคนอาจสรุปว่า “ผู้เขียน” ช่างเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย (ก็อาจจะใช่นะคะ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้มักมี 2 ด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะอยากรับรู้ด้านไหนมากกว่ากัน)


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน