เคยไหมคะ เพื่อนๆ เคยรู้สึกหรือเจอกับเหตุการณ์ที่ตัวเองคิดว่า ตัวเองไม่มีค่าบ้างหรือเปล่า เรื่องราวในวันนี้เราจะไม่ทำตัวเป็น “นางฟ้า” เพื่อที่จะชักชวนให้เพื่อนๆมองชีวิตรักในด้านดี แต่เราจะเป็น “นางมารร้าย” เพื่อจะให้เพื่อนๆได้ตื่นและรู้สึกตัวเสียที หลายครั้งที่หนทางการตามหาความรักของพวกคุณ เดินอยู่บนทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป หนทางของความรักของคุณอาจจะเจอคนที่เข้ามา (ทั้งโสดจริง และโสดหลอก, ดีจริง และดีหลอก, คนที่รู้จักตัวเขาเองจริง และตอแหลแม้กับตัวเองได้ตลอด) สาเหตุที่จะทำให้คนที่คบหาดูใจกันอยู่ (หมายถึงเพิ่งเริ่มคบในระยะ 3 เดือนแรก) เลิกกันนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะพวกเขาเข้ากันไม่ได้หรอกคะ แต่เป็นเพราะคนใดคนหนึ่งหรืออาจทั้งสองคนอ่อนแอ (ไม่เคยรู้จักตัวเองเลย) ทำให้ความสัมพันธ์ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ (ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “ล่ม” คนละ meaning กับ “เรือล่มในหนองทองจะไปไหน” นะคะ)
เราขอ share ความหมายของคำต่างๆ ที่เรามักได้ยินบ่อย (ไหนๆก็เขียนไดอารี่แล้ว พวกเพื่อนๆที่รู้จักเรา ก็เลิกถามเราถึงความหมายคำพูดพวกนี้สักทีนะจ๊ะ copy ไว้อ่านเลยเนอะ)
คำว่า “อยากจะมีคู่ชีวิต” กลายเป็น fashion ทางคำพูดไป หลายคนพูดไปโดยไม่ได้ถามตัวเองเลยว่า สัมผัสอะไรได้จากคำยอดฮิตคำนั้น (ไม่พูดซะยังดีกว่านะ เพราะความไม่รู้ของคุณ มันทำให้หลายคนต้องเสียใจและเกือบบ้าไปเพราะมัน เบื่อๆๆๆ พวกคนอ่อนแอจริงๆเลย ใครรู้ตัวว่าเข้มแข็งพอ แล้วอยากจะใช้ชีวิตคู่จริงๆ ก้าวออกมาคะ)
คำว่า “ความสับสน” เป็นความคิดที่มนุษย์เราใช้อธิบายเหตุการณ์ที่พวกเขาต้องการจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดของตัวเอง (อย่างงี้ คนที่สับสน ก็สามารถไปอยู่ รพ. บ้าได้สิคะ เพราะว่าคนที่สับสนในความรัก ไม่เคยผิดเลย) โยนความเลวให้สมองและอารมณ์ตัวเอง เพื่อทำให้ความบริสุทธิ์ของหัวใจตัวเองยังคงดำรงอยู่ได้
คำว่า “ความอ่อนแอ” หลายคน hit ใช้คำนี้เมื่อเจอโอกาสที่ดีกว่า (โอกาสที่ตัวเองหามาเพิ่มเติมเมื่อเกิดความเบื่อ ขี้เบื่อมาก ระวังจะโดนวางยาเบื่อนะคะ)
คำว่า “ของตาย” ใครบางคนใช้เรียก “คน” ที่เขาคิดว่า รักเขา ไม่ไปไหนจากเขาแน่นอน คนที่คิดแบบนี้ทั้งหลายคะ เคยได้ยินไหมที่ว่า “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” ช่วยอ่านประโยคนั้นซ้ำหลายๆครั้ง แล้วใช้ความคิดประกอบด้วย เผื่อว่าจะคิดได้บ้าง และย้อนกลับไปสำรวจดูตัวเอง ไม่แน่คุณอาจจะเป็น “ของตาย” ของใครบางคนอยู่นานแล้วก็ได้
คำว่า “คุณดีเกินไป” หลายๆคนอาจจะปลื้มกับคำพูดแบบนี้ จนเมื่อเลิกรากับคนเลว (คนพูดคำนี้) แล้วไม่สามารถไปมีใครใหม่ได้ (ประมาณว่าฉันดีเกินไป ดังนั้นความเป็นดีของฉัน ฉันควรจะทนเป็นคนดีอยู่ในวนเวียนความรักของเธอ ถึงแม้ฉันจะทรมาน และทำให้ในใจฉันจมความทุกข์กับคำว่า “ดีเกินไป” และ “คำถามว่าทำไม?” ได้ในเวลาเดียวกัน ก็ตาม)
คำว่า “เข้ากันไม่ได้” เป็นการเข้ากันไม่ได้จริงๆในทุกๆด้าน ทำให้การคบกันต่อแค่เพียงวันเดียว หรือช่วงเวลาเดียว อาจทำให้ทรมานถึงขั้นตายจากกันได้เลย หาเหตุผลเข้ากันไม่ได้ยกมันมาทุกเรื่อง (ยกเว้นแต่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นคือ จังหวะ รับ-ส่งในการมีเรื่อง sex ของคนสองคน เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เข้ากันง่ายที่สุด)
คำว่า “เพิ่งรู้จักใจตัวเอง” เป็นคำที่ใช้ในการบิดเบือนเหตุผลจริงๆของการเลิกกัน (อ้าว แล้วที่ผ่านมาไม่ได้รู้จักใจตัวเองเลยเหรอคะ ที่พร่ำบอกว่า “รักและจะอยู่ด้วยกัน ตราบจนซัดดัมคืนชีพกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ” นั่น ก็ตอแหลทั้งสิ้นซิย่ะ) บางคนพูดคำนี้แล้วชวนให้ “สมเพช” เพราะวัยคนพูดก็เลยวัยเบญจเพศมาแล้ว ย่างเข้าสู่วัยทองแล้วต่อเนื่องไปยังโลงอีกในไม่ช้าแล้ว
คำว่า “รับไม่ได้ (ในสิ่งที่อีกคนหนึ่ง “เป็น”)” เป็นเหมือน “คำตัดสิน หรือคำพิพากษา” ที่ “ผ่า” ลง “กลางใจ” ของผู้รับฟัง ขอถามคนที่เปล่งประโยคนี้ออกมาสักนิด “คุณคิดว่า คุณดีเลิศ ประเสริฐกว่าคนอื่นหรือไง? สิ่งที่คุณเป็นนั้น สร้างความเจริญให้กับโลกมากกว่ามนุษย์เดินดินคนอื่นหรือ?” (คนที่มีจิตใจโน้มเอียงเช่นคุณ สมควรแล้วหรือ? ที่จะเป็น “มนุษย์”)
ระบายอารมณ์ เบื่อ และเซ็งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ!!! สบายใจจัง นับตั้งแต่วินาทีนี้ จะสูดความคิดและการมีสติกลับมาตั้งอยู่ตรงกลางใจ ไม่อ่อนไหว หวั่นไหวไป กับอะไรที่มันเป็นแค่ภาพลวงตาของชีวิตแล้ว เพราะบางที “ชีวิต” ก็ไม่ได้ยุ่งเหยิง หรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ ว่าไหมคะ?”
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
22:10
ReVealTomDy