Recent News

Powered by eSnips.com

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ประชดรัก

ไดอารี่วันนี้ เป็นไดอารี่เก่า (ที่เราเคยเขียนและลงไว้ใน Diary ของ Lesla.com)


เคยมีคนบอกว่า “มีรัก” ก็ต้อง “มีทุกข์” เพราะ “รักและทุกข์” มาพร้อมกันเป็น “package คู่” ใครที่ยังโสด (เพราะยังหาแฟนไม่ได้ หรือไม่มีใครเอา) เป็นโชคดีของคุณแล้ว ที่คุณไม่ต้องหนาวๆร้อนเพราะความรัก (แต่อาจจะเฉาตายเพราะความเหงา) คู่รักหลายคู่ได้ผจญภัยมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะอุปสรรคแบบพิศดารขนาดไหน ก็ต้องฝ่าไปให้ได้ เพื่อที่จะไปให้ถึงยังเป้าหมาย (ไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายและบทสรุปของความรักเป็นเช่นไร แต่ดูทุกคนจะทุ่มเท Fight For Love กันซะเหลือเกิน) เมื่อเย็นวานฝนและลมกระหน่ำ กรุงเทพฯ ทำให้การจราจรแทบทุกเส้นทางเป็นอัมพาต จากที่เราเคยขับบนทางด่วน ด้วยความเร็ว 120-130 กม./ชม. ต้องลดลงเหลือ 10-20 กม./ชม. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาทั้งคนเขียน (เรา) และคนอ่าน (พวกคุณ) เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า

การที่ “ทอม” และ “ดี้” ตัดสินใจคบกันนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย แค่ click กันก็คบกัน แต่การที่จะผยุงชีวิตรักให้อยู่ยั่งยืนและยืนยาวนั่นสิ ยากเสียกว่าการขอใครสักคนเป็นแฟนซะอีก (ว่าไหม?) “กิ่ง” ดี้วัย 36 คบกับ “ปราง” ทอมวัย 32 มาได้ 6 ปีแล้ว ทั้งคู่ ช่วยกันทำงานเก็บเงินจนซื้อคอนโดได้ห้องหนึ่งแถวมีนบุรี เธอและเขามีความรักเรียบง่าย เธอไม่เคยคิดหรือเฉลียวใจ (คิดระวังตัวบ้างก็ดีนะคะ ทอมสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน) เลยว่าเขาจะเจ้าชู้ หรือไปมีกิ๊กที่ไหน ด้วยความไว้ใจและมั่นใจ (รับประกันด้วยระยะเวลาที่คบหากันถึง 6 ปี) เธอไม่เคยรู้เลยว่า เขาได้มีกิ๊กซึ่งคบกันมาเกือบ 4 ปีแล้วอีกคน (เขาและกิ๊กทำงานที่เดียวกัน) ก็อย่างที่ใครๆพูด “ความลับไม่มีในโลก” มีเพื่อนร่วมงานของเธอคนใหม่ ย้ายมาจากตึกที่เขาทำงานอยู่ เพื่อนคนนี้เป็นหญิงปกติ เลยค่อนข้างจะตื่นเต้นเมื่อได้รู้จักกับเธอที่เป็นดี้ เพื่อน (ผู้ปากมากคนนี้) ได้เล่าให้ฟังว่าที่ทำงานเก่า มีทอมดี้คู่นึง (เขาและกิ๊ก) รักกันมากเลย เธอถามเพื่อนว่าทอมคนนั้นชื่อ ปราง ใช่ไหม? เพื่อนตอบว่า “ใช่” เธอตัวร้อนวูบวาบ น้ำย่อยดูจะโครกครากในท้อง ความดันเริ่มกระโดดโลดเต้นจังหวะ Rock เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน เย็นวันนั้นหลังเลิกงาน เธอรีบกลับมาที่ห้อง เพื่อที่จะค้นหาความจริง แต่เมื่อมาถึงห้อง เขาได้เขียน note แปะ ไว้หน้าตู้เย็นว่า “คืนนี้จะไปนอนกับแม่นะ ไม่กลับห้อง ป๋ารักม๋านะ” เธอไม่รอช้า จากที่ไม่เคยโทรเช็คที่บ้านเขา เธอโทรไป แม่เขารับบอกว่า “ปรางไม่ได้มาค้างด้วยหลายปีแล้ว” เธอนั่งทรุดลงกับพื้น เพราะสิ่งที่เธอประสบก็คือ เขาขอไปนอนกับแม่เขาอาทิตย์ละ 2 คืนมาหลายปีแล้ว เธอเดินไป เดินมา มือกำโทรฯมือถือไว้แน่น ไม่รู้จะทำอะไรก่อน ควรจะโทรไปหาเขาดีไหม? หรือว่าทำเป็นไม่รู้ดี? จะไปตามเขาได้ที่ไหน? คิดมากไปเองไหม? หลายคำถามประดังเข้ามาในหัวเธอ สุดท้ายอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เธอตัดสินใจ โทรหาเขา เขารับสายและพูดว่า “โทรมาทำไม รู้ไหม เพราะเสียงโทรฯแม่ตื่นเลย แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ดุเอา” เธอบอกเขาว่า “ม๋ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ทำไมป๋าทำกับม๋าแบบนี้” เขาตอบว่า “รู้จากไหน รู้อะไร” เธอบอกว่า “ถึงเวลาพูดความจริงกันแล้วนะ ป๋า” และมีเสียงผู้หญิงคนนึงบอกว่า “ที่รักบอกเมียแก่ของคุณที่ห้องไปสิคะ ว่าเรารักกัน รักกันมานานเกือบ 4 ปีแล้วด้วย ที่คุณยังไม่ทิ้งหล่อนเพราะว่าสงสารหล่อน” เมื่อเธอได้ฟังแบบนั้น น้ำตาเธอหยุดไหล ร่างกายเธอชา เธอถามเขาว่า “ตกลงตอนนี้ม๋ากับป๋ายังรักกันอยู่ไหม เราคบกันอยู่ไหม เพราะอะไรป๋าถึงทำกับม๋าแบบนี้ ม๋าทำผิดอะไร” เขาหยุดไปครู่นึงก่อนจะตอบว่า “ฉันเคยรักคุณ แต่ระยะหลังมานี่ ฉันไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเอง แต่พอฉันมาเจอ “เอ๋” (กิ๊ก) ทำให้ฉันรู้ว่าฉันรักใคร ฉันรักเอ๋ได้ยินไหม ไม่ต้องโทรมาอีก พรุ่งนี้ฉันจะไปเก็บของออกมา แล้วเราจะขายคอนโดและแบ่งเงินกัน ดีแล้วที่รู้เรื่องจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ” เขาตัดสายทิ้ง เธอวิ่งไปห้องน้ำ ไปมองกระจก มองหน้าตัวเอง และคิดในใจว่า “นี่ฉันโง่ขนาดนี้เลยเรอะ ฉันไม่มีค่าขนาดนี้เลยเรอะ คนอย่างฉันไม่สมควรจะอยู่บนโลกนี้อีก” คิดได้ดังนั้น เธอไม่รอช้า (ไม่คิดจะทบทวนหรือทำอะไรทั้งนั้น) แค่ความคิดชั่ววูบ เธอตัดสินอนาคตของเธอด้วย “ความตาย” เธอวิ่งไปที่ระเบียง และกระโดดลงมาจากคอนโด (ชั้นที่เธออยู่ชั้น 5) เรือนร่างเธอกระแทกที่พื้น เธอไม่รู้สึกอะไรอีกเลย จนกระทั่งฟื้นได้สติจาก รพ. หมอบอกว่า โชคดีนะคะที่คุณยังไม่ตาย เพียงแต่ว่า คุณเดินไม่ได้ตลอดชีวิต เพราะกระดูกที่ขาคุณแตกละเอียด คำพูดของหมอวันนั้นยังก้องอยู่ในหัวเธอ ตอนนี้เธอคงนั่งอยู่หน้าระเบียงตึกใดตึกหนึ่งของกรุงเทพ เฝ้าคิดเสียใจ และทบทวน สิ่งที่เธอได้ทำพลาดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง เพียงแค่คิดที่จะประชดใครคนนึง (โดยที่เขาคนนั้น อาจจะไม่มีค่าพอ ที่จะได้รับความรักที่บริสุทธิ์จากเธอก็ได้)

สำหรับ “ปราง” ทอมชั้นสวะ เช่นคุณ โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่มีดี้คนนึงอุทิศชีวิต และความโง่งมงายให้ อย่าหลงระเริงเลย เวรกรรมมันติดจรวดนะ

สำหรับ “กิ่ง” อะไรที่พลาดมาแล้ว ปล่อยมันไป อย่าคิดมากนะ ชีวิตต้องก้าวต่อไป อย่างน้อย สิ่งที่มาทดแทน ขา 2 ข้างที่กิ่งเสียไปคือ ในที่เข้มแข็ง ขอบคุณนะ ที่แบ่งปันเรื่องราวกับเรา

สำหรับ คนที่อ่านไดเราในวันนี้ เราเขียนไดเพื่อให้คุณอ่านแล้วซึมซับเพื่อว่าคุณจะได้มีภูมิคุ้มกันทางความคิดได้ดี แต่ถ้าคนที่คิดจะทำร้ายตัวเอง อ่านแล้วยังไม่ได้ข้อคิด ไม่ได้ทางสว่าง จะทำร้ายตัวเองยังไง จะฆ่าตัวตาย หรือทำอะไร ก็ขอให้ตายสนิทนะ อย่าอยู่รอดมาเป็นภาระของสังคมอีกเลย

ด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ สามารถทำให้อนาคตมือดับพังทลายลงได้
อนาคตของคนบางคน
จบลงที่ความอยากจะประชดประชันในบุคคลที่เขาไม่เคยเห็นค่าเรา
อนาคตของคนบางคน
จบลงด้วยการใช้ชีวิตอย่างประมาท
อนาคตของคนบางคน
จบลงด้วยความอยากจะเอาชนะ และวัดใจใครสักคน
แต่เมื่อเราก้าวพลาดไปแล้ว เราต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
อนาคตอยู่ในมือของเรา อย่าปล่อยให้ดับสูญไปด้วยมือของเรา
ขอให้เพื่อนๆได้คิดอยู่เสมอว่า
“บนหนทางไกล ก้าวแต่ละก้าวมีค่าเสมอ เผลอไผลเพียงครั้งคราว อาจเจ็บร้าวไปชั่วชีวิต”

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน