Recent News

Powered by eSnips.com

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

Update

มา update ชีวิต ณ ตอนนี่ของเรากันดีกว่า

ตอนนี้เราก็ยังคงอยู่ที่ "เกาะช้าง" สถานที่เดิม บรรยากาศเดิม ยังคงเต็มอิ่ม กับความสุข และความสงบเงียบเหมือนเดิม การที่เราได้มาอยู่ที่นี่ ต้องยอมรับเลยว่า "ณ สถานที่นี้ ทำให้ร่างกาย และหัวใจเรา สงบมากขึ้น" ผิดกับเมื่อปลายอาทิตย์ที่แล้ว ที่เกิดความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ชีวิต ณ ช่วงนั้น รู้สึกไม่ปลอดภัย และเต้นเร้าไปกับสิ่งรอบตัว (อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)
แต่ในใจลึกๆ เราก็รับรู้ว่า "จริงๆแล้ว จะสุขหรือทุกข์ หรืออยู่ในช่วงไหนก็ตาม ความสงบ และสันติที่แท้จริงในจิตใจนั้น ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อมภายนอก หากแต่ทุกสิ่งอยู่ที่ตัวเรา เริ่มที่ตัว ร้อนที่ตัวเรา วุ่นวายที่ตัวเรา และตัวเราก็ต้องเป็นคน "จบ และหยุด" เรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง
ก่อนที่เราจะมาที่นี่ เราได้เริ่มเขียนเรื่อง "เงื่อนไขในชีวิต" ไว้ (ยังไม่เสร็จดี) เดี๋ยวกลับไปเราจะไปต่อให้จบ เราเชื่อว่า เมื่อเพื่อนได้อ่าน อาจจะได้มุมมอง และแง่คิดหลายๆด้านจากเรื่องนี้ก็เป็นได้
ถึง ตัว T ที่รักของหนู
หนูรับรู้และสัมผัสได้ว่า คุณมีเรื่อิงคิด และเครียดในหัวใจ คุณอาจไม่รู้ว่า หนุเฝ้าสังเกตุทุกๆคำพูด และความรู้สึกของคุณอยู่ หนูอยากให้คุณรับรู้ว่า "หนูทรมานใจมาก ที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจาก เป็นกำลังใจให้คุณผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง" เป็นเรื่องปกติของชีวิต ที่คนเราต้องประสบกับภาวะบางอย่างที่เราอาจไม่ต้องการเผชิญได้เสมอ เราแต่ละคนยังเป็นมนุษย์ ดังนั้นความอ่อนแอ ก็เป็นอารมณ์โหมดปกติของพวกเราแต่ละคน อย่าวุ่นวายใจไปเลยนะคะ ถึงแม้หนูจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ในใจคุณไม่ได้ แต่หนูก็พร้อมที่จะรับฟัง และยังคงยืนอยู่ตรงนี้ ตรงที่เดิมนะคะ
คนดีคะ หนูรักคุณนะคะ อย่าคิดมากไปเลยนะ กลับมายิ้ม และหยอกเล่นกับหนูเหมือนเดิมนะคะ
หนูรักคุณคะ
Always Yours.

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

Thanks GOD.

วันนี้จริงๆแล้ว เรามีหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่จะต้องไปร้องเพลงที่โบสถ์ แต่เมื่อเช้าเปิดดูข่าวทางทีวี ปรากฏว่า มีม๊อบเสื้อแดง ได้นำรถแก๊สมาจอดอยู่แถวๆโบสถ์ ทางบ้านเราจึงสั่งห้ามเราไปโบสถ์ในค่ำคืนนี้ (เรียกได้ว่า เป็นคำสั่งแบบเด็ดขาด) เราได้แต่พยักหน้า (แต่ในใจก็ยังคงมีความหวัง ความเชื่อลึกๆว่า ทุกๆสิ่งต้องคลี่คลาย พระเจ้าต้องทรงทำอัศจรรย์ เหมือนที่พระองค์ทรงกระทำในทุกๆครั้งที่ชีวิตเราประสบอุปสรรค)

และในที่สุด พระองค์ก็ทำอัศจรรย์ในช่วง 40 นาทีสุดท้าย

ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้รถแก๊สถูกนำออกไปจากที่นั่น

ขอบคุณพระเจ้า ที่ดลใจให้คุณแม่ของลูก ปล่อยให้ลูกมาร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

ขอบคุณพระเจ้า ที่ดลใจให้น้องสาวของลูก ไปเป็นเพื่อนลูกที่โบสถ์วันนี้

ขอบคุณพระเจ้า สำหรับมิสซาที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ (ทุกๆคนที่มาในมิสซานี้ เดินทางมาด้วย “ความเชื่อ” ในพระองค์อย่างแท้จริง)

ตอนนี้ เรารู้สึกโล่งใจจัง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องกระทำของเรา หมดสิ้นไปแล้ว (เฉพาะช่วงนี้) ดังนั้น เราคงจะสุขใจ และสบายใจแล้ว เราจะเดินทางอีกทีวันพฤหัสนี้แล้ว (การเดินทางออกนอก กทม. ในช่วงที่วุ่นวายนี้ ช่างสุขเสรีเหลือเกิน)

ถึง ตัว T ของหนู

ช่วงนี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่หนูดูวุ่นๆ กับกิจกรรมรอบตัวไปหน่อย หนูก็ทราบดีนะคะ ว่าคุณเป็นห่วง และไม่ต้องการให้หนูออกนอกบ้าน เพราะบางทีอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หนูรับทราบ และซึ้งใจกับความเป็นห่วงของคุณมากๆเลย (แต่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ เด็กซนคนนี้ผ่านทุกสิ่งได้เสมอแหละคะ)

ดึกแล้ว หนูไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะคนดี

หนูรักคุณนะคะ

You are my Dearest.



วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

Happy Easter

เมื่อคืนวานนี้ ชาวคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ได้เฉลิมฉลอง “ปัสกา easter” (วันกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู) ถือเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่วันนึงในปีของพระศาสนจักร

Happy Easter นะคะทุกคน

เพื่อนๆเคยสังเกตุตัวคุณเองไหมว่า?

คำพูดแรกที่คุณจะพูดกับตัวเองตอนตื่นนอนในตอนเช้าคืออะไร?

บางคนบอกกับตัวเองว่า “วันนี้วันจันทร์อีกแล้ว ไม่อยากไปทำงานเลย”

บางคนบอกกับตัวเองว่า “ขออีก 5 นาที”

บางคนบอกกับตัวเองว่า “โอ๊ย ไม่อยากลุกเลย”

บางคนบอกกับตัวเองว่า “วันนี้จะเอาอะไรกิน จะหาเงินอย่างไร?”

แล้วแต่ว่าต่างคนจะพูดกับตัวเองว่าอย่างไร?

สำหรับเรานั้น เรามักจะยิ้ม และพูดกับตัวเองว่า

“วันนี้คือจุดเริ่มต้นของวันใหม่ ต้องมีสิ่งดีๆรอเราอยู่แน่นอน”

แล้วเพื่อนๆล่ะคะ พูดกับตัวเองว่าอะไร?

พอคิดถึงคำพูดแรกตอนตื่นนอนแล้ว เราก็อยากจะย้อนไปว่า

“ก่อนนอน คุณเคยคิดกันไหมคะว่า คุณอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกในเช้าวันต่อไป”

สำหรับบางคนที่มีความรอบคอบ อาจอาจเตรียมพินัยกรรม เตรียมวางแผนพิธีงานศพของตัวเอง วางแผนทุกอย่างไว้อย่างเบ็ดเสร็จ

สำหรับบางคนที่ไม่เคยคิดถึง อาจจะใช้ชีวิตไปวัน โดยไม่เคยคิดถึง “ความตาย” (ทั้งๆที่ความตาย เหมือนโจรปล้นบ้าน ที่จะมาในเวลาที่เราไม่รู้ล่วงหน้า และคาดไม่ถึง)

สำหรับเรา ก่อนเราเข้านอน เราจะ “ทิ้งทุกอย่าง” ความรู้สึกในเชิงลบทั้งหมด เหตุผลง่ายๆก็คือ เราไม่อยากจะ “ตายแบบฉุกเฉิน” โดยต้องมีความกังวล หรือ บ่วงติดอยู่ในหัวใจ (เดี๋ยวจะเหมือน จ้าวศรีเกษ ในเรื่อง สาปภูษา)

ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างวุ่นวาย เพื่อนๆคนไหนที่ไม่ได้ออกไปท่องเที่ยววันหยุดที่ต่างจังหวัด อยู่ในกรุงเทพเหมือนกับเรา ก็คงจะ “เซ็ง” มากมาย เมื่อวานเราไปทานข้าวที่ Central World และเดินทางออกมาก่อนที่เขาจะประกาศปิดห้างเพียงไม่ถึง 30 นาที (ขอบคุณพระเจ้า ที่ตัดสินใจออกมาก่อน)

แต่วันนี้สิ เราก็ต้องมานั่ง “อธิษฐาน” กันต่อไปว่า มิสซาแห่แม่พระในค่ำคืนนี้ เราจะสามารถไปเข้าร่วมได้ไหม เนื่องจากมีรถแก๊สมาขวางทางไว้

ยังไงก็ตาม เราขอฝากวันๆนี้ ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ เราเชื่อเหลือเกิดว่า “พระเจ้า ต้องคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับมนุษย์ทุกคนอย่างแน่นอน”

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552

วัฏจักรแห่งรอยยิ้ม

ห่างหายจากการเขียน Blog ไปหายวัน เหตุผลก็คือ

คืนวันอังคาร กลับจากการเดินทาง ถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม รู้สึก “เหนื่อย” จนเปิดคอมไม่ไหว

คืนวันพุธ ซ้อมเพลงกลับมาเกือบเที่ยงคืน รู้สึก “เหนื่อย และไข้ขึ้น” จนเปิดคอมไม่ไหวอีก

คืนวันพฤหัส ไม่ได้ไปร้องเพลงในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีม๊อบปิดอนุสาวรีย์ จึงรู้สึก “เหนื่อยใจ” ไม่มีอารมณ์เปิดคอม

คืนวันนี้ เพิ่งกลับมาจากร้องเพลงในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ “อารมณ์ดี” (เพราะได้ทานข้าวต้มกุ๊ย (พี่ที่โบสถ์เอามาเลี้ยง) อิ่มมาก จึงมีอารมณ์เขียนเสียที (แต่ก็กำลังคิดหนักว่าจะเขียนเรื่องอะไรดีนะ)

พรุ่งนี้ วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ช่วงเช้าไปธุระ ช่วงค่ำมีร้องเพลงที่โบสถ์

วันอาทิตย์ (สมโภชปัสกา) มีร้องเพลงรอบเช้า เล่นสงกรานต์กับพี่ที่โบสถ์ตอนกลางวันถึงเย็น มีร้องเพลงรอบเย็น และซ้อมร้องเพลงรอบดึก (เป็นอาทิตย์ที่ “ทรหด” เสียนี่กระไร)

วันจันทร์ (วันสงกรานต์) มีร้องเพลงที่โบสถ์ช่วงค่ำ (ช่วงเช้าน่าจะว่าง)

วันอังคาร มีโปรแกรมไปดูหนัง ทานข้าว (ที่อยากทาน)

วันพุธ ไปเล่นโยคะ จัดกระเป๋าเสื้อผ้า

วันพฤหัส เดินทางออกนอกกรุงเทพ (กำหนดกลับ สิ้นเดือน)

เคยสังเกตุกันไหมคะว่า? เวลาที่เราโยน “ก้อนหิน” ลงไปในน้ำ แรงที่หินปะทะกับพื้นน้ำนั้น ไม่เพียงแค่ ทำให้เกิด “ระลอกคลื่น” แค่ช่วงบริเวณนั้น แต่มันกลับส่งผลกระทบให้เกิดอีกหลายๆ “ระลอกคลื่น” รอบบริเวณนั้นด้วย

เปรียบเหมือน ชีวิต และพฤติกรรม ของมนุษย์เราแต่ละคน ซึ่งเมื่อเรา “ขยับเขยื้อน กระทำ” สิ่งใด ก็ย่อมมีผลกระทบ หรือเป็นแรงผลักต่อ “สิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบตัวเราเช่นกัน”

สมมติว่า เราตื่นเช้ามาด้วย “อารมณ์หงุดหงิด” เราจึงไม่ยิ้มต่อตัวเอง นอกจากเราทำให้วันๆนั้นของเราไม่สดใสแล้ว เมื่อเรานำ “อารมณ์หงุดหงิด” นี้ ไปมอบให้คนรอบข้างเราแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะเริ่มรู้สึกหงุดหงิด และส่งผลต่อไปยังอีกหลายๆคนที่พวกเขาไปพบเจอ (คล้ายๆหลักการธุรกิจขายตรงแบบลูกโซ่)

ในทางกลับกัน หากเราตื่นเช้ามาด้วย “รอยยิ้ม” เราก็จะส่งต่อ “ความสุข” นี้ ไปให้กับคนรอบตัว และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วย

เมื่อสรุปได้ดังนี้ ก่อนนอนคืนนี้ยิ้มให้กับตัวเอง เพื่อย้ำเตือนให้คุณยิ้มให้กับตัวเองตอนตื่นด้วย แค่นี้บรรยากาศรอบตัวคุณ ก็จะสวยงาม และเต็มไปด้วย “รอยยิ้ม”

“เราแต่ละคนไม่สามารถที่จะบังคับ หรือสั่งให้คนรอบข้างเราทำอะไร หรือไม่ทำอะไรได้ แต่เราสามารถ เลือก หรือ ชี้นำให้เราทำอะไร หรือไม่ทำอะไรได้”

ถึงเวลาหรือยังคะ ที่จะเริ่มสร้าง “วัฏจักรแห่งรอยยิ้ม” จากตัวเรา แล้วคุณจะค้นพบว่า โลกใบนี้สวยงามและน่าอยู่เพียงใด

ถึง ตัว T ที่รักของหนู

หนูไม่ได้เขียนหาคุณหลายวันเลย แต่ถึงแม้คุณไม่ได้ “สัมผัสตัวอักษร” ของหนู แต่เราก็คุยกันตลอดนะคะ

ก็อย่างที่คุณรู้แหละคะว่า ช่วงนี้หนูยุ่งๆ และเหนื่อยมากมาย เหนื่อยต่อสภาพสังคม หน้าที่ ความรับผิดชอบ รวมถึงปัจจัยต่างๆรอบกาย แต่หนูไม่เป็นไรหรอกนะคะ หนูต้องผ่านเรื่องราวต่างๆพวกนี้ไปได้แน่นอน (เพราะหนูมี “ความรัก” ของคุณอยู่รอบกายนี่น่า จึงไม่มีสิ่งไหนทำให้หนูกลัวได้อีก)

ตอนนี้หนูกำลังนั่งนับวันรอการไป “ดูหนัง” ของเรา (ขอดู 2 เรื่องติดได้ไหมคะ?) เนื่องจากเราสองคน ต่างคนก็ต่างชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเวลา และภารกิจของเราสองคน ทำให้เราอาจไม่มีเวลาหนูหนังด้วยกันได้ แต่ครั้งนี้ เราสองคนมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าพอสมควร แต่เอ๊ะ!!! คุณจะพาหนูไปดูหนังเรื่องอะไรคะ? ห้ามตอบว่า ตามใจหนู นะคะ (เพราะหนูดูเรื่องอะไรก็ได้คะ ตามใจคุณ)

คนดีคะ ช่วงนี้หนูไม่ซน ไม่ดื้อ อย่าลืม “รางวัล” ชิ้นใหญ่ของหนูนะคะ

เมื่อวานดูหนังเรื่อง “Twilight” มีฉากนึง น่ารักมากเลยคะ พระเอก และนางเอก XXX กัน (ไม่ใช่เรื่องนั้น คนดีอย่าคิดมาก) พอหนูดูแล้ว ก็นึกถึงตอนที่เรา XXX กัน (เอาอีก คนดีคิดมากไปอีกแล้ว) จบดีกว่า

Love isn’t about becoming somebody else’s “Perfect Person” It’s about finding someone who helps you become the best person you can be. And I’ve found the best soulmate That’s You.

Always Yours.

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

My 3 Questions

ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เราได้มีประสบการณ์ "สัมผัส" ชีวิตของคนในหลายๆพื้นที่ หลากหลายระดับชั้น และแตกต่างในช่วงอายุวัย บอกได้ตามตรงเลยว่า "เราได้มุมมองหลายอย่างจากการได้พูดคุย และแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตกับพวกเขา แต่เกือบทุกคนที่เราได้มีโอกาสรู้จักนั้น ส่วนใหญ่กำลังเดินวกวน เวียนวน เพื่อค้นหา "คำตอบ" กับ "คำถาม" ที่ไม่สามารถหาได้จากการ Search Google หรือ โทรถาม Bug 1113 เพราะคำตอบนั้น "วกเวียนวน" อยู่ภายในหัวใจของพวกเขาเอง
และคำถามที่ว่านั้นก็คือ
เราเกิดมาทำไม?
(เกิดเพราะความรัก ความไม่ตั้งใจ ความใคร่ หรือเพราะอุบัติเหตุทางอารมณ์ ฯลฯ)
เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?
(เพื่อมีตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อดำเนินวัฏจักรเดิมๆในการใช้ชีวิต เพื่อแต่งงาน เพื่ออกหัก เพื่อเป็นหนี้ เพื่อถูกทรยศ ฯลฯ)
อะไรคือความสุขที่แท้จริงของชีวิต?
(การมีอายุงานเกิน 10 ปี การขับรถหรูๆ การเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังที่เป็นของเรา การส่งลูกเรียนจนจบปริญญา การค้นพบคู่ชีวิต ฯลฯ)
ยังมีคำถามอีกมากมาย ที่มนุษย์ถามขึ้นในใจ และคำถามพวกนั้น ก็เดินทางมาพร้อมกับ "ความสับสน ความกลัว และความกังวล" ที่จะได้รับ "คำตอบ" ที่แท้จริง หลายๆครั้ง เราแต่ละคน พยายาม "บิดเบือน" คำตอบ และปัจจัยรอบตัว บ้างก็ทำเพื่อความสบายใจ บ้างก็ทำเพื่อทำให้ชีวิตดูเรียบง่ายขึ้น แต่ไม่ว่า "คำตอบ" นั้น จะมีอยู่จริงหรือเปล่า? แต่เราเชื่อว่า คำถามทั้ง 3 ข้อข้างบนนั้น เป็นคำถาม Basic ที่มนุษย์ที่เกิดมาทุกคน ควรค้นหาคำตอบ และตอบตัวเองได้
ฝากไว้ให้ถามตัวเองเล่นๆนะคะ (อย่างน้อย เมื่อคุยถามตัวคุณเอง คุณก็จะได้คุยกับตัวคุณเองไปด้วยในตัว)
วันนี้คุณได้ "ทักทาย และคุย" กับตัวคุณเองแล้วหรือยังคะ
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

เพศหญิง

“เพศหญิง” เป็นเพศที่อยากรู้ อยากเห็น ถึงแม้บางทีอาจเห็นด้วย 2 ตาแล้ว ก็ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงไม่แปลก หากผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะ “งมงาย” อยู่กับการดูหมอ เพราะพวกเธอคงอยากจะรู้อนาคตล่วงหน้า (ซึ่งบางทีสิ่งนั้น รู้ไปแล้ว ก็อาจไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย กลับกลายเป็นการสร้างความกังวล ความกลัว และความหดหู่ให้กับตัวเองทั้งสิ้น)

และด้วย “ความอ่อนไหว หวั่นไหว” ซึ่งเป็น “จุดอ่อน” ของผู้หญิงนี่เอง ทำให้ชีวิตของพวกเธอต้องวุ่นวาย และสร้างค่านิยมที่ผิดๆขึ้นมา

ยกตัวอย่างใกล้ตัวเราเลยดีกว่านะ “เกตุ” เพื่อนสาวของเรา เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เธอเปิดดูรายการ “ศึก 12 ราศี” เนื้อหาในรายการนั้น ได้มี “การฟันธง (ไม่ใช่ฟันแล้วทิ้ง)” จากหมอดู(ชื่อดัง) ออกมาประกาศว่า “ราศีที่เธอ (สิงสถิต) มาเกิดนั้น มีเกณฑ์ถูกแฟนกำลังนอกใจ”

เมื่อดูรายการนี้จบ เธอก็เริ่มเครียด คิดไปต่างๆนาๆ เริ่มคิดทบทวน ถึงความเปลี่ยนแปลงของแฟนหนุ่มของเธอ (คิดไปเอง ทั้งๆที่ไม่มีอะไรในกอไผ่) เธอเริ่มไม่ไว้ใจเขา เช็คทุกอย่าง ติดตามเขาไปในทุกที่ สร้างความลำบากใจให้เขา จนเขาทนไม่ไหว ทั้งคู่จึงมีปากมีเสียงกัน สุดท้ายด้วยความปากพล่อย เธอจึงขอเลิกกับเขา และเขาก็บ้าตามเธอ เก็บเสื้อผ้าออกไปจากคอนโดด้วย ก่อนไปเขาได้ทิ้งท้ายประโยคที่ว่า “ไปเชื่อทำไมหมอดู หมอเดา ทำไมไม่เชื่อใจในตัวผม คนที่นอนข้างกายคุณทุกคืน”

การเลิกราครั้งนี้ ทำให้เธอเสียใจมาก จนทานยานอนหลับเป็นจำนวนมาก โชคยังดีที่เพื่อนข้างห้องช่วยและพาตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายนี้ไปได้ เธอจึงได้คิด และได้ทบทวนว่า “จริงๆแล้ว ชีวิตของมนุษย์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงชะตาราศี แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากระทำในทุกๆวันต่างหาก” (แต่การคิดได้ของเธอในครั้งนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เขา (คนที่เคยรักเธอมาก) ย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่กับเธออีก)

นี่เป็นเรื่องที่เป็น “อุทาหรณ์” ให้กับใครหลายๆคน ที่กำลัง “ชักจูงสิ่งภายนอก (การดูหมอ ข่าวสาร ค่านิยม และบรรทัดฐานของสังคม) และบุคคลภายนอก (ที่ไม่ใช่คุณและเขา) เข้ามาในชีวิต”

“ในเมื่อความรัก ถูกเริ่มต้นด้วย คนเพียงสองคน เหตุผลที่ทำให้ความรักดำรงอยู่ก็คงเป็นเพราะ คนเพียงสองคน แต่ความรักนั้นอาจถูกทำลายจากคนอื่น (ที่ไม่ใช่คนเพียงสองคน) ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่จะมีรักเพื่อกันและกัน (คนเพียงสองคน) ไม่ได้รักเพราะค่านิยม หรือกระแสของสังคม”

ฝากไว้ให้คิดกันเล่นๆนะคะ

ถึง ตัว T ของหนู

พรุ่งนี้ หนูต้องออกเดินทางแต่เช้ามืด คุณไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูต้องเดินทางอย่างปลอดภัยแน่นอน สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ “ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ” แล้วหนูก็จะไปดูแลคุณเอง

คืนนี้เรามาเล่นเกมส์ “แกล้งหลับ” กันไหมคะ? เกมส์นี้มีกติกาง่ายๆก็คือ “ใครแกล้งหลับได้นานที่สุด หรือหลับสนิทไปเลยก่อน เป็นผู้ชนะ” เกมส์นี้สารภาพตามตรง หนูไม่ค่อยชอบเล่นเลย เพราะมีความรู้สึกว่า พี่ต้องชนะหนูแน่นอน (อาจเพราะด้วยอายุมากของคุณ ก็เป็นธรรมดาที่ต้องการ การพักผ่อนมากกว่าคนปกติทั่วไป) แต่ก็ต้องลองดูกันซะตั้งนะคะ เกมส์นี้เล่นระหว่างคุยโทรศัพท์หนูมีแต่ “ขาดทุน” ต้องเล่นตอนเรานอนข้างกายกันนะคะ รับรองหนูชนะแน่ (กฏเล็กๆก็คือ ห้ามสะกิด และกวนเด็ดขาด) ไม่งั้นปรับแพ้ (ตลอดชีวิต) นะคะ

อยากทานมาม่าผัดคะ ยังไงก็ตามพรุ่งนี้หนูต้องไปซื้อทานให้ได้ (ไม่ว่าคุณจะอนุญาติหรือไม่)

หนูไปเตรียมตัวนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 (หากคุณสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็รบกวนช่วยโทรปลุกหนูด้วยนะคะ)

“หนูจะพยายามหาเวลามาเขียนไดอารี่หาคุณนะคะ แต่ไม่สัญญานะคะ แต่จะพยายามคะ”

ขอบคุณนะคะที่รัก สำหรับการนำหัวใจ และชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ มา “แบ่งปัน” ให้กับ “คนธรรมดา” คนนึงเช่นหนู

จะเป็นคนดี (ที่ดื้อนิดๆ ซนหน่อยๆ) ของคุณให้ดีที่สุด สัญญาด้วยหัวใจคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน




Love is all around

Love is all around (เพราะความรักรายล้อมอยู่รอบเรา)

คุณเคยมีความรักมั้ยคะ?

หนึ่งประโยคในอีกหลายๆล้านคำถามที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่ความสำคัญของคำถามคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำตอบเพียงแค่ว่า “เคย” หรือ “ไม่เคย” แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจ และ (เคย) มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ (บ้าง) จะพบว่า “ความรัก” ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “ความรักอย่างไร?” ต่างหาก

ลองไปสัมผัสกับความรักในหลากหลายรูปแบบที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วคุณจะรู้ว่า “ความรักรายล้อมอยู่รอบตัวเราจริงๆ”

รักของวัยรุ่น นิยามคือ เธอ + ฉัน = กันและกัน

หากความรักทำให้โลกใบนี้ถูกนิยามเป็น “สีชมพู” คงไม่ผิดอะไร ถ้าจะแทนค่าสีนี้ให้เป็นความรักของวัยรุ่น และไม่ว่าความรักที่เกิดขึ้นจะมีจุดเริ่มต้น และที่มาที่แตกต่างกันอย่างไร? แต่ผลลัพธ์ คือการที่คนทั้งสองมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน (เพียงคุณพร้อมที่จะเข้าใจ รับฟังกันและกัน ความรักก็จะมั่นคง)

รักของพ่อแม่ นิยามคือ Give, Gave, Given กริยาช่องที่ 1, 2 และ 3 ความหมายคือ “การให้”

แม้กริยาคำนี้จะถูกผันไปตามรูปประโยค แต่ความหมายยังคงเดิม นั่นคือ “ให้” เพราะไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านจากเด็กน้อย เติบโตสู่วัยเรียนรู้ และก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่ความรัก ความห่วงใยของพ่อและแม่ ก็ยังมี “ให้” ลูกอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง (ไม่มีของขวัญล้ำค่าชิ้นใดในโลก ที่ลูกจะมอบให้พ่อแม่ได้ดีเท่าการมอบไออุ่นจากอ้อมแขน พร้อมสองมือที่โอบกอด และบอก “รัก” ท่านทุกวัน)

รักที่มอบให้คนรอบข้าง นิยามคือ 1 หาร 100 = ?

1 คนปันความรักให้ 100 คนรับ = ความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะการมอบความรักจากใจ ให้แก่บุคคลรอบข้าง คือความสุขอย่างหนึ่ งที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ โดยส่งผ่านรอยยิ้ม หรือหยิบยื่นความโอบอ้อมอารี และเอื้อเฟื้อให้แก่กัน คนรับได้สุข คนให้อิ่มใจ (ไม่แก่งแย่ง ไม่ใส่ร้าย ไม่ทำลาย ไม่เห็นแก่ตัว แล้วความรัก และความปรารถนาดีที่คุณมอบให้บุคคลรอบข้างนั้น จะย้อนกลับมาเป็นความสุขให้คุณ “อิ่มเอมใจ”)

รักตัวเอง Take a good care of yourself

หลายๆครั้งที่สิ่งเลวร้ายต่างๆเกิดขึ้น คุณมักจะมองข้ามตัวเอง และนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ จนลืมใส่ใจคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณที่สุด นั่นคือ “ตัวเอง” ลืมที่จะมอบความรัก และเติมเต็มกำลังใจ (ให้กำลังใจ และรับฟังตัวเอง (ให้มาก) เพราะคนเดียวที่จะรับฟังในสิ่งที่คุณพูด ก็คือ “ตัวคุณเอง”)

เพราะ “ความรัก” เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ แล้วอย่าลืมมอบให้อีกหลาย (ล้าน) คนรอบตัวคุณด้วยนะคะ

ถึง ตัว T ของหนู

อีก 2 วัน หนูก็จะได้ไป “ซน” อีกแล้ว หนูคงไม่ได้เขียนไดอารี่หาคุณประมาณสัก 4 วันนะคะ (เอ๊ะ คุณอยากรู้ไหมนะว่า หนูจะไปซนที่ไหน?) จ้างให้หนูก็ไม่บอกคุณหรอก เพราะถ้าหนูบอกคุณ ก็แสดงว่าหนูกลัวคุณสิ ใช่ไหม?

วันนี้หนูนั่งเปิดสมุดเขียนไดอารี่ พลิกไป พลิกมา ไปหยุดอยู่ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งหนูกากบาท “ดาวแดง” ไว้ “เป็นวันสำคัญ ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงช่วงสำคัญในชีวิตของหนู” เพราะเป็นวันแรกที่หนูได้เจอหน้าคุณ สบตากับคุณ (แบบไม่เต็มตาดีเท่าไหร่นัก) และหลังจากวันนั้น “การใช้ชีวิตร่วมกันของเราก็เริ่มต้นขึ้น” (ถึงแม้ว่า ความรักของเราทั้งสองนั้น จะเริ่มขึ้นก่อนหน้านั้นมานานแสนนานแล้วก็ตาม)

“เมื่อความรักเริ่มสุกงอม ความผูกพันเริ่มถักทอเป็นสายใยที่มั่นคงขึ้น หัวใจ สติปัญญา และวิญญาณของคนสองคน ก็จะ “หล่อหลอม” รวมกันอย่างไม่มีวันแยกจาก” ซึ่ง “ความรัก” ของหนูและคุณ ได้ “ถักทอ และผูกพัน” เหนียวแน่น และมั่งคงขึ้นในทุกๆวินาทีของเวลาที่กำลังเดินหน้าต่อไป

“ชีวิตรัก” ของเรา “เริ่มต้น” (แบบไม่มีวันแยกจาก) จากวันแรกที่เราตัดสินใจคบกัน จนถึงวันนี้ เราทั้งสอง ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุด สับสนที่สุด กังวลที่สุด และหนักใจที่สุด มาได้แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าในอนาคต จะมี “บททดสอบ” ใดๆ มา “ท้าทาย” เราสองคน หนูก็เชื่อว่า ด้วยความเข้าใจ และความรักที่เรามีต่อกัน เราสองคนจะต้องผ่านทุกๆสิ่งไปได้อย่างแน่นอน

หัวค่ำวันนี้ ได้มีเพื่อนคนนึงถามหนูทาง MSN ว่า “ความแตกต่างที่สุดขั้วระหว่างหนูและคุณ จะมีความเป็นไปได้ต่อไปแค่ไหน? เราสองคนจะฝืนข้อแตกต่างนี้ได้นานแค่ไหน? เราสองคนอาจจะต้องเลิกรา เหมือนคู่ของเพื่อนๆของเขาก็ได้ (หนูควรเผื่อใจไว้ดีไหม?)”

หนูได้อ่านดังนั้น หนูก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจลึกๆ เพราะอะไรรู้ไหมคะ? เพราะว่า ความรักของเราสองคนนั้น ผ่านบททดสอบมามากมาย ผ่านอุปสรรคมาแบบโชกโชน ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆมาแล้ว แค่อุปสรรคเรื่องความต่างแค่นี้ (เล็กน้อยมาก)

สิ่งนึงที่เขาอาจไม่รู้เกี่ยวกับความรักของเรา ก็คือ “เวลาที่เรารักใครสักคนอย่างจริงจัง และแท้จริง เราจะรู้จักวิธีการ ปรับตัว ให้อภัย ขอโทษ ขอบคุณ และดูแลซึ่งกันและกัน แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ” และเมื่อความรักอยู่เหนืออารมณ์ และเหตุผลทั้งปวงในโลก ความรักก็สามารถ “ทะยาน” สู่จุดสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด และข้อแม้ใดๆ

ซึ่งเราสองคน ไม่ได้มีความรักแบบคาดหวังซึ่งกันและกัน, ไม่ได้มีความรักแบบต้องการเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน, ไม่ได้มีความรักแบบต้องการเข้าไปยุ่งในโลกส่วนตัวของกันและกัน และไม่ได้มีความรักแบบเป็นเจ้าของกันและกัน

แต่ความรักของเราสองคนนั้น ส่งเสริมซึ่งกันและกัน, สังเกตุซึ่งกันและกัน, หวังดีต่อกันและกัน, เคารพซึ่งกันและกัน, ให้เกียรติซึ่งกันและกัน, ให้อภัยซึ่งกันและกัน และพร้อมจะรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน

ถ้าคนหลายๆคนในโลกนี้ มีมุมมอง และเข้าใจความรัก ในทิศทางที่เรา 2 คนเป็น หนูเชื่อว่า “คงไม่มีอุปสรรคใดๆ ทำลายความรักของพวกเขาได้อย่างแน่นอน”

You are everything to me. Thanks for Lighting up my hope, faith and future to me.

I’m Yours.


วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

เจ็บตรงที่เธอแกล้งทำเป็นรัก

เคยไหม? ที่ต้อง “ผิดหวัง” ให้กับคนบางคน เหตุเพราะ “ความเชื่อมั่น” ในตัวเขา

เคยไหม? ที่ต้อง “เสียเวลา” ให้กับคนบางคน เหตุเพราะคิดไปเองว่าเขาคือคนที่ใช่

เคยไหม? ที่ต้อง “อารมณ์เสีย” ให้กับ “ชีวิตรัก” ที่แสนห่วยแตก

เคยไหม? ที่ต้อง “เสียสุขภาพจิต” เพราะไปรัก “คนผิดปกติ” บางคน

เคยไหม? ที่ต้อง “เหน็ดเหนื่อย” ให้กับความรัก ที่มีเพียงแต่เราเท่านั้น ที่ดิ้นรนไปเอง

เคยไหม? ที่ต้อง “ประชดชีวิต” เพื่อกระตุ้นต่อมสำนึกให้กับคนบางคน (ถึงแม้ว่า จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สำนึกได้)

เคยไหม? ที่ต้อง “มีชีวิตที่วุ่นวาย” เพียงเพราะต้องการ “วิ่งตามล่าหัวใจ” ใครบางคน

เคยไหม? ที่ต้อง “คอยหลอกตัวเอง” อยู่เสมอว่า คนๆนั้น เขายังเป็นคนเดิม คนดีของเราอยู่เสมอ

หลายๆครั้งในชีวิตของเรา ต้อง “ประสบ และเผชิญ” กับ “ชะตาชีวิตรัก” ที่ทั้งสุขสมหวัง และเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และ “ประสบการณ์” ที่ “ไม่มีใครเคยคาดถึง” นี่แหละ ที่ “ดึงดูด และเรียกร้อง” ให้มนุษย์เรา “ดิ้นรน” โดยมี “หัวใจ และชีวิต” ของตัวเองเป็น “เดิมพัน” ด้วยความหวังว่า “จะมีโอกาสเพียงสักครั้ง ที่จะได้สุขสมหวัง” ในบั้นปลายของชีวิต

แต่เรื่องราวในชีวิตของคนๆนึงนั้น ไม่ได้ถูก “เรียงร้อยไปด้วยกลีบกุหลาบ” เพียงอย่างเดียว ตรงกันข้าม ชีวิตของเราแต่ละคนนั้น ได้ถูก “หล่อหลอม” ด้วย “รอยแผลแห่งความเจ็บปวด” อย่างแสนสาหัสด้วยเช่นกัน

ดังนั้น คงไม่แปลก หากแต่ละวัน คุณจะได้พบเจอ กับผู้คนที่ต้อง “แบกรับ ความผิดหวัง อารมณ์อกหัก รักคุด” อยู่เต็มไปหมด เพราะนั่น เป็นเพียงแค่ “บทเรียน” บทนึง ในชีวิตของพวกเขาเท่านั้น

ซึ่งหากในวันนี้ หรืออนาคตอันใกล้นี้ คุณต้องเป็นผู้ประสบกับอารมณ์ผิดหวัง เศร้า ท้อแท้ อกหัก และเสียใจบ้าง ก็คงไม่แปลก เพราะตราบใดที่คุณยังมีลมหายใจ และมีความเป็นมนุษย์ (ความรู้สึกทำนองนี้มักจะเกิดขึ้นเสมอ) เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ ครั้งนั้น หรือครั้งโน้นที่กำลังเกิดขึ้นนั้น ณ ช่วงนั้นคุณกำลังมีพื้นฐานอารมณ์เช่นไรอยู่

อย่างเช่น ถ้าคุณกำลังรู้สึกสบายๆกับชีวิต มีความสุขและรอยยิ้มในทุกๆวัน และวันนึง คุณต้องพบเจอกับความผิดหวัง คุณอาจจะเสียใจ เศร้าเพียงไม่นาน

แต่ถ้าคุณกำลังรู้สึกท้อแท้ กังวล เหนื่อยหน่ายกับโลกใบนี้อยู่ และถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์อกหักเข้าไปเพิ่มด้วยแล้ว คุณอาจจะต้อง “จมอยู่” กับความมืดมนของชีวิตนานนับเดือนก็เป็นได้

ส่วนใหญ่สิ่งที่กระตุ้นให้มนุษย์เจ็บปวดได้ยาวนาน และลึกที่สุด ก็คงเป็นการถูกหลอกลวง ทรยศ และผิดหวัง จากคนที่คุณรู้สึกรักมากที่สุด คนใกล้ตัวคุณมากที่สุด คนที่คุณไว้ใจที่สุด หรือแม้กระทั่งคนที่คุณรู้สึกว่าเขาปลอดภัยที่สุด และความเจ็บปวดนี้ ก็จะ “ฝังรากลึก” ค่อยๆ “กัดกร่อน” ความเป็นตัวคุณอย่างช้าๆ

คุณอาจไม่ได้เสียใจในสิ่งที่เขาทำ แต่คุณอาจผิดหวัง และตกใจ แบบที่คาดไม่ถึงมากกว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนๆนั้น จะทำร้ายคุณได้อย่างเลือดเย็น

แต่ไม่ว่า ชีวิตของคุณ ต้องประสบกับเหตุการณ์ใดๆก็ตาม จงตั้งสติ และค่อยปรับอารมณ์ให้เป็นกลางอย่างช้าๆ และทุกๆอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเอง

บางทีก็เป็นเรื่องไร้สาระ และน่าขยะแขยง หากจะต้องไป “แคร์ และยังคงรู้สึกดี” อยู่กับ “เดรมนุษย์” ที่แม้แต่ตัวเขาเองนั้น เขายังไม่เคยรู้จักตัวเองเลย

“กลั้นหายใจ” และ “เริ่มต้น” ชีวิตใหม่ซะ ต้องมีสิ่งที่ดีๆ รอคุณอยู่อย่างแน่นอน

เพลง แกล้งรัก

ฉันเริ่มสงสัย ว่าทำไมเธอจึงไกลห่าง
ฉันเริ่มอ้างว้าง เมื่อเธอมีอีกคนเข้ามา
และในวันนี้ ความลับก็เริ่มกระจ่าง
เพราะเวลานี้ เธอมีเขาอยู่เต็มหัวใจ
เจ็บตรงที่เธอแกล้งทำเป็นรัก
แกล้งทำเป็นมีเยื่อใย
สุดท้ายก็ทิ้งฉันไป มีคนใหม่
เจ็บตรงที่เธอบอกรัก
แกล้งทำให้ไว้ใจ
สุดท้าย คือฉันต้องเจ็บฝ่ายเดียว
เธอบอกได้ไหม ว่าทำไมต้องมาแกล้งหลอก
แกล้งบอกกับฉัน ว่าเธอนั้นไม่เคยสนใคร
เพราะใจดวงนี้มี แต่ฉันข้างในหัวใจ
แล้วบอกว่ารัก บอกว่าเธอรักฉันมากมาย

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน


ขออนุญาติเปลี่ยนโหมด โดยด่วนนะคะ

ถึง ตัว T ของหนู

เหนื่อยไหมคะวันนี้ หนูเหนื่อยนิดหน่อยคะ ตอนนี้ก็มีไข้ต่ำๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดคะ เพราะเดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีกแล้ว หนูไม่อยากไม่สบาย และอ่อนแอ ทำให้คุณรู้สึกเป็นห่วง (เพราะแค่ในทุกๆวันที่คุณต้องรักหนู คุณก็เหนื่อยมากพอแล้ว หากต้องรู้สึกห่วงหนูอีก หนูกลัวว่า คนอายุเยอะเช่นคุณ จะย่างเข้าสู่ “วัยทอง” ก่อนวัยอันสมควร)

คนที่ไม่รู้จักคุณ อาจจะมองคุณ หรือตัดสินคุณ ในทำนองที่ว่า คุณเป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ หน้านิ่งๆ จนใครหลายๆคน ค่อนข้างเกรงคุณนิดๆ (สารภาพตามตรง แวบแรกที่หนูเห็นคุณ หนูก็รู้สึกเช่นนั้นนะคะ) แต่เมื่อได้เดินเข้าไปในโลกส่วนตัวของคุณแล้ว ได้สัมผัสคุณด้วยหัวใจของหนูแล้ว คุณเป็นคนที่ “ติ้งต๊อง” มากเลยอ่ะ ไม่รู้สินะ คุณเป็นคนขี้เล่นมาก ชอบหยอกเล่นกับหนู จนบางทีหลายครั้ง หนูก็ “ขมวดคิ้ว” และขำในความเป็นเด็กของคุณ (แต่ถึงคุณแสดงบุคลิกไหนออกมา คุณก็ยังถูกหนู “เทิดทูน บูชา” ไว้บนหิ้งเช่นเดิม)

คุณอาจมองหนูเป็น “เด็กซน และดื้อ” เสมอ ในสายตาคุณ จนหลายครั้ง คุณอาจจะปวดหัว และก็เคืองหนูในใจลึกๆ หนูรู้นะ หลายครั้งที่คุณพยายามจะตั้งใจโกรธหนู (มากเกินไปมั้ง) แต่สุดท้ายคุณก็ต้อง “ยอมแพ้” ให้อภัยหนูทุกทีไป (ก็แหม แค่หนูอ้อนนิดเดียวเอง คุณนี่นะ ก็ใจอ่อนใช่ย่อย)

ถึงแม้หนูจะเป็นคนที่ดื้อ หัวรั้น หัวแข็ง และเชื่อมั่นในตัวเองสูงแค่ไหน แต่คุณรู้ไหมคะ? เมื่อหนูมายืนตรงหน้าคุณแล้ว หนูก็ “ปล่อยวางทุกอย่างลง” และนั่งตรงหน้าคุณแบบเงียบๆ และเรียบร้อยที่สุด (ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร? อาจเพราะหนูยอมแพ้ ให้กับความดื้อ (ที่มีมากกว่า) ของคุณมั้งคะ)

หนูอยากทาน “ผัดมาม่า” คะ อยากทานมากเลยอ่ะ ยังไม่ได้ทานเลยอ่ะ ที่รักคะ คุณพอมีเวลาว่างไหมคะ? ผัดให้หนูทานหน่อยนะคะ หนูคงจะดีใจ และรอยยิ้มตลอดทั้งวันแน่เลย หากได้ทานผัดมาม่าฝีมือคุณ (เมื่อใดก็ตาม ที่หนูได้ทานอาหารฝีมือคุณ หนูก็จะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่วิ่งเล่นไปทั่ว ไม่ขัดใจคุณแน่นอน) ได้แต่หวังว่าคุณจะคิดได้ และเริ่มหามาม่าสูตรเด็ดมาผัดให้หนูทานนะคะ

หนูไปอาบน้ำ และพักผ่อนก่อน คืนนี้จะเป็นเด็กดีให้กับคุณ (แค่เพียงคืนนี้ คืนเดียวเท่านั้นนะคะ)

In you, I have no Fear.