Love is all around (เพราะความรักรายล้อมอยู่รอบเรา)
คุณเคยมีความรักมั้ยคะ?
หนึ่งประโยคในอีกหลายๆล้านคำถามที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่ความสำคัญของคำถามคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำตอบเพียงแค่ว่า “เคย” หรือ “ไม่เคย” แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจ และ (เคย) มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ (บ้าง) จะพบว่า “ความรัก” ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “ความรักอย่างไร?” ต่างหาก
ลองไปสัมผัสกับความรักในหลากหลายรูปแบบที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วคุณจะรู้ว่า “ความรักรายล้อมอยู่รอบตัวเราจริงๆ”
รักของวัยรุ่น นิยามคือ เธอ + ฉัน = กันและกัน
หากความรักทำให้โลกใบนี้ถูกนิยามเป็น “สีชมพู” คงไม่ผิดอะไร ถ้าจะแทนค่าสีนี้ให้เป็นความรักของวัยรุ่น และไม่ว่าความรักที่เกิดขึ้นจะมีจุดเริ่มต้น และที่มาที่แตกต่างกันอย่างไร? แต่ผลลัพธ์ คือการที่คนทั้งสองมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน (เพียงคุณพร้อมที่จะเข้าใจ รับฟังกันและกัน ความรักก็จะมั่นคง)
รักของพ่อแม่ นิยามคือ Give, Gave, Given กริยาช่องที่ 1, 2 และ 3 ความหมายคือ “การให้”
แม้กริยาคำนี้จะถูกผันไปตามรูปประโยค แต่ความหมายยังคงเดิม นั่นคือ “ให้” เพราะไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านจากเด็กน้อย เติบโตสู่วัยเรียนรู้ และก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่ความรัก ความห่วงใยของพ่อและแม่ ก็ยังมี “ให้” ลูกอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง (ไม่มีของขวัญล้ำค่าชิ้นใดในโลก ที่ลูกจะมอบให้พ่อแม่ได้ดีเท่าการมอบไออุ่นจากอ้อมแขน พร้อมสองมือที่โอบกอด และบอก “รัก” ท่านทุกวัน)
รักที่มอบให้คนรอบข้าง นิยามคือ 1 หาร 100 = ?
1 คนปันความรักให้ 100 คนรับ = ความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะการมอบความรักจากใจ ให้แก่บุคคลรอบข้าง คือความสุขอย่างหนึ่ งที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ โดยส่งผ่านรอยยิ้ม หรือหยิบยื่นความโอบอ้อมอารี และเอื้อเฟื้อให้แก่กัน คนรับได้สุข คนให้อิ่มใจ (ไม่แก่งแย่ง ไม่ใส่ร้าย ไม่ทำลาย ไม่เห็นแก่ตัว แล้วความรัก และความปรารถนาดีที่คุณมอบให้บุคคลรอบข้างนั้น จะย้อนกลับมาเป็นความสุขให้คุณ “อิ่มเอมใจ”)
รักตัวเอง Take a good care of yourself
หลายๆครั้งที่สิ่งเลวร้ายต่างๆเกิดขึ้น คุณมักจะมองข้ามตัวเอง และนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ จนลืมใส่ใจคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณที่สุด นั่นคือ “ตัวเอง” ลืมที่จะมอบความรัก และเติมเต็มกำลังใจ (ให้กำลังใจ และรับฟังตัวเอง (ให้มาก) เพราะคนเดียวที่จะรับฟังในสิ่งที่คุณพูด ก็คือ “ตัวคุณเอง”)
เพราะ “ความรัก” เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ แล้วอย่าลืมมอบให้อีกหลาย (ล้าน) คนรอบตัวคุณด้วยนะคะ
ถึง ตัว T ของหนู
อีก 2 วัน หนูก็จะได้ไป “ซน” อีกแล้ว หนูคงไม่ได้เขียนไดอารี่หาคุณประมาณสัก 4 วันนะคะ (เอ๊ะ คุณอยากรู้ไหมนะว่า หนูจะไปซนที่ไหน?) จ้างให้หนูก็ไม่บอกคุณหรอก เพราะถ้าหนูบอกคุณ ก็แสดงว่าหนูกลัวคุณสิ ใช่ไหม?
วันนี้หนูนั่งเปิดสมุดเขียนไดอารี่ พลิกไป พลิกมา ไปหยุดอยู่ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งหนูกากบาท “ดาวแดง” ไว้ “เป็นวันสำคัญ ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงช่วงสำคัญในชีวิตของหนู” เพราะเป็นวันแรกที่หนูได้เจอหน้าคุณ สบตากับคุณ (แบบไม่เต็มตาดีเท่าไหร่นัก) และหลังจากวันนั้น “การใช้ชีวิตร่วมกันของเราก็เริ่มต้นขึ้น” (ถึงแม้ว่า ความรักของเราทั้งสองนั้น จะเริ่มขึ้นก่อนหน้านั้นมานานแสนนานแล้วก็ตาม)
“เมื่อความรักเริ่มสุกงอม ความผูกพันเริ่มถักทอเป็นสายใยที่มั่นคงขึ้น หัวใจ สติปัญญา และวิญญาณของคนสองคน ก็จะ “หล่อหลอม” รวมกันอย่างไม่มีวันแยกจาก” ซึ่ง “ความรัก” ของหนูและคุณ ได้ “ถักทอ และผูกพัน” เหนียวแน่น และมั่งคงขึ้นในทุกๆวินาทีของเวลาที่กำลังเดินหน้าต่อไป
“ชีวิตรัก” ของเรา “เริ่มต้น” (แบบไม่มีวันแยกจาก) จากวันแรกที่เราตัดสินใจคบกัน จนถึงวันนี้ เราทั้งสอง ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุด สับสนที่สุด กังวลที่สุด และหนักใจที่สุด มาได้แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าในอนาคต จะมี “บททดสอบ” ใดๆ มา “ท้าทาย” เราสองคน หนูก็เชื่อว่า ด้วยความเข้าใจ และความรักที่เรามีต่อกัน เราสองคนจะต้องผ่านทุกๆสิ่งไปได้อย่างแน่นอน
หัวค่ำวันนี้ ได้มีเพื่อนคนนึงถามหนูทาง MSN ว่า “ความแตกต่างที่สุดขั้วระหว่างหนูและคุณ จะมีความเป็นไปได้ต่อไปแค่ไหน? เราสองคนจะฝืนข้อแตกต่างนี้ได้นานแค่ไหน? เราสองคนอาจจะต้องเลิกรา เหมือนคู่ของเพื่อนๆของเขาก็ได้ (หนูควรเผื่อใจไว้ดีไหม?)”
หนูได้อ่านดังนั้น หนูก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจลึกๆ เพราะอะไรรู้ไหมคะ? เพราะว่า ความรักของเราสองคนนั้น ผ่านบททดสอบมามากมาย ผ่านอุปสรรคมาแบบโชกโชน ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆมาแล้ว แค่อุปสรรคเรื่องความต่างแค่นี้ (เล็กน้อยมาก)
สิ่งนึงที่เขาอาจไม่รู้เกี่ยวกับความรักของเรา ก็คือ “เวลาที่เรารักใครสักคนอย่างจริงจัง และแท้จริง เราจะรู้จักวิธีการ ปรับตัว ให้อภัย ขอโทษ ขอบคุณ และดูแลซึ่งกันและกัน แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ” และเมื่อความรักอยู่เหนืออารมณ์ และเหตุผลทั้งปวงในโลก ความรักก็สามารถ “ทะยาน” สู่จุดสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด และข้อแม้ใดๆ
ซึ่งเราสองคน ไม่ได้มีความรักแบบคาดหวังซึ่งกันและกัน, ไม่ได้มีความรักแบบต้องการเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน, ไม่ได้มีความรักแบบต้องการเข้าไปยุ่งในโลกส่วนตัวของกันและกัน และไม่ได้มีความรักแบบเป็นเจ้าของกันและกัน
แต่ความรักของเราสองคนนั้น ส่งเสริมซึ่งกันและกัน, สังเกตุซึ่งกันและกัน, หวังดีต่อกันและกัน, เคารพซึ่งกันและกัน, ให้เกียรติซึ่งกันและกัน, ให้อภัยซึ่งกันและกัน และพร้อมจะรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน
ถ้าคนหลายๆคนในโลกนี้ มีมุมมอง และเข้าใจความรัก ในทิศทางที่เรา 2 คนเป็น หนูเชื่อว่า “คงไม่มีอุปสรรคใดๆ ทำลายความรักของพวกเขาได้อย่างแน่นอน”
You are everything to me. Thanks for Lighting up my hope, faith and future to me.
I’m Yours.
คุณเคยมีความรักมั้ยคะ?
หนึ่งประโยคในอีกหลายๆล้านคำถามที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่ความสำคัญของคำถามคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำตอบเพียงแค่ว่า “เคย” หรือ “ไม่เคย” แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจ และ (เคย) มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ (บ้าง) จะพบว่า “ความรัก” ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “ความรักอย่างไร?” ต่างหาก
ลองไปสัมผัสกับความรักในหลากหลายรูปแบบที่ก่อตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วคุณจะรู้ว่า “ความรักรายล้อมอยู่รอบตัวเราจริงๆ”
รักของวัยรุ่น นิยามคือ เธอ + ฉัน = กันและกัน
หากความรักทำให้โลกใบนี้ถูกนิยามเป็น “สีชมพู” คงไม่ผิดอะไร ถ้าจะแทนค่าสีนี้ให้เป็นความรักของวัยรุ่น และไม่ว่าความรักที่เกิดขึ้นจะมีจุดเริ่มต้น และที่มาที่แตกต่างกันอย่างไร? แต่ผลลัพธ์ คือการที่คนทั้งสองมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน (เพียงคุณพร้อมที่จะเข้าใจ รับฟังกันและกัน ความรักก็จะมั่นคง)
รักของพ่อแม่ นิยามคือ Give, Gave, Given กริยาช่องที่ 1, 2 และ 3 ความหมายคือ “การให้”
แม้กริยาคำนี้จะถูกผันไปตามรูปประโยค แต่ความหมายยังคงเดิม นั่นคือ “ให้” เพราะไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านจากเด็กน้อย เติบโตสู่วัยเรียนรู้ และก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่ความรัก ความห่วงใยของพ่อและแม่ ก็ยังมี “ให้” ลูกอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง (ไม่มีของขวัญล้ำค่าชิ้นใดในโลก ที่ลูกจะมอบให้พ่อแม่ได้ดีเท่าการมอบไออุ่นจากอ้อมแขน พร้อมสองมือที่โอบกอด และบอก “รัก” ท่านทุกวัน)
รักที่มอบให้คนรอบข้าง นิยามคือ 1 หาร 100 = ?
1 คนปันความรักให้ 100 คนรับ = ความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะการมอบความรักจากใจ ให้แก่บุคคลรอบข้าง คือความสุขอย่างหนึ่ งที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ โดยส่งผ่านรอยยิ้ม หรือหยิบยื่นความโอบอ้อมอารี และเอื้อเฟื้อให้แก่กัน คนรับได้สุข คนให้อิ่มใจ (ไม่แก่งแย่ง ไม่ใส่ร้าย ไม่ทำลาย ไม่เห็นแก่ตัว แล้วความรัก และความปรารถนาดีที่คุณมอบให้บุคคลรอบข้างนั้น จะย้อนกลับมาเป็นความสุขให้คุณ “อิ่มเอมใจ”)
รักตัวเอง Take a good care of yourself
หลายๆครั้งที่สิ่งเลวร้ายต่างๆเกิดขึ้น คุณมักจะมองข้ามตัวเอง และนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ จนลืมใส่ใจคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณที่สุด นั่นคือ “ตัวเอง” ลืมที่จะมอบความรัก และเติมเต็มกำลังใจ (ให้กำลังใจ และรับฟังตัวเอง (ให้มาก) เพราะคนเดียวที่จะรับฟังในสิ่งที่คุณพูด ก็คือ “ตัวคุณเอง”)
เพราะ “ความรัก” เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณ แล้วอย่าลืมมอบให้อีกหลาย (ล้าน) คนรอบตัวคุณด้วยนะคะ
ถึง ตัว T ของหนู
อีก 2 วัน หนูก็จะได้ไป “ซน” อีกแล้ว หนูคงไม่ได้เขียนไดอารี่หาคุณประมาณสัก 4 วันนะคะ (เอ๊ะ คุณอยากรู้ไหมนะว่า หนูจะไปซนที่ไหน?) จ้างให้หนูก็ไม่บอกคุณหรอก เพราะถ้าหนูบอกคุณ ก็แสดงว่าหนูกลัวคุณสิ ใช่ไหม?
วันนี้หนูนั่งเปิดสมุดเขียนไดอารี่ พลิกไป พลิกมา ไปหยุดอยู่ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งหนูกากบาท “ดาวแดง” ไว้ “เป็นวันสำคัญ ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงช่วงสำคัญในชีวิตของหนู” เพราะเป็นวันแรกที่หนูได้เจอหน้าคุณ สบตากับคุณ (แบบไม่เต็มตาดีเท่าไหร่นัก) และหลังจากวันนั้น “การใช้ชีวิตร่วมกันของเราก็เริ่มต้นขึ้น” (ถึงแม้ว่า ความรักของเราทั้งสองนั้น จะเริ่มขึ้นก่อนหน้านั้นมานานแสนนานแล้วก็ตาม)
“เมื่อความรักเริ่มสุกงอม ความผูกพันเริ่มถักทอเป็นสายใยที่มั่นคงขึ้น หัวใจ สติปัญญา และวิญญาณของคนสองคน ก็จะ “หล่อหลอม” รวมกันอย่างไม่มีวันแยกจาก” ซึ่ง “ความรัก” ของหนูและคุณ ได้ “ถักทอ และผูกพัน” เหนียวแน่น และมั่งคงขึ้นในทุกๆวินาทีของเวลาที่กำลังเดินหน้าต่อไป
“ชีวิตรัก” ของเรา “เริ่มต้น” (แบบไม่มีวันแยกจาก) จากวันแรกที่เราตัดสินใจคบกัน จนถึงวันนี้ เราทั้งสอง ผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุด สับสนที่สุด กังวลที่สุด และหนักใจที่สุด มาได้แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าในอนาคต จะมี “บททดสอบ” ใดๆ มา “ท้าทาย” เราสองคน หนูก็เชื่อว่า ด้วยความเข้าใจ และความรักที่เรามีต่อกัน เราสองคนจะต้องผ่านทุกๆสิ่งไปได้อย่างแน่นอน
หัวค่ำวันนี้ ได้มีเพื่อนคนนึงถามหนูทาง MSN ว่า “ความแตกต่างที่สุดขั้วระหว่างหนูและคุณ จะมีความเป็นไปได้ต่อไปแค่ไหน? เราสองคนจะฝืนข้อแตกต่างนี้ได้นานแค่ไหน? เราสองคนอาจจะต้องเลิกรา เหมือนคู่ของเพื่อนๆของเขาก็ได้ (หนูควรเผื่อใจไว้ดีไหม?)”
หนูได้อ่านดังนั้น หนูก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจลึกๆ เพราะอะไรรู้ไหมคะ? เพราะว่า ความรักของเราสองคนนั้น ผ่านบททดสอบมามากมาย ผ่านอุปสรรคมาแบบโชกโชน ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆมาแล้ว แค่อุปสรรคเรื่องความต่างแค่นี้ (เล็กน้อยมาก)
สิ่งนึงที่เขาอาจไม่รู้เกี่ยวกับความรักของเรา ก็คือ “เวลาที่เรารักใครสักคนอย่างจริงจัง และแท้จริง เราจะรู้จักวิธีการ ปรับตัว ให้อภัย ขอโทษ ขอบคุณ และดูแลซึ่งกันและกัน แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ” และเมื่อความรักอยู่เหนืออารมณ์ และเหตุผลทั้งปวงในโลก ความรักก็สามารถ “ทะยาน” สู่จุดสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด และข้อแม้ใดๆ
ซึ่งเราสองคน ไม่ได้มีความรักแบบคาดหวังซึ่งกันและกัน, ไม่ได้มีความรักแบบต้องการเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน, ไม่ได้มีความรักแบบต้องการเข้าไปยุ่งในโลกส่วนตัวของกันและกัน และไม่ได้มีความรักแบบเป็นเจ้าของกันและกัน
แต่ความรักของเราสองคนนั้น ส่งเสริมซึ่งกันและกัน, สังเกตุซึ่งกันและกัน, หวังดีต่อกันและกัน, เคารพซึ่งกันและกัน, ให้เกียรติซึ่งกันและกัน, ให้อภัยซึ่งกันและกัน และพร้อมจะรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน
ถ้าคนหลายๆคนในโลกนี้ มีมุมมอง และเข้าใจความรัก ในทิศทางที่เรา 2 คนเป็น หนูเชื่อว่า “คงไม่มีอุปสรรคใดๆ ทำลายความรักของพวกเขาได้อย่างแน่นอน”
You are everything to me. Thanks for Lighting up my hope, faith and future to me.
I’m Yours.