สมัยนี้จะ “บอกรัก หรือ บอกเลิก” ใครสักคน ก็ง่ายเพียง “ปลายนิ้ว” สัมผัส จึงทำให้ เราเลือกที่จะใช้ “อารมณ์” (ที่ไม่มั่นคง) เป็นตัวตัดสินที่จะ “เริ่ม หรือ ยุติ” ความสัมพันธ์ เพราะอะไรๆ ก็ดูง่าย และเร็วไปหมด จนบางครั้ง การตัดสินใจหลายๆอย่าง “ฉาบฉวย” เราจึงมองข้าม ที่จะย้อนคิดถึง เหตุผล บางเหตุผลที่เล็กๆ (แต่ก็สำคัญ) ไป
อยากหาแฟน, อยากหาคู่นอน (ชั่วคราว หรือ one night stand), อยากหาเพื่อนเที่ยว, อยากหาเพื่อนดูหนัง, อยากหาคู่รัก คู่แท้ ทุก “ความต้องการ” ทำได้แค่เพียง “คลิก” เข้าสู่ Internet
“พี่อั้ม” ทอมรุ่นป้า เขาเคยเปรยให้เราฟังว่า “สมัยนี้อะไรก็เร็ว อะไรก็ด่วน ไปหมด ความรักของ ทอม ดี้ สมัยนี้ ถึงได้ “ปู๊ด ป๊าด” รักเร็ว, เลิกเร็ว และลืมเร็ว ด้วยความเจริญทางเทคโนโลยีของโลกนี้แหละ ทำให้ “เด็กรุ่นใหม่” ไม่ค่อยมีความอดทน” ความรักของเขาในสมัยก่อน คบกับใครทีก็ 5 ปีขึ้น กว่าเขาจะตัดสินใจคบกับใครสักคน เขาต้องเลือกอย่างดี
เนื่องจากในสมัยนั้น “ความรัก คือความอดทน” การโทรหาแฟนแต่ละครั้ง (เป็น “เกมวิบาก” ที่ยิ่งใหญ่) มีขั้นตอนหลายอย่าง เริ่มจาก
หาแลกเหรียญ (ต้องเตรียมให้เกินเอาไว้ด้วย เพราะโทรศัพท์ส่วนใหญ่ชอบ “กินเหรียญ”)
ต้องเดินหลายร้อยเมตรเพื่อไปยังตู้โทรศัพท์ (โดยที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าว่า ต้องเดินอีกไกลแค่ไหน และต้องคอยลุ้นอีกว่า ตู้นั้น จะใช้การได้หรือไม่?)
ยืนต่อแถวตู้โทรศัพท์ (ส่วนใหญ่ตู้ที่สมประกอบ จะมีคิวยาวมาก ยืนต่อแต่ละที ก็ไม่ต่ำกว่า 30 นาที)
ถึงตู้หยอดเหรียญแล้ว ก็ต้องลุ้นว่า “เธอจะรับสายไหม?”
คุยได้ไม่นาน คนยืนต่อคิวข้างนอกตู้ จะเคาะตู้เป็นระยะๆ
เขาเล่าให้ฟังว่า “เคยมีอยู่ครั้งนึง โกรธแฟนมาก ตั้งใจจะโทรไปบอกเลิก แต่กว่าจะผ่านขั้นตอนหลายอย่างมาได้ เขาก็ลืมความโกรธไปเสียหมด วันนั้นเลยไม่ได้บอกเลิกเธอเลย ก็ต้องขอบคุณ “ความลำบาก” ในวันนั้น เพราะจนถึงวันนี้ เขาก็คบกับเธอได้ 18 ปีแล้ว”
สำหรับเพื่อนๆคนไหน ที่ชอบใช้ “อารมณ์ชั่ววูบ” ตัดสินความสัมพันธ์ เมื่ออ่านเรื่องราวนี้แล้ว อาจจะได้แง่คิดบ้าง เพราะบางที คุณอาจจะ “ตีความ” ความหมายของ “ความรัก” ผิดไปก็ได้
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน