Recent News

Powered by eSnips.com

วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

New Year's Eve

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 2552 แล้ว เมื่อมองย้อนไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา สำหรับเรานั้น ชีวิตของเราได้เปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อน ปีที่ผ่านมา มีหลายๆสิ่งได้เกิดขึ้นกับเรา
เราอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี ก็เกือบสามสิบแล้ว (หลายๆคน พยายามที่จะบอกเราเหลือเกินว่า เมื่อผู้หญิงอายุ 30 ปีเต็มเมื่อไหร่ จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน เช่น หน้าตา ผิวพรรณ จะเหี่ยวลงอย่างคาดไม่ถึง และวัย 30 นี้ ก็จะทำให้เรามองเห็นโลกอีกแบบ อาจทำให้เราเข้าใจคนวัยกลางคนมากขึ้น หรือเราอาจจะต้องเริ่มคิดจริงจังกับอนาคตแล้ว

เราเริ่มผจญภัยมากขึ้น จากที่เมื่อก่อน กลัว และไม่ชอบการเดินทางเลย แต่ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า อยู่บ้านไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ

เราเริ่มมีมุมมองความรักในแบบผู้ใหญ่มากขึ้น รักที่ต้องอาศัยความรู้สึก ไม่ใช่เหตุผล ซึ่ง กฏ หรือมาตรการณ์ที่เราเคยคิดจะตั้งไว้เพื่อความรักนั้น เป็นอันต้องยกเลิก เพราะในความรักไม่มีเงื่อนไข และกฏเกณฑ์

ชีวิตเราในปีที่ผ่านมา ออกกำลังกายน้อยลง นอนดึกขึ้น เริ่มสนใจในกีฬาฟุตบอล ได้เจอคนมากขึ้น อยู่ในสังคมที่หลากหลาย และที่สำคัญ ได้มีความรักที่ยิ่งใหญ่กับคนๆนั้น

และเนื่องในโอกาสที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี เราก็คงไม่ขออะไรไปมากกว่า ขอให้ปีที่จะมาถึงนี้ ชีวิตเรายังคงเรียบง่าย ไม่มีอะไรที่หวือหวาเกินไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ฉับพลันเกินที่จะรับมือ ค่อยๆขับเคลื่อนชีวิตไปเรื่อยๆแบบนี้แหละดีแล้ว

ถึง ตัว T ที่รักของหนู

หนูรู้สึกดีนะคะ ที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา หนูมีคุณอยู่ข้างๆกาย ถึงแม้ว่า บางครั้งเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่เวลาส่วนใหญ่ของหนูก็ได้ใช้เวลาร่วมกับคุณ เราผ่านอะไรมาด้วยกันค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่แสนดี และมีแต่รอยยิ้ม หรือช่วงเวลาที่ต้องอาศัยความเข้มแข็ง อดทน และต้องเผชิญกับหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างของชีวิต อาจมีบ้างที่หนูอาจท้อแท้ หรืออ่อนแอ ในสมองหนูอาจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย หนูอยากจะย้ำกับคุณว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างเราก็ตามในอนาคต หนูจะจับมือคุณไว้ กอดคุณไว้ และมั่งคงต่อคุณตลอดไป เชื่อมั่นในหนูนะคะ”

เพราะไม่ว่าจะมีอุปสรรค หรือความไม่เข้าใจอะไรเกิดขึ้น หนูอยากพี่ได้ตระหนักไว้ว่า “ณ วันนี้ และตลอดไป หนูก็จะเลือกคุณ และรักคุณเสมอ หนูอยากให้คุณมั่นใจว่า หนูจะรักคุณตลอดไป”

คนดีคะ ในบางครั้ง มุมมอง และความเข้าใจในความรักของหนูอาจจะเด็ก หรือเอาแต่ใจซะส่วนใหญ่ แต่หากคุณมองในแง่ดี คุณก็จะพบว่า “ความรักแบบเด็กๆของหนูนี่แหละ ที่แสนยิ่งใหญ่ และมั่นคงที่สุด เพราะเด็กมักจะมีความรักที่บริสุทธิ์เสมอ หากผู้ใหญ่ตัดเอาความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความซนออกไป ก็จะพบว่า “ความรักแบบนี้แหละ ที่คุณตามหามาทั้งชีวิตของคุณ”

อยากให้รู้ไว้นะคะคนดี หัวใจดวงนี้ของหนู ได้มอบให้คุณเป็น “เจ้าของหัวใจ” ตั้งนานแล้ว

In you, will I trust.


วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

X'mas Card

Merry Christmas’s Eve นะคะคนดี สืบเนื่องจาก หนูได้เดินตระเวณหา X’mas Card จากหลายๆที่ แต่ก็ไม่มี card ใบไหน สวย เหมาะสม ถูกใจหนูสักใบ (คือหนูอยากได้ card ที่สื่อความหมายจากใจ และมุมมองของหนูได้ใกล้เคียงที่สุด) แต่หาเท่าไหร่ ก็ไม่เจอเสียที


ในเมื่อหาไม่ได้ หนูก็เลยตัดสินใจ เอา Blog หน้านี้ ทำเป็น Card จากหัวใจดวงน้อยๆของหนู ส่งมอบให้คุณแทนก็แล้วกัน


ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เนื่องในโอกาสวันคริสต์มาส หนูได้ตั้งใจที่จะมอบของขวัญ (นอกเหนือจากผ้าพันคอที่หนูถักเองให้คุณ) นั่นคือ น้ำหอม Ralph Lauren กลิ่นที่เราทั้งสองคนชอบ ตอนแรกหนูตั้งใจว่า จะไปซื้อพร้อมกับคุณที่โน่น แต่สืบเนื่องจากวันนี้หนูได้ไป “ขัดตัว ทำสปา” ที่ Central World และพบว่า น้ำหอมจัดเป็นชุดของ Ralph Lauren นั้น มีชุดใหญ่ หนูเลยซื้อ พร้อมกับห่อของขวัญด้วยกระดาษห่อสีทองมาให้คุณ หวังว่าคุณคงจะชอบ และฉีดทุกวันนะคะ (เห็นไหมคะ ซื้อของขวัญที่นอกจากคุณจะได้ใช้แล้ว หนูยังได้ดมทุกวันอีกด้วย) ฉลาดซะไม่มีเลย เราเนี่ย!!! (ส่วนของขวัญปีใหม่ วันครบรอบ และวันวาเลน์ไทน์ จะทยอยให้นะคะ)



Merry Christmas’s Eve and Merry Christmas นะคะทูนหัว ในปีนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ฉลองคืนวันคริสต์มาสร่วมกัน แต่หนูก็รับรู้ได้ว่า “คุณจะอยู่กับหนูเสมอ ไม่ว่าเวลาสุข หรือทุกข์” หนูยอมรับว่า หนูเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนนึง ที่ไม่มีของขวัญที่ยิ่งใหญ่จะมอบให้คุณ หนูเพียง “หัวใจดวงเล็กๆ ที่ซื่อสัตย์ มั่นคง มามอบให้่ หัวใจดวงนี้เป็นหัวใจที่เคยอ่อนแอ แต่เมื่อได้มาอยู่บนสองมือที่คอยประคับประคองของคุณแล้ว หัวใจดวงนี้ก็มีคุณค่า และฉายแสงแห่งความสุขออกมาอยู่เสมอ”


ขอบคุณนะคะ ที่ให้อภัยหนูเสมอ ไม่ว่าหนูจะดื้อ รั้น ซน เถียง หรือเอาแต่ใจแค่ไหน


ขอบคุณนะคะ ที่อยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าหนูจะผลักไสคุณไปให้ไกลอยู่เสมอ


ขอบคุณนะคะ ที่โอบกอดหนูเสมอ ในยามที่หนูอ่อนแอ


ขอบคุณนะคะ ที่ใจเย็น ในขณะที่หนูใจร้อน และโมโห


ขอบคุณความเป็นตัวตนของคุณที่แสนจะน่ารัก แสนดีเสมอ


ขอบคุณสำหรับทุกๆความห่วงใย ที่แม้จะไม่แสดงออกมาเป็นคำพูด แต่เพียงการกระทำ ก็มากเกินพอแล้ว


ขอบคุณในความเป็นตัวตนของคุณ ที่ทำให้ตัวตนของหนูได้มีความสุขอีกครั้ง


หนูขอมอบชีวิตที่เหลืออยู่ของหนู ให้คุณดูแล รักษา ปกป้องและคุ้มครองตลอดไป


หนูต้องขอโทษ หากหนูอาจเคยไม่เชื่อฟัง ดื้อ รั้น หรือเอาแต่ใจ แต่หนูมั่นใจเสมอว่า คุณให้อภัยหนูเสมอ (ใช่ไหมคะคนดี)


อีกไม่นานเราก็ได้เจอกันแล้ว หนูขอไปนอนหนุนไหล่ที่แสนจะอบอุ่นของคุณนะคะ อย่าลืมที่สัญญานะคะ ว่าจะพาหนูไปทานร้านไหนบ้าง (หนูเตรียมท้องไว้รอนะคะ) รอเวลาที่เราจะได้นั่งทานข้าว และมองตากันอีกสักครั้ง


หนูรักคุณที่สุด


Always Yours,


In you, will I trust.


Thank GOD, I found you.


Revealtomdy




วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Blackberry

ช่วงนี้ใกล้เทศกาล X’mas และปีใหม่แล้ว หลายๆคนคงกำลังหาของขวัญ ของฝากให้กับคนที่เคารพรัก และคนพิเศษ สำหรับเรา เราก็กำลังเตรียมมองหา ของฝากเช่นกัน (แต่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่า จะจัดสรรของฝาก ของขวัญแบบไหน) ช่วงนี้อากาศที่ กทม.​เริ่มจะเย็นลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่หนาวมากจนต้อง “ขุด” เสื้อกันหนาว ที่อยู่ในตู้ออกมาสวมใส่ได้ แต่ก็นะ สงสัยผ้าพันคอ และหมวกที่เราทำเหลือไว้ ต้อง “กินแห้ว” แน่นอน


ณ ตอนนี้ ชีวิตประจำวันของเรากำลัง “เห่อ” ของเล่นใหม่ นั่นคือ BlackBerry ถึงขั้นขนาดติดอย่างหนัก เรียกได้ว่า ว่างเมื่อไหร่ กดเล่น BB Messenger ตลอดเวลา แม้เวลาทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิมาก (หลายคนอาจคิดว่า เพื่อนใน BB เราเยอะ เปล่าเลยคะ มีเพียง คนเดียว)


วันก่อนเราไปที่โบสถ์ พี่บอย พี่ที่โบสถ์ทักเราว่า “ซื้อโทรศัพท์ใหม่เรอะ ไหนเคยบอกว่า “สัญญา” กับแม่พระไว้แล้วไง? ว่า จะไม่ซื้อโทรศัพท์มือถืออีก 2 ปี” เราได้แต่ยิ้ม และตอบไปว่า “พี่คะ เผอิญเครื่องนี้หนูไม่ได้ซื้อเอง หนูก็ไม่ผิดคำสัญญาใช่ไหมคะ? ลื่นไหลได้อีก” แบบนี้ต้อง ขอบพระคุณ ท่านผู้มีอุปการะคุณ ที่สนับสนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของเรา จนทำให้เราได้สมปรารถนา


ถึง ตัว T ที่รักของหนู


คืนวัน x’mas ปีนี้ หนูคงต้องฉลองเพียงลำพัง ถ้าจะบอกกันตามตรง หนูก็รู้สึกเหงาๆ เหมือนกันนะ แต่หนูก็เข้าใจนะคะว่า เราสองคนอยู่ห่างไกลกันมาก และความห่างไกลนี่แหละ ที่ทำให้หนูเคยรู้สึกกลัว และไม่มั่นใจในตัวคุณ แต่ ณ ตอนนี้หนูมั่นใจในตัวคุณนะคะ และเชื่อในความรักของเรา


ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หนูก็ยังสัมผัสได้ถึงอ้อมกอด และสัมผัสที่แสนอ่อนโยนของคุณได้อย่างแม่นยำ หนูเข้าใจนะคะ ที่หลายๆครั้งคุณอาจมีความรู้สึกน้อยใจ หรือไม่พอใจ กับความซน และกิจกรรมหลายๆอย่างของหนู ซึ่งคุณทราบดีว่า กิจกรรมเหล่านั้น อาจทำให้หนูยุ่งเสียจนไม่มีเวลาพักผ่อน หนูเข้าใจ และดีใจมากนะคะ สำหรับความห่วงใยของคุณ (หนูจะพยายามดูแลตัวเอง เพื่อคุณ และเพื่ออนาคตของเรานะคะ)


คุณจะรู้หรือไม่นะ? เวลาที่หนูทุกข์ใจ หรือเหงาใจ หนูก็จะเปิดรูปที่คุณส่งมาให้หนูดู ดูย้อนไปย้อนมา พลางมีรอยยิ้มอยู่ที่แก้ม หนูเฝ้าอธิษฐาน และเฝ้ารอว่า อีกไม่นาน เราคงจะได้เจอหน้ากัน เราจะได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอีกครั้งนึง


หนูรู้สึกไม่สนุกเลย ที่ต้องทานข้าวเพียงลำพัง เดินห้างเพียงลำพัง หรือแม้กระทั่งนอนบนเตียงเพียงลำพัง แต่อีกไม่นานใช่ไหมคะ ที่เราจะได้เจอกันอีกครั้ง


ความห่างไกลทำอะไรความรักของเราไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ดี เราควรมาอยู่ด้วยกันดีกว่า


คนดีคะ หนูไม่ใช่คนที่ประเสริฐ เลิศเลอ อะไร แต่หนูสัญญานะคะ ว่าจะรักคุณ และดูแลคุณให้ดีที่สุด


เด็กดื้อของคุณ






วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทริปเกาะช้าง

ห่างหายจากการเขียนไดอารี่ไปตั้งหลายวัน เนื่องจากช่วงนี้เรายุ่งๆ และมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในชีวิตมากมาย เริ่มจากเราได้เดินทางกลับไปในสถานที่ ที่คุ้นเคย และเคยไปพำนักอยู่นานหลายต่อหลายเดือน นั่นคือ "เกาะช้าง" แต่การกลับไปคราวนี้ เราไม่ได้กลับไปเพื่อใช้ชีวิตอยู่ยาว เราเพียงแค่ "แวะไปทักทาย" สถานที่ ที่สร้างประสบการณ์ให้กับชีวิตของเราเท่านั้น ทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถตู้ (ที่ไม่รู้ว่า คนขับจะทำเวลาไปเพื่อ? จนทำให้การเดินทางบนถนนที่ราบเรียบ ได้กลายเป็นการผจญภัยที่สุดเหวี่ยง) หรืออาจเป็นการต้องรอนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก (ที่ดูเหมือนการรอเป็นชั่วโมงนั้น ไม่ว่าหน้า high season or low season ก็แทบไม่แตกต่าง) แต่ที่ดูจะเปลี่ยนไปก็คือ ความใสของน้ำทะเล และคลื่นลมที่ราบเรียบ (ต่างจากช่วงทะเลเกิด) ทำให้เราได้มองดูทะเลนิ่งๆ ที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างได้อย่างแท้จริง


การเดินทางไปในครั้งนี้ เราได้ไปร่วมกิจกรรมที่เราไม่เคยได้ทำเลย ตลอด 6 เดือนเต็มที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น นั่นคือ "การดำน้ำ" (เนื่องจากช่วงที่เราไปนั้น เป็นช่วงมรสุม น้ำทะเลไม่ใสซักเท่าไหร่นัก) พี่ที่เกาะช้าง จัดทริป ดำน้ำ 4 เกาะ คือ เกาะโล้น เกาะรัง เกาะทองหลาง และเกาะหวาย (หรือฮาวายเมืองไทย) และเป็นครั้งแรกที่เราได้ดำน้ำในทะเล ต้องยอมรับเลยว่า "เราทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว แต่ในเมื่อคนอื่นทำได้ reveal ก็ can do คะ"


ต้องบอกเลยว่า แต่ละเกาะนั้นมีเสน่ห์ส่วนตัว เกาะโล้นมีปะการังที่สวยงาม แม้ว่า การที่จะว่ายไปรอบๆเกาะนั้น จะเล่นเอาเราเหนื่อยจนไม่อยากจะคิดเลยว่า อีก 3เกาะที่เหลือนั้น จะม่ีแรงดำไหวไหม


เกาะรัง น้ำใสมาก จนทำให้เราเห็นพื้นทรายที่ขาวละเอียด (สวยกว่าทรายที่หาดทรายขาว) เราลงไปว่ายน้ำเล่นสักพัก เรียกได้ว่า "คลายกล้ามเนื้อได้อย่างดี"


เกาะทองหลาง เกาะที่เขาว่า ปะการังสวย และสมบูรณ์ที่สุด และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่นั่น เราดำลงไปเห็นความลึกของทะเล ที่ลึกมากๆ มองเห็น เม่นทะเล ปลิงทะเล และปะการังเขากวางที่ยังสมบูรณ์ที่สุด และขณะที่เราดำน้ำอยู่นั้น ก็มีปลาลายเสือ นับร้อย ว่ายไปพร้อมๆกับเรา (บรรยากาศช่วงนั้น ทำให้เราได้ตระหนักเลยว่า ชีวิตภายใต้ผิวน้ำนั้นสวยสดงดงามเพียงไหน)


เกาะหวาย หรือ ฮาวายเมืองไทย เป็นเกาะที่มีหาดทรายที่สวยงาม เหมาะกับการเล่นน้ำทะเล หากใครที่เคยไปเกาะล้าน เราขอบอกว่า เกาะหวายนี้ น้ำสวยและใสกว่ามากๆๆๆๆๆ


และสุดท้าย เราก็กลับมายัง "เกาะช้าง" ทริปวันนั้น เราได้ครบทุกรสชาติ ไม่ว่า กลัว สนุก หัวเราะ และร้อนมากมาย


หากเพื่อนๆคนไหน ที่รู้สึกเครียดกับการทำงาน เหนื่อยกับสภาพแวดล้อมรอบตัว หากเวลาพักผ่อนหัวใจ และสมองบ้าง และคุณจะค้นพบว่า "จริงๆ แล้ว ชีวิตของคุณนั้น ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากไปกว่า "การอยู่นิ่งๆ นั่งฟังเสียงตัวเองบ้าง"


ช่วงนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้? ดูเหมือนคนรอบตัวเรา จะอยู่ใน ภวังค์แห่งความเหงา ย่ิ่งเข้าใกล้เทศกาลแห่งความสุขเท่าไหร่? พวกเขายิ่งอาการกำเริบอย่างหนัก


เราอยู่บนโลกใบนี้ ก็เกือบจะ 30 ปีแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า "เราก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึงเท่านั้น ที่มี อารมณ์ ความต้องการ เหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไป และมีหลายๆครั้งในช่วงชีวิตของเรา ที่เราก็ยังคง "เฝ้าค้นหา" ความรักเช่นกัน แต่จะ "วิ่ง หรือ กระตือรือร้น" แค่ไหน? ก็ขึ้นอยู่กับช่วงวัย หรือช่วงความเหงาของชีวิต


มีคนเคยบอกว่า "หากเราวิ่งตามหาความรักมากจนเกินไป ความรักก็จะวิ่งหนีเราไปไกลแสนไกล" (อาจจะจริง เพราะเมื่อไรก็ตาม เราวิ่งตามหา เรามักเจอแต่ความว่างเปล่า)


หรือ "เราจะไม่มีวันเข้าใจ ในสิ่งที่คนอื่นเขาพร่ำพรรณนาถึงความรัก และไม่มีวันรู้ล่วงหน้าด้วยว่า "ใคร หรือคนแบบไหน?” คือคนที่ใช่ เพราะเมื่อเราได้เจอคนๆนั้นแล้ว เราจะรับรู้ด้วยสาย และสัมผัสได้ด้วยหัวใจเองว่า "เขาคือคนที่ใช่!”


นี่แหละนะความรัก ยิ่งหายิ่งไม่เจอ พออยู่นิ่งๆ วิ่งเข้ามาเป็นสิบ เลือกแทบไม่ถูก



ถึง ตัว T ที่รักของหนู


หนูเคยเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอด (ในช่วงแรกๆ) ว่า คุณคือคนที่ใช่หรือเปล่า? คุณคือคนๆนั้นไหม? คำถามนี้ ดูเหมือนจะวิ่งอยู่ไปวิ่งมาอยู่ในหัวอยู่เกือบตลอดเวลา แต่เมื่อหนูนั่งนิ่งๆ ค่อยๆคิด หนูก็พลันพบคำตอบ นั่นคือ "คุณคือคนๆนั้น" ที่หนูเฝ้าหามาตลอด


เราได้มีเวลาแห่งความสุขด้วยกัน ไม่ว่าจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปด้วยกัน นั่งรถยนตร์ไปด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน หนูทานฝีมือทำอาหารของคุณ และคุณทำฝีมือทำอาหารของหนู


เราได้มีเวลาแห่งอุปสรรคด้วยกัน ไม่ว่าจะทุกข์ใจเพราะปัญหาด้วยกัน ก้าวข้ามผ่านปัญหาด้วยกัน


เรียกได้ว่า "ความรักของเราสองคน" มีครบทุกรส และทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะมีความสุขหรือความทุกข์ เราจะ "ผลัดกันเป็นฝ่ายร้อน และเย็น" คือเราสองคนจะไม่ "อารมณ์ร้อนพร้อมๆกัน" แต่ถ้าคนนึงร้อน อีกคนก็พร้อมที่จะเย็น เพื่อสร้าง "ความสมดุล" ให้กับชีวิต หนูอยากจะขอบคุณ คุณเหลือเกิน ที่ได้เดินเข้ามาเติมเต็มให้กับหนูในวันนี้


สัญญานะคะ ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป


Always yours,


Reveal





วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

My Diary

ไดอารี่ฉบับพิเศษ ถึง ตัว T ที่รักของหนู

สิ่งที่หนูกำลังจะถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือนี้ อาจมีบางส่วน ที่หนูไม่ได้แสดงออกให้คุณได้รับรู้ (บางทีเมื่อคุณอ่านแล้ว คุณอาจจะรับรู้ได้บ้างก็ได้)

ที่ผ่านมา หนูเข้าใจ และรับรู้ได้เลยว่า “คุณอาจจะหงุดหงิดในความซน หรือความดื้อของหนู หนูเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง ที่อาจมีบางช่วงเวลาที่ “จิตตก และอ่อนแอ” หลายๆครั้ง หนูอาจดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล และมีความเป็นผู้ใหญ่สูง แต่ก็ไม่ใช่ตลอดเวลา ดังนั้น ก่อนที่คุณจะคิดที่จะโกรธ หรือไม่พอใจหนู หนูอยากให้คุณตระหนักถึงประโยคนึงว่า “คนรักที่ซน ดื้อ คือคนรักที่ฉลาด” ในเมื่อคุณเลือกที่จะรักหนูเพราะหนูฉลาด คุณก็ต้องจำเป็นอย่างมากที่จะยอมรับความเป็นตัวหนูได้” (นี่ไม่ใช่การบังคับนะคะ แต่เป็นการขอร้องขอความเข้าใจนะคะคนดี)

ในทุกๆวินาที ที่หนูได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆคุณ นอนร่วมเตียงเดียวกับคุณ ตื่นมาตอนเช้าพบว่าคุณนอนอยู่ข้างกาย ทานข้าวพร้อมๆกับคุณ ดูหนังด้วยกัน หรือเราเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกัน เข้าโบสถ์ด้วยกัน ช่างเป็นช่วงเวลาที่หนูมีความสุข และมีรอยยิ้ม ช่วงเวลาเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำว่า “คุณคือคนๆนั้น คนที่ใช่ ตลอดไปสำหรับหนู”

คุณอาจไม่เข้าใจว่า “ทำไม เวลาอยู่ด้วยกัน หนูต้องส่ง SMS หาคุณ ด้วย” คำตอบก็คือ “หนูอยากจะแสดงออกความรู้สึกหนู ในทุกๆวิธีของการสื่อสาร หนูอยากจะบอกให้คุณได้รับรู้ความในใจ และอารมณ์ในช่วงต่างๆนั้น”

คนดีคะ อย่างที่หนูเคยบอกกับคุณ หนูอาจไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่หนูก็จะพยายามเป็นคนรักที่ดีกับคุณให้ได้หนูสัญญานะคะ

ปีนี้ในวัน X’mas Eve หนูคงต้องอยู่ฉลองเพียงลำพัง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไปร้องเพลงที่โบสถ์เข้ามิสซาแล้วหนูก็จะรีบกลับบ้าน ไม่ไปเถลไถลเด็ดขาด แล้วสิ้นปีเราเจอกันนะคะ หนูอยากจะ count down ร่วมกับคุณ อยากจับมือคุณเอาไว้ แล้วยืนมองพลุด้วยกัน (หนูหวังว่า ความฝันเล็กๆนี้คงจะเป็นความจริงใช่ไหมคะ?)

หนูรักคุณนะคะ

In you, will I trust.




วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันพ่อ

วันนี้ วันที่ 5 ธันวาคม ตรงกับวันพ่อแห่งชาติ และวันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่บางคนที่ไม่เคยบอกรัก "พ่อ" อาจจะมีโอกาสได้ใช้ความสำคัญนี้ บอกรักพ่ออย่างไม่เขินอาย
โดยปกติ เราจะเป็นคนไม่ค่อยกอด หรือบอกรักพ่อมากนัก ก็อย่างที่รู้ๆกัน เราอ่ะตัวซนประจำบ้าน พ่อชอบบอกเราบ่อยๆว่า "เราดิ้อเงียบ ดื้อตาใส เข้าใจทุกอย่าง แต่ไม่เลือกที่จะทำ ชอบดื้อแพ่ง และทำหน้ามึน"
แต่เมื่อเช้านี้ ลูกคนนี้ ได้กอดพ่อหน้าบ้าน และบอกรักพ่อ ก่อนที่วันนี้ เราตั้งใจไว้ว่า จะไปทำบุญโรงศพที่หัวลำโพง สำหรับของขวัญวันพ่อนั้น คงไม่มีอะไรมีค่าไปกว่า "การบังคับตนเอง ไม่ให้ดื้อให้ซน และทำให้ท่านกังวลใจ"
อย่างที่เราเกริ่นไว้เมื่อวานว่า "ความเป็นพ่อนั้น ใช่ว่า ผู้ชายทุกคนจะมีอยู่ในสายเลือด หรือเป็นกรรมพันธุ์ สืบทอดกันมา" แต่สิ่งที่กระตุ้นจิตสำนึกนี้ได้นั้น ก็คือ "ความเป็นพ่อ ที่ออกมาจากหัวใจ"
คงสะท้อนให้เห็นได้ชัดจาก "ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ลงว่า พ่อข่มขืนลูกตัวเอง พ่อฆ่าลูกตัวเอง พ่อทำร้ายลูกตัวเอง ฯลฯ" ข่าวความรุนแรงที่เกิดจากผู้เป็น "พ่อ" นั้น ก็ค่อนข้างมีออกมาให้เห็นบ่อยๆในสังคม ถ้ามาวิเคราะห์กันดีๆ เพราะเหตุใดนะ "พ่อ" เหล่านั้น ถึงได้กระทำเช่นนั้นกับลูกในสายเลือด (หากทำกับมนุษย์คนอื่น ก็คงไม่สะท้อนใจเท่านี้) เรามั่นใจเลยว่า เหตุผลหลักที่เขากระทำเช่นนี้ เนื่องจาก ขาดจิตสำนึก "ความเป็นพ่อ" (จิตสำนึกนี้ ไม่ได้ติดตัวผู้ชายตั้งแต่เกิดมา ไม่ใฃ่ว่าทุกคนต้องมี และจิตสำนึกนี้ จะเติบโต และถูกกระตุ้น เมื่อเขามีหัวใจแห่งความเป็น "พ่อ" ผู้ซึ่งเสียสละ รัก และมีจุดหมายเมื่อได้ให้กำเนิดชีวิตเล็กๆอีกชีวิตนึง)
เราค่อนข้างจะโชคดี ตรงที่พ่อของเรานั้น เป็นคนที่มีจิตสำนึกของความเป็นพ่อค่อนข้างสูง แต่อาจจะแสดงออกได้ไม่เก่งเท่าไหร่นัก เราประทับใจในตัวท่านมาก
ณ เวลานี้ ตอนนี้ วันนี้ คงไม่มี "ตัวอักษรใดๆ คำพูดใดๆ ที่จะสื่อถึง ความรู้สึกขอบคุณ ซาบซึ้ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจากใจเรา (ซึ่งเป็นลูก) ได้ดีเท่ากับ รอยยิ้ม และแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ที่อยากจะจ้องมอง "ชายชรา" ที่เปรียบเสมือน "อัครเทวดา" (เทวดาประจำตัว) ที่คอยคุ้มครอง ปกป้อง และเฝ้ามองเราด้วยความรัก ความให้อภัย และความเสียสละ เสมอมา"
พ่อคะ ถ้าอยากรู้ว่าหนูรู้สึกยังไงกับสิ่งที่พ่อทำมาตลอดทั้งชีวิตเพื่อหนูนั้น พ่อต้องนั่งนิ่งๆ มองตาหนู และพ่อจะเข้าใจว่า หัวใจดวงน้อยๆนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเพียงใด เมื่อมีสองมือของพ่อนั้นคอยพยุงอยู่ตลอดเวลา
แค่เพียง "รัก" คงไม่เพียงพอที่จะอธิบาย
ลูกแสนดื้อของพ่อ

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Father's Eve

ณ ตอนนี้ที่กรุงเทพ อากาศร้อนมากมาย อุณหภูมิในหัวใจก็ร้อนนิดหน่อยด้วย ชีวิตช่วงนี้ มีอะไรที่อยากจะทำมากมาย ไม่ว่าจะไปว่ายน้ำ เล่นโยคะ ฯลฯ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และโอกาสไม่อำนวย จึงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ดูจะ "แน่นเอี๊ยด" ไปทั้งหมด
ก็เป็นที่รู้ๆกัน (สำหรับคนที่สนิทกับเรา) ว่า "เราจะค่อนข้างตื่นเต้นกับเดือนธันวาคม และเทศกาล Christmas" อย่างมาก เดือนนี้จึงมีอะไรหลายๆอย่างที่เราอยากทำ และอยากเคลียร์ให้จบก่อนปีใหม่ที่จะมาถึง
พรุ่งนี้ก็จะถึง "วันพ่อ" แล้ว ถ้าจะให้บอกตามตรง เราต้องขอบคุณพระเจ้า เนื่องจากเราค่อนข้างที่จะโชคดี ที่ยังมี "คุณพ่อ และคุณแม่" อยู่ทั้ง 2 คน และทั้งคู่ก็ยังอยู่ด้วยกัน
หากดูภายนอกคุณพ่อของเราอาจเป็นคนที่หน้าดุ (จริงๆก็ดุด้วย) แต่ท่านเป็นบุคคลที่มี "ความเป็นพ่อ" สูงมาก (ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนที่เกิดมา มีชีวิต และมีลูกจะรู้จักความเป็น "พ่อ" เสียทุกคน) เพราะ "ความเป็นพ่อ นี้ ต้องอาศัยความรับผิดชอบ ความเสียสละอย่างสูง
และใช่ว่า คนที่เป็นพ่อทุกคนจะสามารถเลี้ยงลูกได้ดี (การเลี้ยงลูกให้ได้ดีนั้น ไม่ได้วัดจากการประสบความสำเร็จในชีวิตของลูก) และความเป็นพ่อนั้น ก็ไม่ได้วัดจากความรับผิดชอบ และส่งเสียเลี้ยงดูด้วย
(เอาไว้พรุ่งนี้ เราจะมาเขียนอธิบายให้อ่านกันอีกทีนะคะ)
ถึงตัว T ที่รักของหนู
ขอบคุณนะคะสำหรับเพลง this I promise you เมื่อวาน หนูฟังเพลงนี้ (โดยเฉพาะจากคุณด้วยแล้ว )รู้สึกว่ามีกำลังใจมากมายที่จะก้าวต่อไป ฃ่วงเวลาที่เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันนั้น มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน จนหลายๆครั้ง หนูเฝ้าถามเบื้องบนว่า "เมื่อไหร่นะ? จะถึงเวลาของเรา เวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป มีกันตลอดไป ดูแลกันและกันตลอดไป" เสียที
หากถึงเวลานั้น หนูมั่นใจว่า ชีวิตของหนูคงจะมีความสุขแน่นอน หนูเฝ้ารอคอย และนับวันนั้น อย่างใจจดใจจ่อนะคะ รอวันที่เราจะมีกันและกันอีกครั้ง ดังนั้น ณ ตอนนี้ หนูก็ยังมีโอกาส ซน เที่ยวเล่น และดื้อไปเรื่อยๆได้ใช่ไหมคะ?
เอาไว้คุณพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยจับหนูใส่กรอบที่คุณสร้างไว้นะคะ (กรอบที่หนูเฃื่อมั่นได้เลยว่า ความรักของคุณจะไม่จำกัดอิสระหนู อาจเพียงแค่ ขีดเส้นให้หนูเชื่อฟังคุณมากขึ้น ถึงแม้หนูจะเป็นเด็กดื้อ เด็กซน และงอแง แต่หนูก็มั่นใจคะว่า "ความรักในวัยของหนูนะ จะเติมเต็มคุณได้อย่างแน่นอน"
In You, will I trust.
ReVeaL
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สมองหรือหัวใจที่สั่งการ

อรุณสวัสดิ์คะ หลังจากที่เมื่อคืนเริ่มหงุดหงิด กับความยาวของผมตัวเอง (ที่ดูจะยาวเกินไป) ณ เวลานั้น อยากจะหาร้านตัดผม เพื่อหั่นผมออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อเหลือบมองนาฬิกา สามทุ่ม แล้ว คงไม่มีร้านไหนเปิด และอีกอย่างเมื่อวานเป็นวันพุธด้วย เราจึงต้องสระผม เป่าผม และนอนรอจนถึงเช้าวันนี้ เราตื่นแต่เช้า เพื่อไปที่ร้านตัดผม และสุดท้ายก็ได้ตัดผมสมใจอยาก มีคนถามว่า รอให้กลับ กทม. ก่อนไม่ได้หรือ ค่อยไปตัด จะแน่ใจได้ไงว่าภูเก็ตตัดผมได้สวยกว่า กทม. คำถามนี้ทำให้คิดอยู่ครู่ใหญ่ แต่คิดอีกที ไม่เป็นไร เพราะโดยส่วนตัว เราก็เคยเรียนเสริมสวย และเชี่ยวชาญในการตัดผม (ให้คนอื่น) อยู่แล้ว ยังไงคงไม่มีอะไรผิดพลาด


และทุกอย่างก็ออกมาแบบไม่เป็นไปตามคาด เนื่องจาก ช่างตัดผมที่นี่ ตัดผมเก่งมาก เรียกได้ว่า เพชรในภูเก็ตจริงๆ (ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกตัดที่นี่ ถึงแม้ สนนราคาจะแพงกว่าที่ กทม. เพราะที่นี่ตัดซอย 280 บาท)


มีหลายๆคน เคยพยายามตั้งคำถามเกี่ยวกับ "ความรัก" บางคนตั้ง "คำถาม" มากมาย และดูจริงจังกับ "คำตอบ" เหล่านั้นด้วย สำหรับ "ฉัน" ก็เคยเป็นเช่นนั้นเช่นกัน ในวัยเด็ก ฉันเฝ้าที่จะค้นหา "ความหมายของคำว่ารัก" และ "เพื่อค้นหา" ทำให้ฉันต้องเดินทาง ต้องคาดหวัง และต้องผิดหวังเสมอ


ความรักท่ี่ไม่ต้องการ การตอบแทน คืออะไรนะ?” (แล้วเราจะไม่มีโอกาสได้รับความสุขนั้นกลับเลยหรือ? อะไรชีวิตจะอาภัพเช่นนั้น)


ความรักที่ไม่จำเป็นต้องครอบครอง คืออะไรนะ?” (แล้วไม่ครอบครอง ได้เป็นเจ้าของ และจะรู้ได้ไงว่าคือความรัก)


ความรักที่ไม่ต้องเดินหา แต่สักวันจะมาเคาะที่ประตูหัวใจของคุณ" (มีจริงหรือ? ทำไมฉันไม่เห็นเคยเจอ)


ความรักที่ไม่มีวันลดน้อยลง มีแต่เพิ่มขึ้นในทุกๆวัน" (ความรักไม่เหนื่อย ไม่ท้อหรือ? ถึงไม่หยุดพัก)


ความรักที่มีแต่คำว่า "อภัย" และ "ให้โอกาส" คนที่เรารักเสมอ" (ให้อภัย ให้โอกาส เพื่อให้เขามาทำร้ายหัวใจเราอย่างไม่หยุดไม่หย่อน งั้นหรือ? เจ็บครั้งเดียวไม่เพียงพอหรือ?)


ความรักที่ต้องเฝ้าคอยอย่างอดทน และมั่นคง" (กว่าจะหาคนๆนั้นได้ตั้งนาน ต้องมา "รอคอย" อีก แล้วชาตินี้ จะตายก่อนไหมนะ? กว่าจะได้รัก)


ความรักที่ไม่มีคำพูด หรือประโยคที่สวยหรูใดๆมาอธิบาย มีเพียงแค่การกระทำ" (แล้วควรทำไง? เขาถึงจะเข้าใจว่า เรารักเขามากแค่ไหน? ตายแทนเขาได้เลยดีไหม?)


หัวใจเราจะรู้ได้เอง เมื่อเรารักใครสักคน" (แล้วหัวใจของเราเนี่ย มีกฏ และเงื่อนไขอะไรล่ะ? ทำไมคนที่เขารักเรา ทำดีกับเรา ทำไมเราไม่รัก? ไปรักคนที่เขาไม่เห็นจะสนใจเราสักนิด และต้องรักคนนั้นแบบรุนแรงด้วยนะ เพราะอะไร?)


และอีกมากมาย หลากหลายคำถามในเหตุผล ซึ่งหลายต่อหลายครั้ง "มนุษย์เรา ก็มีเหตุผลมาโต้แย้งได้เสมอ" (และจะถามไปเพื่อ?)


มีคนเคยบอกว่า "คนที่มีความรัก เหมือนคนโง่ คนตาบอด ที่ ณ ช่วงเวลานั้น หัวใจทำงานแทนสมอง" (สมองเสื่อมชั่วคราว)


แต่ไม่ว่า ด้วยเหตุผลใด? ด้วยความรู้สึกใด? ด้วยบรรทัดฐานใด? ที่เป็นตัวกำหนดว่า คนๆนี้ คือคนที่เราควรรัก คนที่เราควรใช้ชีวิตอยู่ด้วย หรือเขาคือ คนๆนั้น แต่การเดินตามเสียงเรียกร้องของหัวใจสักครั้งในชีวิต คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ใช่ไหมคะ?

ถึงตัว T ที่รักของหนู


ฉันล้มตัวลงนอนเคียงข้างคุณ ขณะที่คุณกำลังนอนหลับอยู่ภายใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น คุณคงกำลังนอนอย่างมีความสุข คุณเคยบอกฉันว่า "เวลาที่คุณชอบ หรือรักฉันที่สุด ก็เวลาที่ฉันนอนหลับ เพราะ เด็กผู้หญิงที่แสนน่ารักคนนั้น (ที่อยู่ภายตัวฉัน) จะเดินออกมาทักทายคุณช่วงเวลานั้น" คุณชอบมองดูฉันหลับตาลง ภายใต้อ้อมแขนอันอบอุ่นของคุณ แต่ก่อนฉันไม่เคยเข้าใจว่า "ทำไม?” อาจแค่สงสัยว่า "ความรัก สามารถเปล่งประกายได้แม้ในยามหลับด้วยหรือ?” แต่ก็นั่นแหละ เพราะฉันมักจะหลับก่อนคุณเสมอ จึงไม่เข้าใจความหมายนี้สักเท่าไหร่


แต่ ณ ค่ำคืนนี้ ฉันยังไม่ง่วง แต่คุณขอตัวพักสายตา นอนหลับไปก่อน และนี่คือ ช่วงเวลาที่ดี ที่ทำให้ฉันได้เข้าใจ ความรักในอีกมุมมองนึง นั่นคือ การมองดูคนรักนอนหลับอย่างมีความสุข เพราะในยามหลับ ปัญหา อารมณ์ที่ตกค้าง สิ่งเร้ารอบข้าง หรือสิ่งต่างๆในเชิงลบ ก็ไม่สามารถทำร้ายเราได้ คุณคงเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมประจำวัน


โถ่ คนดีคะ หากแม้ว่า ทุกสิ่งในโลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ขอได้ไหม ให้ฉันได้นั่งมองคุณตรงนี้ ตรงที่คุณมีความสุขในการพักผ่อน อยู่ภายใต้การเฝ้ามองอย่างอ่อนโยนจากฉัน คุณจะรู้ไหมนะว่า ฉันจ้องมองคุณอยู่ และหวังเล็กๆว่า จะไปนอนอยู่ในอ้อมกอดคุณอีกครั้ง อ้อมกอดที่แสนจะปลอดภัยและอบอุ่น ตอนคุณโอบกอดฉัน คุณทำให้ฉันกลายเป็นนางฟ้าที่ได้รับการปกป้องการเทวดา เทวดาผู้แสนดี ดูแล และอยู่เคียงข้างฉันเสมอ และเทวดาตัวดีของฉันตอนนี้ก็อยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่น"


รักคุณในทุกๆวัน


ReVeaL


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ภูเก็ตฝนตก

ณ ตอนนี้เรายังคงอยู่ที่ภูเก็ต สองสามวันมานี้ อากาศที่ภูเก็ตเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวก็ร้อนจนผิวแทบไหม้ เดี๋ยวฝนก็ตกมาแบบเปียกปอน (เราก็เปียก) ขณะที่เรากำลังพิมพ์อยู่นี้ ฝนก็ตกเทกระหน่ำมาอย่างไม่ขาดสาย การมาในครั้งนี้ เรียกได้ว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ความรู้สึก และความประทับใจต่างๆ ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เพื่อนๆเป็นเช่นไรกันบ้างคะ ใกล้เทศกาลคริสต์มาสแล้ว เตรียมของขวัญให้คนพิเศษหรือยัง?

แค่แวะมาทักทายนะคะ เมื่อเรากลับไป กทม.​เราคงจะได้เขียนระบายอะไรได้มากกว่านี้

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนหัวหมอ

ในช่วงหลายๆวันนี้ เราได้เข้าไปพบเห็นเหตุการณ์หลายๆเรื่อง จาก "คนหัวหมอ หรือคนที่คิดว่า ตัวเองรู้กฏหมายอย่างดี (กว่าชาวบ้านคนอื่นๆเขา)" แสดงอำนาจ และสิทธิพิเศษมากมาย โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยรู้เลยว่า อาจมีคนรอบข้างที่เห็นพฤติกรรม (ที่เขาคิดว่าดี ว่าแน่นั้น) รู้สึกแย่แค่ไหน


เรื่องแรกเกิดขึ้น ตอนที่เราไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เราได้พบ พ่อเลี้ยง กับแม่แท้ๆ ได้มาแจ้งความจับ ลูกชาย เนื่องจาก ไม่เชื่อฟัง มีการโต้เถียงกันอย่างหนัก จนพ่อเลี้ยงตบหน้าลูกชายฉากใหญ่ หลังจากพ่อเลี้ยงตบหน้าแล้ว ลูกชายคนนั้นได้ขึ้นไปหยิบมีดด้ามยาวเท่าช่วงแขนลงมา (จะด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบ) หรืออะไรไม่ทราบ ทำให้พวกเขาต้องมาที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ตำรวจเป็นผู้ไกล่เกลี่ย (แต่ดูเหมือนคนรับเคราะห์ก็คือ คุณตำรวจ เพราะต้องฟังเรื่องราวจนหูชา เถียงกันไป เถียงกันมาอย่างไม่จบสิ้น)


พ่อเลี้ยงต้องการให้ลูกชายขอโทษ และต้องนอนในคุก รวมถึงลงบันทึกประจำวันว่า ถ้าเขาเป็นอะไรไป ให้ออกหมายจับลูกชายได้เลย ตำรวจได้แต่ลำบากใจ เพราะคดีนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ทำไมไม่ไปตกลงกันที่บ้าน แต่ด้วยความที่พ่อเลี้ยงคนนี้เป็นทนาย รู้เรื่องเยอะ จึงสอนให้ตำรวจจับลูกชายข้อหา มีอาวุธมีดยาวไว้ในครอบครอง และอาฆาตมาดร้ายให้ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย และพวกเขาก็เถียงกันต่อไปอย่างไม่รู้จะมีจุดสิ้นสุดตรงไหน เราได้แต่สงสารคุณตำรวจ และประชาชนคนอื่นๆ ที่รอเสียค่าปรับใบสั่ง รอแจ้งเอกสารหาย ฯลฯ


เรื่องที่สอง เกิดขึ้นเมื่อวาน เราไปจ่ายค่าโทรศัพท์ที่ ทรูมูฟช๊อป ระหว่างที่เราปรึกษาเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับ high speed internet ที่บ้านนั้น ก็มีผู้หญิงและผู้ชายคู่หนึ่งเดินมา ผู้หญิงได้มาโวยวายลั่นบริเวณนั้น ต่อว่าพนักงานเรื่องที่ไม่ยอมให้ตัดค่าบริการรายเดือนจากบัตรเครดิต (ซึ่งเป็นบัตรของคนอื่น) เจ้าหน้าที่พยายามอธิบายแล้วว่า "เอกสารที่คุณเตรียมมาไม่ครบ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเจ้าของหมายเลขมือถือ แต่คุณให้ตัดเงินในบัตรเครดิตของอีกคน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ที่เจ้าของบัตรเครดิจต้องแสดงความยินยอม หากคุณนำเพียงสำเนาบัตรเครดิตมาโดยไม่มีลายเซ็นต์ ถึงส่งเอกสารไป ทางบริษัทก็ต้องตีกลับมาอยู่ดี ทางที่ดีคุณควรนำเอกสารกลับไปให้เจ้าของบัตรเครดิตเซ็นให้เรียบร้อย


ผู้หญิงคนนั้นเริ่มโวยวาย และบอกว่า "เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กฏหมาย เรื่องนี้เธอรู้ดี ไม่ต้องให้ใครมาสอน และเธอก็ไม่ได้ขโมยบัตรเครดิต เอกสารแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ อย่ามาเรื่องมากนักเลย......”


พนักงานก็ได้แต่หน้านิ่งๆ (แต่เรามองลึกเข้าไปในแววตาเขา เราก็พออ่านออก คงไม่ใช่ลูกค้าหัวหมอคนแรกที่เธอได้เจอ)


เรื่องที่สาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรณีของเราเอง เมื่อหลายวันก่อนมีคนขับรถมาชนรถเราและหนี เราจำทะเบียนได้อย่างแม่นยำ เมื่อเราไปแจ้งความ และให้เจ้าหน้าที่ติดต่อดำเนินคดีกับเจ้าของรถคันนั้น เจ้าของรถคันนั้น พูดจาไม่ดีมาก ตะคอกใส่ตำรวจ ให้ไปหาหลักฐานมายืนยัน มาเอาผิดเขา ทำให้ตำรวจที่ดูแลคดีเราโกรธมาก ตำรวจจึงเดินหน้าดำเนินคดีแบบไม่ไว้หน้าใคร ไม่ยอมความทั้งสิ้น "เนื่องจากเขาหัวหมอเกินไป ใช้ความรู้ที่ตัวเองมี คิดว่า ตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง กฏหมายไม่สามารถทำอะไรเขาได้"


เราเชื่อว่า "คนหัวหมอ" มีเยอะแยะมากมายในสังคม ที่คิดจะใช้ช่องโหว่ หรือความรู้ทางกฏหมาย หาเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง เอาเปรียบคนอื่นๆในสังคม เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในสังคม (โดยไม่สนว่า จะเหยียบหัวใครขึ้นมา)


การที่คุณเรียนมาสูง รู้เรื่อง "บางเรื่อง" ดี, เชี่ยวชาญใน "บางสิ่ง" อย่างมาก ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณแน่ คุณเก่ง และคุณมีสิทธิที่จะใช้สิ่งเหล่านั้นมาเสริมสร้างอำนาจ บารมีให้กับตัวเอง เราเห็นมาเยอะแล้ว ประเภท ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด ฝากไว้ให้คิดกันด้วยนะคะ


หากเพื่อนๆคนไหน มีพฤติกรรมเช่นนี้ เราอยากให้คุณไตร่ตรองดูให้ดีว่าผลประโยชน์ที่คุณจะเอาเปรียบผู้อื่น มันคุ้มแล้วหรือ กับสิ่งสายตา และบ่นถึงเราหรืออาจจะจดจำความทุเรศของเรา ไปเล่าต่อก็ได้นะ


พรุ่งนี้เราจะเดินทางไป ภูเก็ต อีกแล้ว ไปวันแรกก็มีนัดกับน้องที่นั่นเลยว่าจะไปทาน "หมูกระทะ" กัน


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คู่รัก ที่เราอิจฉา

ห่างหายจากการเขียนไป 2 วัน ช่วงนี้เรายุ่งๆ และกำลังหมกมุ่นอยู่กับการถักไหมพรม ตอนนี้ ถักเสร็จหลายอันแล้ว (เริ่มจะเบื่อนิดหน่อย ต้องรีบทำที่เหลือให้เสร็จ) เวลาที่ถัก เราก็จะเปิดทีวี ดู "หลินปิง" ที่ถ่ายทอด 24 ชั่วโมง ดูความน่ารักของชีวิตเล็กๆ ที่ใสบริสุทธิ์ (สนุกกว่ามาสนใจชีวิตมนุษย์เยอะเลย)


อากาศที่ กทม. ตอนนี้เย็นกำลังสบาย ทำให้วันนี้เรานั่งรถเมล์ไปเดินเล่นมาบุญครอง เราต้องเตรียมตัว เพราะวันพฤหัสนี้ เราต้องเดินทางไปภูเก็ต (ซึ่งไม่มีกำหนดวันกลับ เพราะยังไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเลย)


วันนี้ขณะที่เรารับประทานอาหารเย็น เรายอมรับเลยว่า "เราเหมือนเป็นส่วนเกินในโต๊ะอาหาร" เพราะคุณพ่อ และคุณแม่เรา จะตักกับข้าวให้กัน คุยกันเรื่องต่างๆ แล้วยิ้ม หัวเราะ (โดยเฉพาะเรื่องเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่พ่อ และแม่เราชอบไปเล่นด้วย ก็พอเข้าใจนะคะ ว่าพ่อ และแม่เราอยากจะได้หลาน แต่ดูเหมือนว่า พวกท่านคงไม่ได้อุ้มหลานในสายเลือดแน่นอน) เราได้แต่นั่งทานนิ่งๆ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะ "แทรก" การสนทนายังไง? เพราะดูเหมือน เราคงไม่รู้เรื่องที่พวกท่านพูดกัน และพวกท่าน


ต้องยอมรับว่า เรา "อิจฉา" คุณพ่อ และคุณแม่เรามากๆ คุณพ่อเราเป็นคนต่างจังหวัดธรรมดา ไม่มีฐานะ สมัยเด็กต้องอาศัยอยู่ที่วัด เพราะคุณตา และคุณยาย ไม่มีปัญหาที่จะส่งเสีย และ ณ ที่นั้น ก็ได้หล่อหลอมความเป็นคุณพ่อ ให้ปรากฏ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต การมองชีวิต ฯลฯ


ส่วนคุณแม่ เป็นผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนู พี่น้องคุณแม่ทุกคน จะมีพี่เลี้ยงประจำตัว ตั้งแต่แรกเกิด ชีวิตคุณแม่ ไม่เคยลำบาก ไม่เคยต้องทำงานหนัก ไม่เคยที่จะเหน็ดเหนื่อยเลย คุณแม่ประสบความสำเร็จมาตลอดทั้งชีิวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน และเรื่องความรัก มีคนมาจีบคุณแม่มากมาย (ตอนนั้นคุณแม่เราเป็นแอร์ฯ) แต่คุณแม่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานต่อไป


จนอายุได้ 32 เมื่อคุณแม่ได้มาเจอคุณพ่อ ชายผู้ธรรมดาคนนึง ทำงานอย่างบ้าคลั่ง ใช้ชีวิตอย่างประหยัด เก็บเงินเก่งยิ่งกว่าสิ่งใดๆ แม่รู้สึกประทับใจพ่อตั้งแต่แรกพบ เพราะเขาไม่เคยที่จะพูดจา หรือแสดงท่าทางจีบแม่เลยสักครั้ง และในที่สุด ไม่ว่าด้วยโชคชะตา หรืออะไรก็ตาม ก็ดลบันดาลให้ คนที่ต่างกันแบบสุดขั้วทั้งสอง ได้มารัก และแต่งงานกัน ท่ามกลางความไม่เห็นด้วย ของญาติพี่น้องฝั่งแม่ และเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "ทั้งคู่ เกิดมาเป็นคู่แท้ของกันและกันอย่างแท้จริง"


ตั้งแต่เราจำเรื่องราวได้ เราก็พบว่า แม่ ผู้หญิงที่จะกระทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้พ่อ ชายคนรัก มีความสุขที่สุด


แม่จะทำกับข้าวในทุกๆเย็น ให้คุณพ่อทาน (หากวันไหนพ่อไม่ทานข้าว เราและน้องสาวก็ต้อง "อด" ด้วย เพราะแม่จะไม่ทำอาหารวันนั้น ต้องหาทานเอง) แม่ให้เหตุผลว่า "แม่ขี้เกียจทำกับข้าว"


แม่จะรอคุณพ่อทานข้าวเสมอ ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน (เราและน้องสาวก็ต้องรอด้วย) แม่ชอบพูดว่า "ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด คือเราได้ทานข้าวร่วมกับคนที่เรารัก"


แม่จะคอยหาข้าวเที่ยงให้พ่อทานอยู่เสมอ คอยสังเกตุว่า พ่อทานข้าวหรือยัง? (แม้แต่วันที่แม่ไม่สบาย แม่ก็ยังเต็มใจ ออกไปหาข้าวให้พ่อทาน)


แม่จะยอมออกไปซื้ออาหารบางประเภท ที่แม่ไม่ชอบ เพียงแค่พ่อชอบ (เหตุผลก็เพียงพอแล้ว ที่จะฝืนใจตัวเอง) ดังนั้น ถ้าช่วงไหนพ่อชอบทานอะไร แม่จะซื้อมาติดบ้านไว้ตลอด


พ่อจะสังเกตุว่า แม่ชอบทานอะไร พ่อจะยอมเสียสละสิ่งที่พ่อชอบมาก เพียงเพื่อให้แม่ได้ทานจนอิ่มเสียก่อน (เวลาทานข้าว ถ้าพ่อเห็น แม่ตักอาหารใดเป็นจานแรก พ่อจะไม่แตะ จนกว่า แม่จะรวบช้อน เพราะพ่อคิดว่า นั่นคืออาหารที่แม่อยากทานที่สุด)


พ่อจะสร้าง และทำทุกอย่าง เพื่อให้แม่อยู่บ้านอย่างมีความสุข (ไม่ว่าจะเป็นทำความสะอาดบ้าน ต่อตู้ โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์)


พ่อจะโทรหาแม่เสมอ หากสังเกตุว่า แม่หายไปไหนเป็นเวลานานๆ


พ่อจะจำได้เสมอว่า "แม่ชอบทานอะไร ไม่ชอบทานอะไร"


พ่อและแม่เราจะโทรคุยกันวันละหลายๆรอบ ถามไถ่ว่าอยู่ไหน? (แหม น่าอิจฉาจัง)


หากพ่อสังเกตุว่าแม่ "ไอ" พ่อจะเดินออกไปซื้อยาอมให้แม่" และนำมาให้แม่ บอกแม่ว่า "นี่คือของเหลื อ ซื้อมาแล้วกินไม่หมด" (ทั้งๆที่ยาอมห่อนั้นยังไม่ได้แกะ)



นี่คือ "ความน่ารัก ความรักแท้ ความผูกพัน" ของหัวใจสองดวง ที่พร้อมที่จะเต้นเพื่อกันแล้วกัน เราเห็น "พฤติกรรม" นี้แทบจะทุกวัน ดังนั้นก็ไม่แปลก หากในหัวใจของเราลึกๆ เรายังมีความหวังอยู่เสมอว่า "เราจะพบคนๆนั้น คนที่เป็น "รักแท้" ของเราอีกสักครั้งนึง"


ถ้าไม่นับช่วงเวลาที่ "ผจญภัย" ตามหาความรัก เราต้องยอมรับเลยว่า "เราเป็นอีกคน ที่ค่อนข้างโชคดีในเรื่องความรัก" (ไม่ได้หมายความว่า มีแฟนเยอะ มีแฟนหลากหลาย หรือ มีแฟนแล้วประสบความสำเร็จ) เพียงแต่ว่า เมื่อเจอความรักแล้ว ก็ยังมีตั้ง 2 ครั้ง ที่เป็น "รักแท้" (ที่หลายๆคน หาทั้งชีวิตแต่ไม่เคยได้เจอ)



หากคุณมี อีกคนที่รักคุณโดยไม่มีข้อแม้ และเงื่อนไข


หากคุณมี อีกคนที่จะคิดถึงความต้องการของคุณก่อนเสมอ


หากคุณมี หัวใจอีกดวง ที่พร้อมจะเต้นเพื่อคุณ


คุณจะ "ทำร้าย" หัวใจดวงนั้นไหม?


คุณจะ "ทอดทิ้ง" หัวใจดวงนั้นไหม?


คุณจะ "หลงลืม" หัวใจดวงนั้นไหม?


และอยากให้คุณรู้ไว้ว่า เมื่อคุณพบคนๆนั้นแล้ว คุณเป็นบุคคลที่โชคดีแล้ว อย่าได้ดิ้นรนต่อไปเลย เหนื่อยเปล่า!!!!!


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน