Recent News

Powered by eSnips.com

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เสพติดเทคโนโลยี

ปี 2010 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่า เป็น “ปีแห่งเทคโนโลยี” สำหรับประเทศไทย เพราะทุกอย่างดูก้าวกระโดดไปหมด แม้ว่าจะกระโดดพ้นบ้าง หรือกระโดดไม่พ้นบ้าง (เช่น 3G) เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในสังคม ให้ “เสพติดเทคโนโลยี” มากขึ้นจริงๆ


ของขวัญยอดฮิตในช่วงปีใหม่ ในเกือบทุกประเทศ ก็คงไม่พ้น “Gadget ตระกูล Apple และ Blackberry” ที่ไม่ว่าวัยไหนก็ต้องการมีไว้ในครอบครอง


เครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กๆ ได้กลายเป็นปัจจัยที่ 7 ของชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเราสามารถติดต่อสื่อสารโดยไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็น Blackberry Messenger, Facebook, Twitter, Foursquare etc.


คงไม่น่าแปลก!!! ที่บ่อยครั้งคุณจะสังเกตุเห็น


รถคันข้างๆกำลังกด BB อยู่ ในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วพอสมควร (พร้อมๆกันไปด้วย)


ครอบครัวที่มาทานข้าวพร้อมเพรียงกัน แต่คนบนโต๊ะทุกคน สนใจแต่ เล่นเกมส์ ใน iPhone


วันนัดเลี้ยงรุ่น แต่เพื่อนๆทุกคนมัวแต่สาละวนกับการถ่ายรูป เพื่อลง Facebook


เดิน shopping กับแฟน ผู้หญิงเล่น skype ส่วนผู้ชาย เล่น Twitter


คนในสังคม ก้มหน้าก้มตา อัพโหลดรูป, แชทพูดคุยกันผ่านโปรแกรมต่างๆ


จนภาพที่เราเห็นส่วนใหญ่ก็จะเหมือนคนแต่ละคนติดอยู่กับโลกใบเล็กๆบนมือของพวกเขา จนลืมสังเกตุคนรอบๆข้าง และเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้คนให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัวน้อยลง จนมีปัญหาที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีให้เห็นอยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็น คุยโทรศัพท์จนขับรถไปชนคันอื่น, แฟนบอกเลิก เพราะติดบีบี จนไม่มีเวลาให้เขา, เล่น Facebook จนถูกลวงไปข่มขืน ฯลฯ (แต่ทั้งนี้ทั้่งนั้น ก็ต้องอยู่ที่การควบคุมตนเองของคนแต่ละคนด้วย เทคโนโลยีมีผลดีเสมอ สำหรับคนที่มีสติ และใช้มันในทางที่ถูกวิธี และถูกช่วงเวลา)


“เทคโนโลยี ทำให้โลกแคบลง อยู่ไกลแค่ไหน ก็เหมือนอยู่ใกล้ และตรงกันข้ามกลับทำให้ความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวกว้างขึ้น และไกลออกไป”


“เสพติดเทคโนโลยี” อย่างมี “สติ” อย่าถูกเทคโนโลยีครอบงำ แต่จงใช้มันอย่างถูกวิธี และให้ได้ประโยชน์สูงสุด


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Merry X'mas








Merry X'mas นะคะทุกคน วันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู พระผู้ไถ่ของชาวโลก
มีความสุขกับวันนี้นะคะ

ผ่านเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้ไป เรามีเรื่องราวดีๆมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันแน่นอนคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Merry X'mas Eve










Merry X’mas Eve. เมื่อเราได้ดูน้อง 7 ขวบร้องเพลง O Holy Night ที่เปล่งเสียงออกมาจากหัวใจของเธอ น้ำตาของเราซึมออกมาเล็กๆ บทเพลงที่เปล่งออกเพราะที่สุด ที่เด็กคนนึงจะร้องได้

ย้อนไปเมื่อสมัยวัยเด็ก เราเป็นคนนึงที่ไม่มีความมั่นใจเลยเรื่องการร้องเพลง เรียกว่า “เพี้ยน” ตลอด แต่ทุกๆครั้งที่เราเข้าโบสถ์ เราก็จะเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดหัวใจ ด้วยหัวใจ เพื่อพระเจ้าอย่างแท้จริง ถึงแม้บางครั้งจะร้องถูกคีย์บ้าง ผิดคีย์บ้าง เพี้ยนสูง เพี้ยนต่ำ ก็ว่ากันไป

จนกระทั่งวันนึงเราได้มีโอกาสเข้าร่วมร้องเพลงกับวงนักร้องประสานเสียง (ที่ดีที่สุด วงหนึ่ง) เราใช้เวลาฝึกฝนอยู่นานเกือบ 2 ปี เราได้ร้องเพลง X’mas บนเวที 2 ปีติดต่อกัน แต่ปีนี้เนื่องจากเราไม่มีเวลาซ้อม เราจึงไม่ได้ขึ้นร้อง (ในใจลึกๆก็เสียใจนะ เพราะเราอยากจะร้องเพลง เปล่งออกมาให้สุดเสียง เพื่อต้อนรับการประสูติมาขององค์พระคริสตเจ้า) แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานที่ไหน จะร้องบนเวที หรือที่ไหน เราก็สามารถร้องเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระองค์ได้เช่นกัน

Merry X’mas Eve อีกครั้งนะคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มุมมอง "ทางออก" ของ "ปัญหา"


หากจะพูดถึง “ปัญหา” คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “ไม่เคยประสบพบเจอปัญหาในการดำรงชีวิตเป็นมนุษย์” เพราะตราบใดที่คุณยังมีลมหายใจ และยังต้องอยู่ในสังคม ที่ต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยง


สำหรับบางคน อาจจะเก่งในเรื่อง “หาทางออกให้กับปัญหา” (มาแบบไหน เมื่อไหร่? จัดการได้หมด)

แต่บางคนอาจจะยอดเยี่ยมในเรื่อง “ตัดปัญหาเหล่านั้นทิ้งไป” (จะไปต่อสู้กับปัญหาทำไม ในเมื่อทางนี้เดินไม่ได้ ก็เปลี่ยนเส้นทางเสียเลย)


แต่ก็มีบางคนที่อาจจะใจสู้พอที่จะ “วิ่งเข้าชนกับปัญหา ตายเป็นตาย” (ไม่คำนึงถึงความเสียหาย เอาความสะใจเป็นหลัก)


“ทุกปัญหาย่อมมีทางออก” แต่ทางออกที่เราเลือกนั้น จะเหมาะสมกับปัญหาเหล่านั้นหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เราจะเลือกหาวิธีใดมาแก้ปัญหาเหล่านั้น (ซึ่งทางออกในแต่ละปัญหา บางทีก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่เป็นทางออกที่ทำร้ายทุกคนน้อยที่สุด หรือทำร้ายเราได้น้อยที่สุด ก็แล้วแต่จะพิจารณากันไป)


เมื่อปัญหานั้นเกิดขึ้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะต้องสรรหาคำตอบ (ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันไป ตามเหตุผลส่วนตัว, อารมณ์ ณ ช่วงนั้น และอื่นๆอีกมากมาย)


ยกตัวอย่างเช่น


หากมีปัญหาเรื่องงาน งานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย, มีเรื่องผิดพลาด, โดนเพื่อนร่วมงานเหม็นขี้หน้า หรือต้องทนกับเจ้านายที่มากเรื่อง แต่ละคนก็จะมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป


สำหรับคนที่มีความอดทนสูง ก็เลือกที่จะปล่อยวาง อดทน ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด (เพราะไม่อยากเปลี่ยนงาน ไม่อยากมีปัญหา)


สำหรับคนที่มีความอดทนต่ำ ก็เลือกที่จะตั้งสมาคมนินทาเจ้านาย นินทาเพื่อนร่วมงาน (เม้าส์กันได้เป็นวันๆ) หรือไม่ก็ลาออกไปซะ (เพราะคิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง เลือกงานได้)


หากมีปัญหาเรื่องครอบครัว พ่อไม่เข้าใจ, แม่ไม่ยอมรับ, ญาติผู้ใหญ่ไม่สนับสนุน และครอบครัวที่เราอยู่นั้นทำให้เรารู้สึกร้อนใจ เกิดเรื่องต่างๆมากมายในบ้าน (บ้านลุกเป็นไฟ โดยไม่รู้ว่าต้นเหตุเกิดจากคนในครอบครัว หรือทัศนคติของตัวเอง)


สำหรับคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ อาจจะมองเห็น อีกมุมของปัญหาที่เกิดขึ้น มองความสำคัญของสถาบันครอบครัว และปรับเปลี่ยนทัศนคติไปในทางที่ดี (ในเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิด หรือขัดขืนคำสั่งของคนในครอบครัวได้ ก็ยอมรับทุกอย่างซะ และค่อยๆใช้เวลาและจังหวะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น) อาจใช้เวลานานหน่อย แต่ก็อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ได้


สำหรับคนที่เอาตัวเองเป็นใหญ่ เอาแต่ใจ มองอะไรเป็นเรื่องยากๆ คิดแค่ว่าตัวเองคือ “ศูนย์กลางของจักรวาล” ก็อาจเลือกทางที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด เดินหนีออกมาจากปัญหา ในเมื่อบ้านร้อนก็ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกซะ มามีอิสระเป็นของตัวเอง จะได้ทำอะไรได้ตามใจตน ไม่ต้องมีใครมาบังคับฝืนใจให้เสียอารมณ์ (ไม่เห็นต้องแคร์ใคร ไม่มีสถาบันครอบครัว เราก็มีสังคมอีกหลายสังคมในโลกใบนี้)


หากมีปัญหากับแฟน หรือคู่รัก เขาทำอะไรไม่สบอารมณ์เรา, ความรักเริ่มจืดจาง, เริ่มจับได้ว่าเขานอกใจ, ช่วง Promotion ในความรักเริ่มหมดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ, เขาไม่ได้ทำให้ยิ้มได้อย่างเคย, ไม่รู้สึกหวือหวากับเขาเหมือนแต่ก่อน หรืออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข (นั่นเป็นความคิดที่ถูกจัดเรียงเหตุผลด้วยตัวคุณเองทั้งนั้น)


สำหรับคนที่ทางเลือกเยอะ (หล่อ สวยเลือกได้) ก็อาจจะตัดสินใจ มองหาทางเลือกอื่น เพื่อบรรเทาความขี้เบื่อของตัวเอง หรือไม่ก็หาเรื่องทะเลาะ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จะได้มีการปะทะ จนทำให้รอยร้าวเล็กๆ ลามไปจนต้องยุติความสัมพันธ์ พวกไม่ตั้งคำถามให้กับตัวเอง แต่เชี่ยวชาญเรื่องถามชาบ้าน ตัดสินแทนชาวบ้าน (ไม่ต้องบอกว่า “จุดจบ” ของเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร?) เพราะหลายๆคน ก็อาจเคยผ่านช่วงเวลานี้มา


สำหรับคนที่เข้าใจในความรัก และรู้คุณค่าของคนรัก (กว่าจะหาใครสักคนที่ match กับเราได้นั้น ช่างยากเย็นเหลือเกิน รอนานเหลือเกิน) ก็อาจจะใช้ “สติ” ตรึกตรองเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองหาต้นตอของปัญหา และคิดหาทางแก้อย่างชาญฉลาด เพื่อจะรักษาชีวิตคู่ไว้ให้นานที่สุด (อาจดูเหมือนเป็นคนที่ไม่เด็ดขาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “โง่” เสียหน่อย)



วิธีการแก้ปัญหา (ตามตัวอย่าง) ข้างต้น เราไม่ได้มีเจตนาที่จะสื่อ หรือชักนำทางความคิด เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ให้เพื่อนๆได้เห็นภาพตามเท่านั้น ก็อย่างที่เราเขียนบอกข้างบน “ทางออกที่คุณเลือกที่จะแก้ปัญหา ไม่มีวิธีใดดีที่สุด หรือแย่ที่สุด ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่า ได้เลือกทางออกทางไหน และยอมรับผลที่จะตามมานั้นได้หรือเปล่า?



ฝากไว้นะคะ ทุกๆครั้งที่เกิดปัญหาอะไรขึ้นในชีวิต “สติ” เป็นอาวุธที่ดีที่สุด ที่เราจะนำมาใช้ “อารมณ์” เป็นตัวถ่วงที่แย่ที่สุด (ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม) ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือนร้อนก็เป็นพอ


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน


วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Yes Or No

เมื่อวานได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง “Yes or No” มา ตามกระแสของคนรอบตัวที่บอกว่า “สนุกมาก ซึ้งมาก ดูแล้วน้ำตาซึม ทอมที่ร้องไห้ไม่เป็น ดูหนังเรื่องนี้แล้วน้ำตาไหลเลย” เมื่อเราได้ฟังเช่นนี้ ความคิดแวบแรกที่พุ่งขึ้นมาคือ “อาจเป็นเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวัง หรือต้องมีใครสักคนที่ต้องตาย” ด้วยความอยากรู้เราก็เลยตัดสินใจรีบไปดูทันที


ต้องขอบคุณผู้เขียนบท ผู้กำกับและนักแสดงทุกคน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เราขอแนะนำ (อย่างสุดหัวใจ) ว่า “ต้องไปดูหนังเรื่องนี้ให้ได้” สนุกและซึ้งมาก


แต่เราอยากจะถ่ายทอดอีกมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ (นี่ไม่ใช่บทวิจารณ์แต่เป็นเหมือนการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น) โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึง เรารู้สึกคล้อยตามอารมณ์ของคนเขียนบท เข้าใจมุมมองที่ผู้กำกับต้องการสื่อออกมา รวมถึงนักแสดงที่แสดงได้ดีมากด้วย


หนังเรื่องนี้อาจจะสามารถช่วยปรับทัศนคติของผู้ปกครองให้ดีขึ้นเกี่ยวกับสังคม ญ รัก ญ


หนังเรื่องนี้อาจจะสามารถช่วยเพิ่มมุมมองให้กับผู้หญิง ที่กำลังถูกทอมตามจีบ หรือลังเลว่าจะตกลงคบกับทอมดีหรือเปล่า? ให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะเรื่องราวในหนังสวยงามเหลือเกิน


หนังเรื่องนี้อาจจะสามารถช่วยเพิ่มความกล้า และความมั่นใจให้กับทอมมากขึ้น ในการที่จีบคนใกล้ตัว หรือคาดหวังว่า “ความรักจะสวยงาม และสมหวัง”


แต่ก่อนที่จะเคลิ้มตาม เราอยากให้คุณลองใช้สติคิดกันสักนิดนึงว่า “โลกแห่งความเป็นจริงทุกๆอย่างจะสวยงาม ลงตัวไปทั้งหมดเช่นนี้ เป็นไปได้หรือ?” (เป็นทัศนคติส่วนบุคคล)


คำถามแรกที่วิ่งเข้ามาในสมองของเราก็คือ “จะมีทอมที่หล่อ รวย นิสัยดี ดูซื่อๆแบบน่ารัก อยู่ในโลกแห่งความจริงมากแค่ไหนนะ? (คุณผู้อ่านที่เป็นทอม อย่าเพิ่งโกรธกัน แค่ลองตั้งคำถามเล่นๆ)


จะมีทอมเช่นนี้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือเปล่า?


ผู้หญิงทุกคนในโลก จะสามารถเปลี่ยนมาเป็น “ดี้” แค่ one night เลยหรือ?


Happy Ending จะเกิดขึ้นไหมหนอ?


และอีกหลากหลายคำถามที่วิ่งเข้ามา และรอคำตอบ???


หลายๆคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ และยังระบุเพศให้กับตัวเองไม่ได้ ก็คงเตรียม “เกิดใหม่” ในสังคม ญ รัก ญ (แน่นอน)


“เรายินดีด้วย สำหรับสมาชิก ทอม ดี้ ท่านใหม่ๆ”


แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ mutant ตัวเอง เรามีคำถามที่ต้องการคำตอบ


อยากจะถามคนที่เตรียมจะมาเป็น “ทอม”


คุณอาจคิดว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะ “ขยายเครือข่าย” ไปคบกับผู้หญิงปกติ เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้ ทำให้มีความกล้ามากขึ้น (แต่คุณเคยตั้งคำถามให้ตัวเองไหมว่า “ความเป็นไปได้ที่คุณคาดหวังนั้น จะเป็นจริงไหม? ในโลกแห่งความเป็นจริง” หรือถ้าเป็นไปได้ ผู้หญิงเหล่านั้นจะคบกันเราได้นานแค่ไหน และมีอะไรมาเป็นหลักประกันว่า “เธอจะไม่กลับไปเป็นปกติ”)


คุณจะเลียนแบบพฤติกรรมของทอมในเรื่องนี้หรือเปล่า ในความกล้าบ้าบิ่น เช่นความกล้าที่จะไปพูดตรงๆกับผู้ปกครองของฝ่ายหญิง (เพราะในชีวิตจริง ตอนจบอาจไม่สวยเช่นนี้ก็ได้)



อยากจะถามคนที่เตรียมจะมาเป็น “ดี้”


คุณอยากมีแฟนเป็นทอมด้วยเหตุผลอะไร? ถ้าด้วยเหตุผลว่า ชอบคาแรกเตอร์ทอมในเรื่องนี้ และคาดหวังว่า จะได้รับบท เป็น “นางเอก” ในชีวิตจริง (เราอยากขอ ให้คุณคิดดูใหม่อีกรอบ)


หากคุณคาดหวังว่า ทอม ในสังคมนี้ จะ ดี รวย หล่อ perfect อย่างในหนังหรือเปล่า? เพราะถ้าคุณคาดหวังเช่นนั้น เราบอกได้เลยว่า “ในสังคมมีทอมที่นิสัยดีอยู่ มีทอมที่สูง หล่ออยู่ มีทอมที่รวย หน้าที่การงานดีอยู่ มีทอมที่ perfect อยู่ แต่จะหาทอมที่ “ถูกทุกข้อ” นั้น ก็ยากสักนิดนึง” (แต่จะไกลเกินเอื้อมหรือไม่ ก็ต้องเล่น “เกมวัดดวง” กว่าจะหาคนๆนั้นเจอ)


คุณอยากมีแฟนเป็นทอม โดยที่ “หัวใจไม่ได้เรียกร้อง แต่เป็นเพียงค่านิยมของสังคม” หากถึงวันนึงที่คุณรู้ว่า ชีวิตจริงๆ และหัวใจคุณต้องการอะไร? ชอบเพศไหน? คุณต้องเสียเวลาไปเปล่าๆกว่าจะหาตัวตนของคุณเจอ คุณอาจต้องทำร้ายทอมที่บริสุทธิ์ที่เดินเข้ามาในชีวิตคุณอีกหลายต่อหลายคน (โดยไม่ได้ตั้งใจ)


สื่อเกี่ยวกับ ญ รัก ญ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร หนังสือ หรือสื่อต่างๆ มีน้อยเหลือเกิน จึงเป็นธรรมดาที่สังคมของเรามีสถานะ “ไม่เปิดเผยตัวมากนัก” ทำให้หลายๆคนใคร่อยากจะรู้ อยากลอง แวะเวียนเข้ามา “ล้อเล่น” อยู่ร่ำไป ต้องยอมรับว่า ทุกสังคมมีทั้งด้านที่สวยงาม และด้านที่หายนะ การนำสิ่งที่ดี หรือไม่ดี เข้ามาและออกไปนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาของ “วัฏจักรสังคม”



ฝากไว้สำหรับหลายๆคนที่กำลังคิดว่า “ชีวิตเปรียบเสมือนนิยายรักโรแมนติก ที่ไม่มีวันที่ความเสียใจ และความผิดหวังจะเกิดขึ้น” (อย่าจมปลักกับอ้างอิงในนิยายมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้คุณหวังสูงเกินไปในโลกแห่งความเป็นจริง หมดยุค Snow White, Cinderella and Sleeping Beauty แล้ว ยุคนี้ มีแต่ โอชิน และแดจังกึม)


เขียนมาทั้งหมดนี้ หลายๆคนอาจสรุปว่า “ผู้เขียน” ช่างเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย (ก็อาจจะใช่นะคะ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้มักมี 2 ด้านเสมอ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะอยากรับรู้ด้านไหนมากกว่ากัน)


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทอมแก่เลือกได้

Revealtomdy has just come back. ต่อไปเรามีจุดมุ่งหมายว่า จะเขียนให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 เรื่อง (นี่คือสิ่งที่ตั้งใจ แต่ไม่รู้ความเป็นจริงจะได้สักเท่าไหร่กัน จะพยายามแล้วกันนะคะ)



ต้องยอมรับว่า เวลานี้ หมั่นไส้คนใกล้ตัวมาก เรื่องราวในวันนี้ขอเขียน “แฉ” คนใกล้ตัวสักครั้งเถอะ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ไหมนะ? ว่าเรารำคาญ เพราะเราไม่เคยได้พูดไป (ไม่อยากจะพูดให้ใครเสียใจ) ได้แต่ปลอบ และหลอกด่าไปวันๆ (แต่ She ก็ยังไม่รู้ตัว เหอๆๆ)


งานเขียนวันนี้ มีอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ เป็นตัวขับเคลื่อน ใครจะว่าอะไรเราไม่รู้ ไม่ได้แหกกรอบงานเขียน เพียงแต่อยากจะระบายอารมณ์ผ่านทางตัวอักษรเท่่านั้น


“ตอง” ทอมวัย 45 ปี ด้วยหน้าที่การงาน มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฐานะค่อนข้างจะดีมากๆๆๆ เขาเลยเป็น “ทอมแก่เลือกได้” มีสาวๆมากมายมาให้เขาได้ชี้นิ้วเลือก แต่ก็ไม่รู้นะคะ ว่าลึกๆในใจสาวๆพวกนั้น ยืนนิ่งให้เขาเลือกเพราะอะไร? อาจเพราะอยากลองของแปลก? หรืออาจเพราะอยาก up ชีวิตของตัวเองให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น (ประมาณว่า ทอมแก่หลอกง่าย หรือเปล่า? เราขอ no comment) แต่ช่วงวัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างเขานี้ ก็ยังไม่ละทิ้งตัณหา ไม่หยุดขบวนสุดท้ายไว้ที่ใครสักที ยังคงจะหาสาวๆมาควงอยู่ร่ำไป เขาใช้ชีวิตอย่างทอมเจ้าสำราญมาหลายปี โดนหลอก (แบบเต็มใจ หลักหมื่น หลักแสนบ้าง ก็เฮฮากันไป)


จนกระทั่งเขาได้มาเจอ “ปิ่น” ดี้วัย 38 สวยอย่างกระดังงาลนไฟ ซึ่งเธอเป็นแนวเดียวกับเขา นั่นคือ ชอบคบคนที่อายุน้อยกว่า ณ เวลาที่ “บุพเพอาละวาด” ให้เขาและเธอมาเจอกันนั้น เธอก็กำลังคั่วอยู่กับทอมวัย 23 คนนึง อาจเพราะด้วยความช่างเอาใจของเธอ หรือเพราะเธอไม่มีทีท่าจะสนใจเขาเหมือนสาวคนอื่นก็ไม่ทราบ หรืออาจเพราะเธอมีแฟนอยู่แล้วก็ไม่ทราบ เขาจึงรู้สึกตื่นเต้น และอยากจะเอาชนะเพื่อให้ได้เธอมาครอบครองเสียเหลือเกิน


เขาเริ่มหมกมุ่นความคิด และเวลาอยู่กับเธอ จนกระทั่งค่อยๆปล่อยสาวที่มีอยู่ใน stock หลุดออกไปทีละคนสองคน (โถ่ พี่คะ ที่พี่ต้องปล่อยหลุด เพราะพี่อายุมากขึ้นหรือเปล่า? ความจำไม่ค่อยดีใช่ป่ะ) จนสุดท้ายก็เหลือเธอเพียงคนเดียว


เรื่องราวดูเหมือนจะมาถึงจุด happy ending แต่เปล่าเลย? นี่เป็นแค่ละครฉากใหม่ ที่กำลังจะเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเขายอมทิ้งสาวทุกคน เพื่อจะมาเริ่มต้นกับเธอ แต่เธอยังไม่ยอมเลิกกับทอมเด็กของเธอสักที ยิ่งทุ่มเทมาก ก็คาดหวังมากเป็นธรรมดา (เพราะเหตุนี้เขาจึงเริ่มต้นมีอาการประสาทอ่อนๆ) เธอแค่หลอกให้เขามารับมาส่ง ซื้อโน่นซื้อนี่ให้เธอเท่านั้น แต่ไม่เคยเปิดใจเธอให้เขาเลย (มีเพียงเขาเท่านั้นที่คิดไปเอง)


และแล้วการคร่ำครวญฉากแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อเขารู้ความจริงว่า เธอยังไม่เลิกกับแฟนเก่า ส่วนเขาก็ได้เป็นแค่ “คนคอย support ทุกเรื่องเท่านั้น” เขาเริ่มสติแตก แต่ด้วยการรักษาฟอร์ม เคราะห์กรรมจึงต้องตกมาสู่คนรอบข้างที่ต้องมาทนฟังเรื่องราวรักไม่สมหวังของเขา (แหม อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า คุณโง่เองนี่!)


ระลอกแรกยังไม่จบ ก็มีความเสียใจโถมกระหน่ำ เข้ามาหาเขาอีกรอบ เมื่อเธอต้องการยืมเงินเขาเป็นล้าน เพื่อไปต่อยอดธุรกิจที่เธอหุ้นทำกับแฟนเก่า ไม่ต้องถามก็พอรู้ เขาก็โง่ให้อีกจนได้ โดยคาดหวังว่า เธอจะรับรัก เลิกกับแฟน และมาคบกับเขา แต่สุดท้าย อานุภาพของเงินก็ไม่สามารถบังคับความรักได้ เธอก็ยังคงคบกับแฟนเก่า นอนกับแฟนเก่า เขาขับรถมาส่งได้แค่ข้างล่างคอนโด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก สุดท้ายก็ต้องมาระบายกับคนใกล้ตัวฟัง (แต่ไม่เคยถามเลยว่า มีใครอยากจะฟังไหม? ไม่ใช่ว่าใจร้ายใจดำหรอกนะ แต่เมื่อบอกแล้ว เตือนแล้วไม่เชื่อ โง่แบบเต็มใจ ใครจะช่วยได้อ่ะ)



อีกไม่กี่วัน ความจริงอีกเรื่องก็ถูกเปิดเผย เมื่อเขาจับได้ว่า เธอเอาเงินไปดาวน์รถให้กับทอมเด็ก (แฟนของเธอ) ไม่ได้ทำธุรกิจแต่อย่างใด เขาก็เหมือนคนโง่ในสายตาของทุกคน เพราะญาติพี่น้องของเธอรู้เรื่องหมด มีเขาคนเดียวที่โง่อยู่เพียงลำพัง (เขาไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ได้แต่เก็บความโง่ไว้เตือนใจแต่เพียงลำพัง) เก็บได้ไม่นาน คนรอบข้างก็ต้องมารับรู้ความโง่ของเขาในครั้งนี้ จากปากของเขาเอง (ไม่ต้องถามว่า คนรอบข้างจะพูดว่าอะไร นอกจาก ส่ายหัว และส่ายหัว)


ต้องยอมรับว่า เธอฉลาดที่รู้ว่า ต้องพูดอย่างไร? ทำอย่างไร? ที่จะคุมเขาให้ support และตกอยู่ในสภาพ “ธนาคาร” ของเธอต่อไป แต่ปรบมือข้างเดียวก็ไม่ดังหรอก ถ้าหากเขารู้จักรัก โดยไม่ต้องการแย่งคนของใคร ใช้หัวใจแทนเงินตรา เขาคงไม่ตกเป็น “เหยื่อ” แบบทุกวันนี้


นี่ยังไม่จบ “มหากาพย์เรื่องราวของทอมแก่คนนี้ ที่พยายามจะใช้เงินซื้อความรัก ความสุข เหมือนที่เขาเคยทำได้ในอดีต แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถทำได้ จนทำให้เขาถลำลึกเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์” ความรักที่เริ่มต้นด้วยการเอาชนะ ไม่มีวันมีปลายทางที่สุขสมหวังได้หรอก (เพื่อนๆว่า จริงไหมคะ?)


ก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า “เขาจะค้นพบทางสว่างในชีวิตเมื่อไร?” (และคนรอบตัวจะหมดเวรหมดกรรมเมื่อไหร่)


เราค่อนข้างจะเชื่อมั่นว่า มีเพื่อนๆ ผู้อ่านหลายๆคน ที่เคยรับฟัง และรับปรึกษาปัญหาทำนองนี้ ปัญหาโลกแตก ที่เกิดจากตัวคนๆนั้นเอง แต่สร้างความรำคาญ ให้กับคุณ ประเภท เตือนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง แนะเท่าไหร่ไม่ยอมเชื่อ แต่เวลามีปัญหาก็ “ซมซาน” กลับมาปรึกษา ปัญหาเดิมๆ เรื่องเก่าๆ แค่เอามาเล่าใหม่ เปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยน location ก็เท่านั้นเอง


ขอพื้นที่ตรงนี้เขาระบายออกมาให้อ่านกันนะคะ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประชดรักตอนที่ 6

เพื่อนๆหลายคนรออ่าน “งานเขียนที่เราได้เกริ่นไว้อย่างใจจดใจจ่อ” ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไป จนบางคนสงสัยว่า บ้านเราน้ำท่วมหรือ? เปล่าเลยคะ เพียงแต่ว่าช่วงนี้เรากำลังยุ่งๆอยู่กับ “การเล่นหุ้น” (งานประจำของเรา) ลุ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา เลยไม่มีเวลาและมีอารมณ์มานั่งขีดนั่งเขียนให้เพื่อนๆได้อ่านกัน และสุดท้ายก็ต้องผิดหวังกับการเล่นหุ้น เพราะ “เสีย” คะ (ก็แค่ตัวเลขวิ่งไปวิ่งมา ตอนเช้าเรายังเล่นได้กำไรประมาณว่า มีเงินไปจัดทริปไปเที่ยวในประเทศ 3 วัน 2 คืนแบบสบายๆ แต่พอตกบ่าย ก็ขาดทุนมากถึงขนาด เอาเงินไปถอยรถ Honda Accord รุ่น Top แต่งพร้อมได้ 1 คัน) สรุปเราตัดสินใจ Cut Loss (เสียแบบเต็มๆไป) 555 ขำตัวเอง (มาคิดอีกแง่ เราเสียให้กับคนที่เขาต้องการเงิน และต้องการความมั่นใจในการเล่นหุ้นมากกว่าเรา อย่างน้อยการเสียเงินครั้งนี้ ก็ไม่เสียดายมากเท่ากับที่เสียเพราะไปทุ่มเทให้กับทอมห่วยๆ ที่มาหลอกลวงให้ช้ำใจ) T_T ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเก่า


สำหรับเรื่องที่เราเกริ่นไว้ล่าสุด เราขอ “ยกยอดไปเขียนครั้งหน้านะคะ” เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเด็ด ต้องกลั่นกรองให้เด็ดจริงๆถึงจะกล้าลง อิอิ


วันนี้เราขอเสนอ “เรื่องราวที่เกิดจากการประชดรัก จนทำให้ชีวิตของตัวเองต้องพังพินาศ” แทบจะเป็นปกติในชีวิตคู่หรือชีวิตรัก ที่จะต้องมีการกระทบกระทั่ง เอาแต่ใจ และประชดประชันกันบ้าง (เพราะคนหลายคนในสังคม อาย และกระดากปากที่จะพูดความต้องการที่แท้จริงของตัวเองไปตรงๆ และอีกฝ่ายบางทีก็คิดไม่ถึง คิดไม่ทัน จนเกิดเป็นปัญหาหยุมหยิมในชีวิตคู่) แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ หรือเรื่องใหญ่ๆนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอารมณ์ และนิสัยของคนแต่ละคนด้วย (ดังนั้นระดับความรุนแรงของคู่รัก แต่ละคู่จึงแตกต่างกัน)


“วา” ทอมผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง เป็นแฟนกับ “ปราย” สาว AE คุณหนูลูกผู้ดีเก่า ทั้ง 2 ได้คบกันมาได้ 4 ปีแล้ว คบกันตั้งแต่ทั้งคู่เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา ทั้งคู่ดูยังไงก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันทุกประการ จะต่างกันก็ตรงที่เขา “โชกโชน” ในเรื่องความรัก มีแฟนนับสิบ แต่สำหรับเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน เขาเป็นคนแรกของเธอ ชีวิตรักของทั้งคู่ดูเหมือนจะราบรื่น ไม่มีอะไรที่โดดเด่น (ก็เพราะแบบนี้นี่แหละ) จึงทำให้เกิดปัญหา เมื่อเขาเบื่อในลีลา sex ของเธอ เขาจึงออกไปมีกิ๊กบ้างเป็นครั้งคราว แต่ทุกครั้งเขาก็รอดไปได้ตลอด แต่เรื่องมา “แตก” ก็เมื่อเขาไปคั่วอยู่กับนักศึกษาสาวที่กะจะจับเขาอย่างจริงจัง


เมื่อเธอรู้เรื่อง ก็เป็นธรรมดาที่จะต้อง “วีนแตก” และด้วยความที่เขาประสบความสำเร็จในทุกด้าน จึงมี EGO สูง และไม่เคยยอมรับผิด หรือมองเห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง เขาจึงตะโกนใส่หน้าเธอบอกว่า “ที่เขาต้องไปมีกิ๊ก เพราะ sex ของเธอห่วยแตก เธอไม่เคยผ่านทั้งผู้ชาย และผู้หญิงมาก่อน ลีลาที่เธอมีนั้นน่าเบื่อมาก” (ก็แค่คำพูดของทอม EGO สูง) และประโยคนี้ก็ทำให้เธอเสียใจ เธอจึงคิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อทำให้เขากลับมาหาเธอ เธอรักเขา และคงอายเพื่อนๆหากต้องเลิกกับเขา เธอจึงคิดที่จะไปหาประสบการณ์ทางด้าน sex จากผู้ชาย แค่หวังว่า เขาจะพอใจในตัวเธอ และไม่ต้องไปหากิ๊กอีก เธอไม่กล้าที่จะไปเที่ยวผู้ชายตามสถานบันเทิง (อายที่จะทำแบบนั้น) เธอจึงเลือกวิธีที่จะหาผู้ชายขายตัวทาง internet นัดไปเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยา และคืนนั้นเธอก็ได้ “เสียว” สุดๆๆ (เขาคงนั้นได้สอน “กลเม็ด เคล็ดลับ” ให้เธออย่างมากมาย)


หลังจากเหตุการณ์คืนนั้นไม่นาน เขาก็มาง้อขอคืนดีกับเธอ และทั้งคู่กกลับมารักกัน ปรับตัวเข้าหากัน เขาก็ดีกับเธอมาก เรื่อง sex เธอก็เริ่มมีความกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ เธอมีความสุขจนเวลาผ่านไป เกือบ 2 ปี ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นก็ “จบลง” เมื่อเธอไปตรวจสุขภาพประจำปี ผลตรวจออกมาว่า “เธอเป็นเอดส์” (ติดมาจากผู้ชายคนนั้น) เธอไม่กล้าบอกให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธออาศัยช่วงเวลาที่เขาไปประชุมที่ต่างประเทศ เก็บเสื้อผ้าออกจากคอนโด หนีไปจากชีวิตเขา และไม่คิดที่จะกลับมาอีก ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เหตุผลที่เธอจากเขาไป


สำหรับเขา เราเชื่อว่า ณ ตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ตัวเองว่า “คำพูดประโยคนั้นที่เขาพูดออกมา จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันเป็นแรงกระตุ้นให้เธอต้องก้าวผิดพลาด” ก็เพราะความ EGO สูงนั่นเอง ถ้าวันนั้นเขายอมรับผิด และขอให้เธอให้อภัย และเริ่มใหม่ ตอนจบของเรื่องนี้ก็คงเปลี่ยนไป


ถึงตอนนี้เราเชื่อว่า “เธอคงคิดไม่ถึงว่าชีวิตของเธอจะต้องเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้ เพียงเพราะต้องการที่ประชดเพียงครั้งเดียว” ไม่มีใครรู้หรอกว่า สิ่งที่เราได้ตัดสินใจทำ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบนั้น จะมีผลที่ตามมาเช่นไรบ้าง? ณ วินาทีนั้นก็คิดแค่ว่า “ไม่เป็นไร” ขาดสติ จนเกิดเรื่องขึ้นมาจนได้


ฝากไว้สำหรับเพื่อนๆที่ชอบเอาชีวิต หัวใจ ของตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องต่างๆ อยากให้คุณเข้าใจ และยอมรับว่า “ความรัก และความต้องการที่จะมีแฟนนั้น ไม่ใช่จุดมุ่งหมายเดียวของชีวิตคู่ ขาดไปเราก็หาใหม่ได้ อย่ายึดติดมากเกินไป”


สำหรับใครที่กำลังมีความรัก เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้ว ลองหยุดคิดสักนิดแล้วถามตัวเองว่า “คุณมีอะไรในใจที่อยากจะบอกคนข้างกายคุณหรือเปล่า? มีความรู้สึกอะไรที่อยากจะพูดตรงๆกับเขาหรือเปล่า? ในความรักไม่มีคำว่า ถูก หรือผิด? มีเหตุผล หรือไม่มี? เป็นเพียงความต้องการของคนสองคน และคนสองคนที่ว่านั่น คุณก็ได้เลือกแล้ว และเมื่อเลือกแล้ว ก็อย่า “ทิฐิ” ที่จะไว้ใจ ยอมรับ และพูดกับเขาตรงๆ หากเขาเป็นคนที่ใช่ของคุณ เขาจะยอมรับในตัวคุณได้อย่างสุดหัวใจ”


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน


วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฉันไม่โง่ ก็แค่ไม่อยากทำลายความมั่นใจในตัวเองของเธอ

ฝากถึงทอมทั้งหลาย ที่คิดว่าตัวเองฉลาด ที่หลอกให้ผู้หญิงคนนึงรัก และทุ่มเทเพื่อคุณมากมาย (ทั้งกาย ใจ และเงินทอง)เพราะแค่คำว่า “ความรัก” จริงๆแล้วคุณคิดผิด เพราะดี้อย่างพวกเรารู้ทันคุณ และรู้สึก “สมเพช และเวทนา” ชีวิตอันไร้จุดหมายของคุณต่างหาก พวกเราจึงหยิบยื่น “ความรัก และทุกอย่างให้” ด้วยหวังว่าในใจลึกๆ “จิตสำนึกในความเป็นมนุษย์” ของคุณอาจจะทำงานเป็นบ้าง แต่ก็นะ เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เราทุ่มเทไป ไม่มีอะไรกลับมา นอกจากคำโกหก และแสร้งว่ารัก(ที่ดูยังไงก็เพื่อผลประโยชน์) แล้วเราจะโง่ทนอยู่ต่อไปเพื่อ?


ง่วงนอนแล้ว นี่แค่ ออเดิฟ ไว้พรุ่งนี้ว่างๆ จะมา “ขยายความ อย่างเต็มรูปแบบ” รออ่านกันนะคะ


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ลูกขอบพระคุณ

">
">

ฟังเพลงนี้ของ โต๋ แล้วรู้สึกขนลุก และหัวใจเต้นระทึกอยู่ข้างใน


พระเจ้าข้า พระบิดาของลูก พระเยซูพระบุตรของพระเจ้า พระแม่มารีผู้ปฏิสนธินิรมล


ลูกขอบพระคุณ ที่นำพาเพลงนี้มาให้ลูกได้ยิน และได้ฟัง ในช่วงเวลาที่ลูกรู้สึกสับสน (พระองค์มีแผนการณ์เสมอ)


ลูกขอบพระคุณ สำหรับทุกๆเช้า ที่พระองค์มอบความสดชื่นให้ และมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง


ลูกขอบพระคุณ สำหรับสายฝนที่โปรยปราย แม้บางครั้ง สายฝนนั้น อาจทำให้ลูกเปียกปอน แต่นั่นก็เป็น “น้ำพระทัย” ที่ีพระองค์ต้องการสัมผัสกับลูกโดยตรง


ลูกขอบพระคุณ สำหรับช่วงเวลาที่ดี และมีความสุขในชีวิต (ในพระองค์ ทำให้ช่วงเวลาที่พิเศษ ยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีก)


ลูกขอบพระคุณ สำหรับช่วงเวลาโหดร้ายในชีวิต ปัญหาทุกปัญหาที่ “กระหน่ำ” เข้ามา แต่ในที่สุด พระองค์ก็โอบอุ้มลูกไว้ เพราะหากปราศจากพระองค์ ลูกต้องพบเจอกับสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้แน่นอน


ลูกขอบพระคุณ สำหรับสุขภาพกาย และใจ ที่แข็งแรง ที่พระองค์ประทานให้ เพื่อให้ลูกมีความสุขกับ
โลกใบนี้


ลูกขอบพระคุณ สำหรับความเจ็บป่วย และความทรมาน ที่พระองค์ทรงให้เกิดขึ้นกับลูก เพื่อ “หยุดยั้ง” ความหยิ่งจองหองในความเป็นมนุษย์ และเรียกให้ลูกเดินเข้าไปหาพระองค์


ลูกขอบพระคุณ สำหรับโอกาสดีๆในชีวิต ที่ทำให้ลูกโชคดี และพิเศษกว่าคนอื่น ถึงแม้ว่าหลายๆครั้งลูกอาจจะ “มองข้่าม” สิ่งดีๆเหล่านั้นไปบ้าง แต่ลูกก็ไม่เสียใจ เพราะอย่างน้อยลูกก็รู้ว่า พระองค์รักลูกอย่ทางแท้จริง


ลูกขอบพระคุณ สำหรับความผิดหวัง และการพลาดบางสิ่งในชีวิต เพราะลูกเชื่อว่า พระองค์จะต้องมีแผนการณ์ที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกรออยู่


ลูกขอบพระคุณ สำหรับใครคนนึง ที่พระองค์ส่งมาเพื่อดูแลลูก ทำให้ลูกเป็นสุขใจ และอยู่เคียงข้างลูกเสมอ พระองค์ดลบันดาลให้ใครคนนั้น รักลูก และเข้าใจลูกอย่างที่ลูกเป็น


ลูกขอบพระคุณ สำหรับใครอีกหลายๆคน ที่เดินเข้ามาทำร้ายลูก ทำให้ลูกทุกข์ใจ แต่พระองค์ก็โอบกอดลูกไว้ และจูงมือลูกให้ผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปอย่างง่ายดาย


สุดท้ายลูกขอบพระคุณพระองค์ ที่ไม่เคยปล่อยมือไปจากลูก อาจมีบ่อยครั้งที่ลูกใช้ชีวิตเพียงลำพัง เดินทางบนโลกนี้เพียงลำพัง โดยหลงลืมพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่เคยทอดทิ้งลูกไปไหน พระองค์อยู่เคียงข้างลูกเสมอ และโอบกอดลูกไว้ ขอบคุณพระองค์สุดหัวใจ อาเมน


วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฟาร์มแมวเปอร์เซียที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้






Welcome to iViaFia Persians Cattery™ - http://www.iViaFia.com
FOR ENGLISH LANGUAGE ADVERTISING PLEASE VISIT:
http://www.pantipmarket.com/items/10450794?lang=en

ขณะนี้ทางฟาร์ม เปิดขาย-เปิดจอง ลูกแมวเปอเซียร์ อายุ 2 เดือนเศษ (เกิดวันที่ 13/06/53) Bi-Color Red & White และ Calico ลูกครึ่ง CFA พ่อพันธุ์นำเข้าแช้มป์ CFA สายยุโรป
PKD Negative Tested Parents - สุขภาพดี สายเลือดดี โครงสร้างดี หน้าสวยหวาน นิสัยดีขี้เล่น เกรด Show

ข้อมูลทั่วไป:
พ่อพันธุ์: Bi-Color Van Red & white (CFA) PKD Negative Tested Result
แม่พันธุ์: Tortoiseshell (TCC) PKD Negative Tested Result
D.O.B.: 13 มิถุนายน 2553
อายุ: 2 เดือนเศษ
ทำวัคซีนเข็มที่ 1: 17 สิงหาคม 2553 (ทางฟาร์มรับผิดชอบค่าใช้จ่าย)
ทำวัคซีนเข็มที่ 2: 17 กันยายน 2553 (ทางฟาร์มรับผิดชอบค่าใช้จ่าย)
ไมโครชิพ: แล้วแต่ความต้องการ (ทางฟาร์มรับผิดชอบค่าใช้จ่าย)
ความสามารถปัจจุบัน: กินอาหารเม็ด, กินน้ำขวดเลีย, กำลังฝึกลงกระบะทราย ปัจจุบันถ่ายลงผ้ารองอนามัยในกระบะทราย
สุขภาพ: ตรวจสุขภาพโดยสัตว์แพทย์ประจำ, ทำวัคซีนครบ, ถ่ายพยาธิแล้ว, หยด Revolution แล้ว
อาหารและอาหารเสริม: Royal Canin, KMR, นมแพะ, แร่ธาตุ, ไวตามิน และอื่นๆ
รับแมวได้เมื่ออายุ: 3.5 - 4 เดือนขึ้นไป (หรือเมื่อสัตวแพทย์มั่นใจในความสมบูรณ์ และให้ความคิดเห็นแนะนำก่อน)

ลูกแมวจากบ้านแมวมาเฟียทุกตัว จะได้รับวัคซีนและการถ่ายพยาธิครบถ้วน พร้อมกับได้รับการตรวจสุขภาพจาก สัตวแพทย์ก่อนวันที่จะย้ายสู่บ้านใหม่ 72 ชม.เสมอ

ทั้งนี้ ลูกแมวทั้งหมดจากบ้านแมวมาเฟีย เป็นลูกแมวที่ เกิดจาก พ่อพันธุ์ - แม่พันธุ์ ที่มีผลตรวจ PKD จากต่างประเทศเรียบร้อย โดยได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่อย่างดี
ตั้งแต่แรกคลอด ถึงปัจจุบัน ทานอาหารพรีเมี่ยมตั้งแต่เกิด อาหารเสริมและอื่นๆ ครบ เลี้ยงห้องแอร์ 24 ชม. แบบไม่ขังกรง ดังนั้นเพื่อนๆ จึงมั่นใจในคุณภาพของน้องแมวได้

สำหรับเพื่อนที่ทำการชำระครบเต็มจำนวน ก่อนกำหนดรับน้องแมว สามารถขอเปิด Live Cam เพื่อดูน้องแมวของท่านได้สดทาง MSN หรือ Camfrog
โดยทางเราจะอัดคลิปวิดีโอและคอยถ่ายภาพการเจริญเติบโตเก็บไว้ให้ พร้อมส่งมอบให้กับเจ้าของต่อไป
โดยที่น้องแมวตัวใดที่มีผู้จองแล้วไปแล้ว จะทางฟาร์มขอสงวนสิทธิ์การเล่นกับน้องแมวตัวดังกล่าว สำหรับผู้มาเยี่ยมชมท่านอื่นที่ฟาร์ม

สิ่งที่เจ้าของใหม่จะได้รับ:
1. ตัวน้องแมว
2. ใบเพ็ทดีกรี TCC + ประวัติลูกแมว
3. สำเนา PKD Negative Tested ของพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์
4. CD/DVD ภาพถ่ายและคลิบวิดีโอ ของน้องแมวตัวนั้นๆ
5. อาหาร Starter-Kit
6. Box เดินทาง สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้

วิธีการรับน้องแมว:
1. เดินทางมารับด้วยตัวเอง
2. บริการส่งทางเครื่องบิน

รับรองสุขภาพและอนามัย ตลอดจนสุขลักษณะการเลี้ยงดูของน้องแมวทุกตัว
ไม่มีย้อมแมวแน่นอนครับ รับรองได้ไปไม่ผิดหวัง ^ ^

ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาน้องแมวที่ สุขภาพดี สายเลือดดี โครงสร้างดี หน้าตาน่ารักๆ และตั้งใจอยากเลี้ยงแบบสวยๆ ดีๆ เพียงไม่กี่ตัวเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นภาระเกินตัว
อย่าพลาดนะครับคลอกนี้น่ารักมาก ยังไงติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกันนะครับ เลี้ยงแมวน้อยๆ ตัว เลี้ยงแมวสวยๆ เลี้ยงแมวดีดี ดูแลให้เต็มที่ น้องแมวแค่ 1 ตัวสร้างความสุขให้มากมายแล้วครับ

เนื่องจากทางฟาร์มเป็นฟาร์มปิด ขอสงวนสิทธิ์ต้อนรับสำหรับผู้ที่สนใจในตัวน้องแมวจริงเท่านั้น กรุณานัดวันเวลาเพื่อเข้าเยี่ยมบ้านแมวมาเฟียได้ที่

iViaFia Persians Cattery™
Website: http://www.iviafia.com
Msn/Email: iviafia@hotmail.com
Contact: 08-4886-4886 หรือ 08-4886-8664

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับผู้ที่ต้องการน้องแมว ระดับ CFA เพ็ทดีกรีเต็มใบ เกรดโชว์ หรือเกรดโชว์บรีด สามารถเยี่ยมชมฟาร์ม Luxus Persians™ ที่ เว็ปไซด์ http://www.luxuspersians.com ได้ครับ
หากเพื่อนๆ ท่านใดต้องการแจ้งความประสงค์ ในการสอบถามน้องแมวต่างๆ ภายใต้ฟาร์ม Luxus Persians™ กรุณาเขียนอีเมล์แนะนำตัว เข้ามาพูดคุยกันนะครับ
และสำหรับผู้ที่สนใจน้องแมวจริงๆ คงต้องนัดหมายเพื่อสนทนากัน เพิ่มนะครับเนื่องจากจะมี Co-Owner ที่เป็นชาวอเมริกันมาร่วมสนทนาด้วย เพื่อทักทายและทำความรู้จักกันเบื้องต้น

For anyone who are seriously looking for the High Quality CFA Kitten on Show Grade or Show/Breed Grade please kindly visit our LUXUS PERSIANS™ at thehttp://www.luxuspersians.com

For the serious inquiry, please send email introduce yourself and your background to us and make an appointment for the meeting with us together with my American Co-Owner, me and you as 3 parties for discuss over on the particular kitten.

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูรายละเอียดได้ที่
For more information please contact;

Luxus Persians™
Website: http://www.LuxusPersians.com
Email: iviafia@hotmail.com or luxuspersian@hotmail.com
Contact: 08-4886-4886 or 08-4886-8664

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เราถูกเลือกสรร




ราเชื่อว่า แต่ละคนมีหน้าที่ในสังคม

บางคนเกิดมา มีสมอง และปัญญา เพื่อเป็น “นักธุรกิจ หรือผู้นำ”
บางคนเกิดมา พร้อมกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ คือ “การเป็นแม่”
บางคนเกิดมา มีกำลัง และความว่องไว เพื่อทำหน้าที่เป็น “ทหาร”
บางคนเกิดมา มีเสียงที่ไพเราะ เพื่อเป็น “นักร้อง” มอบเสียงเพลง ผ่อนคลายให้กับคนทั่วไป
บางคนเกิดมา มีสติปัญญา และวาทศิลป์ในการเป็น “นักเทศน์” ผู้บรรเทาใจ
บางคนเกิดมา มีความเชี่ยวชาญในการรักษาคนป่วย จึงทำหน้าที่เป็น “หมอ”
บางคนเกิดมา พร้อมความสามารถในการประยุกต์ และพัฒนาวิทยาศาสตร์ ก็ทำหน้าที่กันไป

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า “ไม่มีใครเก่ง หรือเชี่ยวชาญไปซะทุกอย่าง” เราต่างคนมีข้่อดีและข้อเสียแแตกต่างกันไป ดังนั้นเราแต่ละคนจึงมีหน้าที่ ที่แตกต่างกัน และเป็นเรื่องปกติ หากหลายๆคนต้องลองผิด ลองถูก วิ่งตามหา “แนวถนัด” ของตัวเอง จนต้อง ล้มเหลวแล้ว ล้มเหลวอีก



เมื่อได้ชมเพลงนี้จบ “เราก็ได้แง่คิดหลายๆด้าน ในการดำรงชีวิต”​ขอบคุณผู้จัดทำ และผู้ประพันธ์เพลงนี้ขึ้นมา

เพลงนี้ให้กำลังใจเราได้อย่างดีเยี่ยม
เพลงนี้ทำให้เราเข้าใจหน้าที่ของตัวเองมากขึ้น
เพลงนี้ทำให้จิตใจเราสงบมากขึ้น
เพลงนี้ทำให้เรารู้จุดยืนบนโลกนี้มากขึ้น
และเพลงนี้ ทำให้เรารัก พระเจ้า มากขึ้น และมากขึ้นในทุกๆวัน

“ข้าแต่พระเจ้า หลายๆครั้งที่ลูกดื้อ ละเลย และหลงลืมพระองค์ไปบ้าง ลูกช่างเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ และมั่นใจในตัวเองมากเกินไปจริงๆ ลูกไม่มีค่า เป็นแค่ความว่างเปล่า ถ้าปราศจากความรัก และความเมตตาจากพระองค์

ณ เวลานี้ ลูกสำนึก คุกเข่าต่อหน้าพระองค์ โปรดประทานอภัยให้กับความเหลวไหล และหลงไปตามภาษามนุษยื โปรดประทานความเชื่อ และปรีชาญาณ ให้ลูกด้วย อาเมน”


วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ต้องดีกว่าเก่าเสมอ

เราเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายๆคน อาจจะเคยตกอยู่ในความรู้สึกสับสนกับคนที่คุณกำลังคบอยู่ อยู่ในภาวะคิดไม่ออก บอกไม่ถูก ว่าจะเลือกเดินทางไหน?


บ้างก็อยู่ในช่วงกำลังคิดว่า จะเลิกดีไหม? เพราะคบต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่เรื่องให้ปวดหัวจนเครียดแล้วเครียดอีก


บ้างก็กำลังประสบกับปัญหาเดิมๆ เรื่องเดิมๆ ต้องคอยอธิบาย คอยแก้ตัวอยู่จนเบื่อหน่าย


บ้างก็กำลังเจอกับ คนที่ไม่ใช่ แต่ต้องฝืนทำเป็นว่าใช่ นั่นแหละที่ทรมานที่สุด “เพราะคนที่รักร้างไกลนั้นเจ็บไม่นาน แต่คนไม่รักใกล้กันช้ำใจยิ่งกว่า”


เหตุผลนึงที่ทำให้ต้องทนต่อไป นั่นก็คือ “การกลัวการเปลี่ยนแปลง และการมองไม่เห็นอนาคต” ไม่รู้ว่า ถ้าเลือก “จบความสัมพันธ์” กับคนที่ไม่ใช่แล้ว จะเจออะไรในอนาคต? จะเจอคนที่ดีกว่าคนที่คบอยู่หรือไม่? และเหตุผลนี้ก็ทำให้คนส่วนใหญ่ ไม่เลือกที่จะเดินออกมา ยังคงจมอยู่กับความทุกข์ (ที่ชาชิน)อยู่นั่นแหละ


เราเคยเจอสถานการณ์เช่นนั้นมาแล้ว เคย “ขี้ขลาด” จนไม่กล้าที่จะ “ก้าวออกมา” ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่า หากยังคงย้ำอยู่กับที่ อยู่กับคนที่ไม่ใช่ มีแต่เสีย และก็เสีย เสียสุขภาพจิต เสียเวลา เสียทุกอย่าง จนสุดท้าย เมื่อ “ความรู้สึกในแง่ลบทุกอย่างทับถมจนเต็ม” เราจึงได้สติ และก้าวออกมา และการก้าวออกมาในครั้งนั้นก็ทำให้เราเจอสิ่งที่ดีกว่า คนที่ดีกว่า สังคมที่ดีกว่า รวมถึงความรักที่ดีกว่า และนั่นก็ทำให้เราได้ตระหนักว่า ในอนาคตมีคนที่ดีกว่า ที่คู่ควร และเหมาะสมกับเราอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเรา “กล้าหาญ” พอที่จะ “ก้าวออกมา” หรือเปล่า


ณ วันนี้ เรามีความสุขที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก และรักเราอย่างแท้จริง ทุกๆวันที่ดำเนินอยู่นั้น perfect และมีความสุขที่สุด


การที่ได้นอนในอ้อมกอดของคนที่รักเราจริงๆ คนที่เต็มใจกอดเราจริงๆ โดยที่เราไม่ต้องเรียกร้อง


การที่ได้อยู่กับคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเราจริงๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน


การที่ได้แบ่งปันชีวิตที่เหลือกับคนที่เปิดใจรับจริงๆ


การที่ได้มีความสุขอย่างแท้จริง กับคนที่เราต้องการอย่างแท้จริง


การได้รัก และถูกรัก โดยไม่มีเงื่อนไข


และทั้งหมดนี้ เราค้นพบได้จาก “เขาคนนั้น”


ขอบคุณนะคะที่เข้ามา “เติมเต็ม” และเป็นทุกอย่างให้ คุณทำให้หนูรู้ว่า “ความรักที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร?”


รักคุณทุกลมหายใจเข้า-ออก


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน


วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โรคติดแฟน

เพื่อนๆเคยเป็นกันไหมคะ? เมื่อมีความรัก หรืออยู่ในอารมณ์รักนั้น มักจะ “สับสน” อยู่ในใจตลอดเวลา (ไม่รู้ว่าสับสน หรือวุ่นวายใจเรื่องอะไร? รู้แต่ว่า ตะหงิดๆในใจ) หลายครั้งที่พร่ำบอกกับตัวเองว่า “รักอย่างมีสตินะ รักอย่างมีสตินะ” แต่เมื่อ “ความต้องการ และเสียงหัวใจลึกๆในใจเรียกร้องแล้ว” ก็ทำให้คนที่ดูเหมือนจะ “มีสติ” ตลอดเวลา กลายเป็น “คนงี่เง่า” ได้เหมือนกัน


เราก็เป็นอีกคนที่มีอาการแบบนี้ เราจึงขอเรียกโรคนี้ว่า “โรคติดแฟน”


“โรคติดแฟน” นี้ สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศ และทุกวัย ไม่จำกัดช่วงเวลา ไม่มีปัจจัยภายนอก ไม่มียาไม่มีวัคซีน ไม่มีทางใดรักษา นอกจาก “เขา” คนเดียวเท่านั้นที่รักษาได้


อาการเบื้องต้น


มีความต้องการเขาอยู่ตลอดเวลา (ต้องการให้อยู่ใกล้ๆ ต้องการทำกิจกรรมร่วมกัน อย่าคิดลึกนะ กิจกรรมทั่วไปจ้า)


ชอบเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องเวลา และเรียกร้องความเอาใจใส่ (จริงๆไม่ได้ขาดหรอกนะ ที่เขาทำทุกวันก็มากพอแล้ว แต่ก็ไม่รู้เป็นไง ถ้าเรียกร้องได้เพิ่มอีกนิด ชีวิตจะ happy มากๆ)


สังเกตุพฤติกรรมของเขาอยู่ตลอดเวลา (ไม่ว่าเขาจะเดิน นั่ง พูด คิด ออกแนวจิตนิดๆ)


อยากให้เขาเป็นของเราคนเดียว อยากให้เขามีเราคนเดียว (เขาคือโลกทั้งใบของเรา)


อาการข้างเคียง


อาจจะทำให้มีผลต่อภาวะทางอารมณ์ เปลี่ยนบุคลิกจากคนปกติ เป็นคนที่งอน งอแง และไม่มีเหตุผล (เพราะเหตุผลเดียวคือ คุณ เท่านั้น)


อาจหน้าบึ้งตึง เหวี่ยงไปทั่ว (แม้เรื่องเล็กๆ)


ขั้นตอนการรักษา


ป้อน “คำหวานจากคุณ” ทุกๆ 5 นาที


ฉีด “อ้อมกอดของคุณ” เข้าเส้นทุกค่ำคืน


จิบ​“ความสนใจจากคุณ” ทุกชั่วโมง


บำบัดด้วย “ความรักที่จริงใจจากคุณ” ทุกอาทิตย์


หมายเหตุ อาการของโรคนี้ เมื่อเป็นแล้ว รักษาหายแล้ว อาจเป็นซ้ำได้ทุกเมื่อ รักษาตามอาการ


ข้อควรระวัง ควรใช้ความอดทนสักนิดในทุกๆขั้นตอนการรักษา อย่าท้อไปก่อนล่ะ


ความเป็นจริงของโรคนี้ ทุกๆพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ตัวเราเองมี “สติ” อยู่เสมอ รู้นะว่าทำอะไร? คิดอะไร? เพียงแต่ว่า อยากจะเอาแต่ใจตัวเองมากหน่อย เห็นแก่ตัวอีกนิดหน่อย เพราะรักเขาที่สุดไง


หากคุณได้เข้ามาอ่านหน้านี้ ก็อยากให้คุณเข้าใจว่า “ที่หนูรู้สึกสับสน และวุ่นวายใจมากมาย ทั้งหมดนี่ก็เพราะคุณนั่นแหละ ที่เดินเข้ามาในชีวิต เข้ามาทำให้หัวใจดวงนี้รู้สึก “ตื่นเต้น และพร้อมเปิดใจรัก” อีกครั้งนึง


รู้ “ต้นเหตุ และวิธีรักษา” แล้ว ก็รีบทำนะคะ หนูจะรอ อิอิ อย่าเพิ่งเบื่อหนูก่อนล่ะ หนูรักคุณเสมอนะคะ


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน