Recent News

Powered by eSnips.com

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยึดติดกับรักครั้งเก่า


หลายคนใช้ชีวิตอยู่กับ “การยึดติดกับเรื่องราวในอดีต” จนทำให้มองไม่เห็น “อนาคต” สภาวะโหยหาอดีตนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศไม่ว่าทอม, ดี้ หรือเลส ทุกวัย ไม่เลือกวันเวลาและสถานที่ อดีตก็ไม่ได้มีไว้ให้เราโหยหาเท่านั้น แต่มีไว้ให้เราเยียวยา (เริ่มเรื่อง หลายๆคน ก็เริ่ม งง วันนี้เราไม่แฉเรอะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ผิดหวัง หายไปหลายวัน ตั้งใจจะเขียนเรื่องแฉ เลสสักหน่อย แต่เผอิญไปสะดุดกับ ความสำออยทางด้านอารมณ์ของคนๆหนึ่งเกี่ยวกับอดีตของเขา เลยต้องเอามาตีแผ่ เห็นแล้วชวนให้น่า สมเพชยิ่งนัก)

 บี ทอมวัย 38 เขาใช้ชีวิต “ยึดติด” กับแฟนคนเก่า (ที่ทิ้งเขาไปแต่งงาน) มากมาย จนต้อง “บังคับ” ให้คนใหม่ที่คบด้วย ประพฤติ และปฏิบัติตัวเหมือน “แฟนเก่าที่เขารักมากคนนั้น” และนี่ก็ทำให้ความรักครั้งต่อๆไปของเขา สับสนวุ่นวาย เพราะตัวเขาปล่อยให้ความทรงจำ และความรู้สึกกับคนรักเก่าทำร้ายทุกคนที่เขาเลือกคบ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิต เสาะหาคนมาร่วมชะตากรรมรักกับเขาต่อไปเรื่อยๆ เขาเปลี่ยนแฟนอยู่บ่อยครั้ง แล้วมักจะบ่นว่า ทำไมดวงเขาถึงไร้คู่แบบนี้? (เราก็เคยหลงกล สงสารเขา ไปช่วยเขาหาแฟนเฉยเลย เราแนะนำเพื่อนเราให้เขารู้จัก) แต่เธอ (เพื่อนเรา) และเขาคบกัน 3 เดือน ก็ต้องเลิกรากันไป ร้อนถึงเราผู้เป็น แม่สื่อ ต้องไถ่ถาม ติดตามผล

เธอบอกกับเราว่า เขาพูดจาดี ไม่เจ้าชู้ ข้อเสียก็คือไม่ค่อยมั่นใจ ชอบทำอะไรซ้ำๆ ยึดติดกับแฟนเก่า ชอบนั่งดูรูปแฟนเก่า อ่านจดหมายแฟนเก่า  (เรื่อง sex ก็ทำแบบเดิมทุกครั้ง ท่าทางเขาจะเป็นเอามากนะเนี่ย) สิ่งที่ทำให้เธอรับเขาไม่ได้ก็คือ เขามักจะเอาเธอไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่า แฟนคนนั้นชอบใส่เสื้อยืดตัวเล็กๆ และกางเกงยีนส์ 4 ส่วน (กางเกงเลยเข่ามาหน่อย) เขาก็บังคับให้เธอใส่ (เธอตัวไม่สูงมากนะ 155 ซม. ใส่กางเกง 4 ส่วน ก็ยิ่งดูเตี้ยเข้าไปใหญ่ เธอมองดูตัวเองในกระจกแล้ว ทุเรศ แต่ก็ต้องทนใส่เพราะสงสารเขา) เขาบังคับให้เธอใส่น้ำหอมกลิ่นที่แฟนเก่าชอบใส่ (ทั้งๆที่เธอแพ้น้ำหอม) เขาบังคับให้เธอ ดัดผม (เธอหน้ารูปไข่ ไม่ใช่คนหน้ายาว ดัดไปแล้วจะดูได้ไหมล่ะ) สรรพนามที่ใช้เรียกแทนชื่อกันก็ต้องเป็น ป๋า กับ ม๋า ฯลฯ สิ่งที่เขาพยายามจะเปลี่ยนทำให้เธอรับไม่ได้ (ใครจะไปทนได้ล่ะ) ยังดีนะที่เธอ ทนไม่ได้ เธอก็เลยบอกเลิกกับเขา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะต้องเป็นแบบใครอีกหลายคน ที่ต้องทน และต้องทน ไปเรื่อยๆ เพราะความรัก” ที่มีต่อเขา  

หลังจากที่เธอเลิกกับเขา เขาไม่เสียใจเลย หลังจากนั้นไม่เกินอาทิตย์ เขาก็ไปคบกับเพื่อนรุ่นน้องของเธอ เธอได้ข่าวมาว่า รุ่นน้องคนนั้น ก็โดนเปลี่ยนแปลง เหมือนที่เธอเคยโดนมา เราฟังเรื่องนี้แล้ว ก็สงสาร เพราะการยึดติดอยู่กับคนรักเก่า และความไม่รู้จักตัวเองของเขานำพาคนอื่นเข้ามา “ร่วมชะตาชีวิต” (คุณบีคะ ถ้ามันลำบากแสนสาหัสมากกับการลืมคนเก่าแล้วเริ่มต้นใหม่ ก็อยู่ใน รู ต่อไปนะคะ อย่าออกมาให้คนอื่นเขาต้องเหนื่อยใจกับการกระทำของคุณ เห็นแล้วสมเพชคะ)

หลายๆคนได้กักขังตัวเองไว้กับเรื่องราวความรักครั้งเก่า จมอยู่กับความทรงจำ และหัวใจที่แตกสลาย ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยความทุกข์ระทม และความกลัว เพราะไม่ยอมปลดปล่อยตัวเองจากอดีต (คนประเภทนี้น่าสงสารที่สุด ตัวเขา เขายังไม่รู้จักเลย ช่างน่าเศร้าแท้) ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ ความทรงจำครั้งเก่า สร้างให้เกิด ความกลัวและกังวลต่อความรักครั้งใหม่ มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้น ที่จะปลดปล่อยอดีตของตัวเองได้ บางครั้งการรวบรวม ความกล้ากลับไปเผชิญหน้ากับคนรักเก่า อาจทำให้เราได้ล่วงรู้ความรู้สึกที่แท้จริงในส่วนลึกของเราได้ว่า คน ตรงหน้าไม่ได้มีอิทธิพลในหัวใจเราอีกต่อไป และไม่มีใครกักขังหัวใจเราไว้ได้นอกจากเรากักขังมันไว้เอง

จงจำไว้ว่า ประตูที่ปิดตายแล้ว
แถมเจ้าของก็โยนกุญแจทิ้งไป
ในมหาสมุทรอันแสนกว้างใหญ่
อย่าหวังว่าเราจะได้กุญแจดอกนั้นกลับคืนมา
เพื่อไขเข้าไปในหัวใจของเขาอีกต่อไปเลย
มันเหนื่อยเปล่า

ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามอ่าน เรื่องราวในวันนี้อาจทำให้เพื่อนๆต้องอ่านซ้ำ เชื่อว่าเพื่อนหลายคนที่ใช้สติในการอ่าน คงจะได้แง่คิดอะไรบ้าง (สำหรับคนที่ยังสติไม่อยู่กับตัวเองตอนนี้ ตั้งสติให้ดี แล้วค่อยๆอ่านใหม่ อ่านช้าๆ ออกเสียงดังๆ พวกคุณต้องเข้าใจได้แน่ๆ อย่าเพิ่งท้อนะคะ)

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จมอยู่ในอดีต

“อดีต หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว” เหลือไว้เพียงแค่ “ความทรงจำ” แต่จะเป็นเรื่องราวที่ควรจดจำหรือไม่นั้น ก็ต้องแล้วแต่ตัวบุคคลนั้น

บ้างใช้ชีวิตปัจจุบัน แต่มองไปยังอนาคต คิดล่วงหน้าไปกังวลถึงอนาคตมากเกินไป ทำให้  “ประมาทกับปัจจุบัน”​  (แล้วจะเดินถึงอนาคตได้ไหมอ่ะ?)

บ้างใช้ชีวิตปัจจุบัน แต่ยึดติดกับอดีตมากเกินไป จึงเดินวนเวียน (เป็นวงกลม) อยู่ในวัฏจักรแห่งอดีตยังคงขังตัวเองอยู่กับความเจ็บปวดในอดีต ใช้ความเจ็บปวดนั้นมาหลอกหลอน แล้วทำร้ายตัวคุณเองอยู่เสมอ

มนต์ ดี้ไฮโซดูดี อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบต้นๆแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะมี options พร้อมแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอขาดก็คือ ความรัก และ ชีวิตคู่ ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน เธอถูกทอมหน้าหยก วัยละอ่อน ทิ้งขว้าง โดยไม่แม้แต่จะโทรมาบอกเหตุผลว่า ทำไม? ถึงได้ “เดินจากเธอไป” แบบไม่กล่าวคำลา ทิ้งให้สาวมั่นอย่างเธอต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวดอยู่นานหลายปี

ตอนคบกันก็ป้อนคำรัก เอาอกเอาใจ อยากเบื่อกัน ก็สลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ใครจะไปรับได้ และยิ่งเป็นคนละเอียดอ่อนในอารมณ์อย่างเธอด้วยแล้ว จดจำได้หมด ไม่ว่าวันครบรอบที่คบกัน (แต่ตอนนี้เมื่อวันครบรอบเวียนมาถึงก็ต้อง “หวาดผวา” กับวันนี้ พร้อมกับคำถามว่าทำไม? เขาถึงทิ้งเธอไป) และเมื่อถึงวันครบรอบที่เขาทิ้งเธอไป   เธอก็จะ “ร้องไห้” อยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เฝ้าคิดถึงแต่เรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวด ที่เขาเคยทำให้กับเธอ บดบังให้เดือนๆนั้น วันๆนั้น ที่เขาทิ้งเธอไป เป็นวันเฮงซวยประจำปีในชีวิตของเธอ

ชีวิตเธอไม่มีความสุขเลย ไม่กล้า "เปิดใจ" คบใครใหม่ ต้องมีชีวิตวนเวียนอยู่ในความเหงาเพียงลำพัง (น่าสงสารเธอจัง)

ใครที่เป็นแบบเธอ เราอยากให้จดจำเฉพาะช่วงเวลาที่เรามีความสุขนะคะ อย่าไปจดจำช่วงเวลาเลวร้ายเลย เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกแย่ และแย่ลงเรื่อยๆ  คิดไว้ซะว่า ถ้าเขาเป็นของเรา เขาก็ต้องเป็นของเรา แต่ถ้าเขาและเราไม่มีวาสนาต่อกัน ก็ปล่อยวางซะ ยังมีคนดีๆรอเราอยู่ในอนาคต

ชีวิตในแต่ละวันเดินไปยากลำบาก เพียงแค่ต้องการ “เหตุผล ประกอบคำถามว่า ทำไม? เท่านั้น”  (ใครที่กำลังมีแผนการณ์จะทิ้งแฟนตัวเอง โดยไม่เอ่ยเหตุผล ก็ขอให้คิดให้ดีก่อน เพราะแค่คุณทิ้งเขา คุณก็บาปแล้ว ยังจะสร้างตราบาปในจิตใจของเขาอีกหรือ? อย่างน้อยก็คิดถึงสิ่งดีๆ ช่วงเวลาดีๆ ที่คุณมีกันและกันเถิด)


ฝากไว้นะคะ สำหรับใครที่ชอบเดินเป็นวงกลม (วนเวียน) อยู่ได้ ชีวิตเป็นของพวกคุณ ทางเลือกเป็นของพวกคุณ ขึ้นอยู่กับคุณจะยอมเดินออกมาจากวัฏจักรอันเลวร้ายที่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เสมอได้หรือเปล่า ทุกอย่างอยู่ที่คุณคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทอมชอบแย่งแฟนชาวบ้าน

ประชากรในโลกเพิ่มมากขึ้ืนอย่างรวดเร็ว แต่ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด (เอาหลักเศรษฐศาสตร์ มาเปิดประเด็น) ดังนั้น ไม่แปลก! หากจะเห็น “การแย่งชิง” (พื้นที่ทำกิน หน้าที่การงาน การเข้าศึกษาเล่าเรียน หรือแม้กระทั่งแย่งสามีภรรยา) ให้ได้เห็นกันบ่อยครั้งตามหน้าหนังสือพิมพ์์ เราทุกคนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเอง และบ่อยครั้งสิ่งที่ดีที่สุดนั้น ก็มีเจ้าของอยู่แล้ว  (เกริ่นแค่นี้นะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า)
“วอย” ทอมชอบ “เสียบ” (ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน) ถ้าย้อนสืบประวัติเก่าๆของเขาก็จะพบว่า แฟนทุกคนที่เขาได้มาครอบครองนั้น ล้วน “แย่ง” มาทั้งสิ้น โดยสันดาน เขาจะจีบหญิงที่มีแฟนแล้ว กำลังคบหากับแฟนอยู่  หากเขาอยากได้ เขาก็จะ “แปลงร่าง” ตัวเองเป็น “ทอมแสนดี” ช่างตื้อ ช่างเอาใจ ทุ่มให้ทุกอย่าง จึงไม่แปลกที่จะ “หลอกล่อ” ให้ “ผู้หญิงที่ใจอ่อน ช่างโลเล” เปลี่ยนใจมาหาเขา และทิ้งให้แฟนที่คบอยู่ “อ้าปากค้าง ด้วยความงงงวย” พอผ่านช่วงโปรโมชั่น เขาก็จะ “ลอกคราบ” กลับเป็นตัวตนเดิมที่เห็นแก่ตัว ขี้งก จู้จี้ ขี้บ่น ทำร้ายร่างกาย ต่างกับตอนแรกราว “ฟ้ากับเหวลึก” หากสาวใดทนไม่ได้ “ฉลาดหน่อย” จะเลิก ก็เป็นบุญแก่ชีวิต แต่หาก “โง่งี่เง่า” มัวติดอยู่กับ “ภาพแรก” ที่เขาสร้างไว้ ก็จะเสียเงิน เสียเวลา เป็น “ค่าโง่”​กันไป แต่ก็ไม่ถึงปีหรอก เขาก็จะ “สลัดเธอทิ้ง เร็วกว่าสลัดผ้า” และ “เดินหน้า” ไปแย่งแฟนชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รำพึงถึง "ปัจจุบัน"


มีคนอยากรู้ถามเราว่า เรามีคติในการดำเนินชีวิตอย่างไร (มิทราบว่า จะเอาคำตอบเราไปวิเคราะห์ตัวตนเราหรือ?) เราตอบว่า ทุกเช้า เมื่อตื่นขึ้นมา เราจะขอให้วันนี้เป็นวันสุดท้าย เราจะดำเนินชีวิตให้ดีที่สุด ราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสได้ทำอะไรอีก แล้วชีวิตของเราก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ (ใครที่ยังไม่มีแบบแผนในการใช้ชีวิต ใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อย คิดแผนโดยด่วน)  

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ร่างกายของเรา


ร่างกาย เป็นสิ่งที่อยู่กับเราตั้งแต่เกิด อาจสร้าง ความพอใจ หรือ ความไม่พอใจ ให้กับคุณ แต่ ร่างกายแบบที่ธรรมชาติ ให้มานี้ ก็ต้องอยู่เป็น ตัวบ่งชี้ ความเป็นตัวคุณ (ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กับคนอื่นๆ) ดังนั้นสิ่งที่พวกคุณ พึงปฏิบัติ ก็คือ ดูแลร่างกาย ของคุณให้ อยู่รอดและปลอดภัยรอจนกว่า ยมบาล จะมาพรากไป

สังคมสมัยนี้อยู่ในช่วง มันนี่นิยม ทุกๆคนที่เกิดมาในสังคมนิยมนี้ ต้องทำงานให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อ เงิน ตัวเดียว ที่จะบรรดาทุกสิ่งที่คุณต้อง มีเพื่อใช้ดำเนินชีวิตในสังคม ยิ่งอยากจะมีเงินมาก ก็ต้องยิ่งทำงานมาก จนหลายคนลืมที่จะมองดู ศักยภาพ ในร่างกายของตัวเอง ยอม อดหลับอดนอน เพื่ออะไร?

กี่คนแล้วที่ยอมลำบาก ทำงานหามรุ่งหามในวัยสาว ตั้งใจเก็บเงินเพื่อที่จะสบายในวัยชรา แต่ก็ไม่ได้ สบาย สมใจ เพราะเงินที่เก็บมาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งหมด ต้องถูกนำมาใช้ เพื่อ รักษาและประคอง ร่างกายที่เคย ทิ้งๆขว้าง ปล่อยให้ ส่วนอะไหล่ชีวิต แต่ละชิ้น ค่อยๆเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร สุดท้าย ชีวิตหนึ่งที่เกิดมา ก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้กับร่างกายตัวเอง ไม่ได้รู้จักคำว่า สบาย เลยในชีวิต

เพื่อนๆคนไหน อยู่ในช่วงวัยที่ยังไม่สายเกินไปต่อการดูแลรักษา หันมาใส่ใจ สุขภาพ กันเถอะคะ อาจจะเริ่มจาก อาหาร การกิน และ การออกกำลังกาย แบ่งเวลาให้กับ ร่างกาย คุณบ้าง อย่ามัวเสียเวลาไปกับการเลือก เครื่องแต่งกาย หรือ เครื่องประดับ ที่จะทำให้คุณดูดี เพราะ ความสวยที่แท้จริงต้องออกมาจาก ข้างใน ตัวคุณ


ลองถามตัวคุณดูว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่จะทำอะไรเพื่อ ร่างกาย ที่เป็น เพื่อนแท้ ของคุณมาตลอด

ร่างกาย คือมิตรแท้
หัวใจ ต้องรักษา
สมอง หมั่นเรียนรู้
จิตวิญญาน ต้องถือ คุณธรรม

มีแฟน หมั่นดูแล
มีกิ๊ก ต้องควบคุม
กะล่อน ให้เป็นที่
แล้วชีวี จะปลอดภัย

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รักยุคดิจิตอล

สมัยนี้จะ บอกรัก หรือ บอกเลิก ใครสักคน ก็ง่ายเพียง ปลายนิ้ว สัมผัส จึงทำให้ เราเลือกที่จะใช้ อารมณ์ (ที่ไม่มั่นคง) เป็นตัวตัดสินที่จะ เริ่ม หรือ ยุติ ความสัมพันธ์ เพราะอะไรๆ ก็ดูง่าย และเร็วไปหมด จนบางครั้ง การตัดสินใจหลายๆอย่าง ฉาบฉวยเราจึงมองข้าม ที่จะย้อนคิดถึง เหตุผล บางเหตุผลที่เล็กๆ (แต่ก็สำคัญ) ไป

สมัยนี้ ความรัก ถูก คลิก สั่งได้ด้วย ปลายนิ้ว”  

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ให้รักเดินทางมาเจอ "เรา"

เพื่อนๆคะ ลองนั่งนิ่งสักครู่นะคะ แล้วหลับตาลง ถามตัวคุณเอง (ในใจ) ว่าคุณมีความคาดหวัง หรือ ความฝัน ที่ต้องการใครสักคน (แฟน) ที่มีคุณสมบัติเช่นไร?

เราเชื่อว่า เกินกว่า 90% คงมี Spec ต้องการแฟนที่เพียบพร้อม ด้วย รูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติ (และ เพศสมบัติ)

บางคนเลือกที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ คบกับคนไปเรื่อยๆ โดยไม่พุ่งความสนใจมากกับ Spec ในฝันเท่าไหร่ (ใช้ชีวิตแบบคุ้มค่า เจอใครก็เอาด่ะ) แต่ก็มีบางคนที่ รอ และรอ คนในฝัน รอคนที่ Perfect คนนั้น (ให้จุติลงมาเกิด และพบเจอ)  ยังไงก็ขอให้คุณได้เจอคนๆนั้น ก่อนจะต้องไปเจอ ยมบาล นะคะ