Recent News

Powered by eSnips.com

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เงื่อนไข และทิฐิ


เมื่อรัก จง “รัก” ให้ “ลึกซึ้ง” อาจจะต้อง “เจ็บปวด” แต่นั่นคือ “หนทางเดียว” ที่ทำให้ชีวิตถูก “เติมเต็ม”

ในสังคมปัจจุบัน หลายๆคนมองชีวิตรัก เป็นเรื่องของ “ธุรกิจ” ไปหมด จะรักใคร ชอบใคร รู้สึกดีกับใคร ก็ต้องมานั่ง “ชั่งใจ”, “วัดใจ” และ “ตวงหัวใจ” กันเป็น “การค้า” ถ้าเขาไม่ให้หัวใจเรามาเกิน 50 เราก็ไม่ควรให้ใจเขาไปเกิน 40 เว้นระยะห่างกลัวตัวเองเสียใจ เสียหน้า มัวแต่มา “ค้ากำไรเกินควร” ในเรื่องของหัวใจนี่แหละ

“หนู” ทอม “เงื่อนไข” (ที่เราให้ฉายาเขาอย่างนี้ก็เพราะว่า ก่อนที่เขาจะรักใครนั้น เขาต้องสร้างเงื่อนไขแห่งความรักเสมอ) เขารู้สึกชอบ “ปิ่น” ดี้ “ทิฐิ” (ปากหนัก และเอาแต่ใจ) ทั้งสองได้มารู้จักกัน โดยที่ต่างคน ต่างกลัว ต่างไม่กล้าลงทุนหัวใจ กลัวในความเสี่ยง แอบห่วงกันอยู่ห่างๆ

โดยที่เขาสร้างเงื่อนไขในชีวิตรักของเขาว่า “เขาต้องการดี้ไม่เจ้าชู้ ไม่มีสังคม และต้องตามใจเขาทุกอย่าง” ส่วนเธอก็ไม่ยอม ตั้งทิฐิ และคอยจับผิดทุกๆการเคลื่อนไหวของเขา เธอกลัว และระแวงว่าเขาจะเจ้าชู้

เขาและเธอนั้นรักกัน (ลึกๆทั้งคู่รู้ดี) แต่ด้วย “เงื่อนไข” และ “ทิฐิ” ที่ทั้งสอง พยายามสร้างขึ้น ทำให้ “นิยายรัก” ของเขาทั้งคู่นั้น ไม่ได้เริ่มเขียน “เรื่องราว” เสียที เกริ่นไว้แต่ “คำนำ” และ “สารบัญ” พอเขาเริ่มจะกล้าเสี่ยง เธอก็ไม่กล้าอีกแล้ว เวลาเธอจะเริ่มลดทิฐิลง เขาก็กลับตั้งเงื่อนไขขึ้นมาอีก

ผ่านไป เกือบ 2 ปี แล้วสำหรับ “การคลุมเครือในความสัมพันธ์ของเขาและเธอ” เพื่อนๆและคนรอบข้างลุ้นกัน และก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่ “ขาดๆ เกิดๆ” ทั้งคู่ต่างคิดถึง และอยากจะบอกรักกัน แต่พอตั้งใจจะพูด พอเอาเข้าจริง ก็ต้องมีเหตุให้เสียเรื่องทุกที จบลงด้วยการตัดสายโทรศัพท์ใส่กัน และต่างคนต่างหลบไปมีน้ำตา แต่ด้วย “ความผูกพัน” ทำให้เขาและเธองอน หรือโกรธ กันได้ไม่นาน สักพัก “ความรัก” ก็ “รักษา เยียวยา” ให้กลับมาคุยกันอีก และก็ “วนเวียน” เป็น “วัฏจักรแห่งรัก” นี้ต่อไป อย่างไม่มีวันจบสิ้น

เราเชื่อว่า สักวันนึง เมื่อทั้งคู่ “เปิดใจ และยอมรับ” ความรู้สึกลึกๆในใจของแต่ละคน ชีวิตรักของคู่นี้ จะเป็นอีกคู่ที่น่าอิจฉา (อย่างน้อย เขาและเธอ ก็ “อึด” ในความรัก ไม่ใช่เล่นๆเลย)

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเช่นนี้ เราอยากให้คุณลองย้อนถามตัวคุณดูว่า “พร้อมแล้วหรือยัง ที่คุณจะ “ถอยความกลัวออกมา 1 ก้าว” เพื่อให้ความรักไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป” ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ ชีวิตรักของคุณจะประสบแต่รอยยิ้ม และความสุขแน่นอน

ใกล้จะสิ้นสุดปี 2551 แล้ว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และปี 2552 ก็กำลังจะเคลื่อนเข้ามาแทนที่ อาจมีใครหลายๆคน ที่กำลังรอ “วันที่ 1 มกราคม 2552 (วันปีใหม่)” ให้มาถึงโดยไวๆ บางคนก็เฝ้ารอ ฤกษ์งาม ยามดี ในวันนี้เพื่อ “เริ่มต้นสิ่งที่ดีๆ” บางคนก็รอเพื่อที่จะ “เฉลิมฉลอง สังสรรค์ พบปะ มีงานเลี้ยง และเมาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันให้สนุกสนาน”

สำหรับเรา ในช่วงวันสิ้นปี และวันปีใหม่นั้น เราคงไม่ได้ร่วมเฉลิมฉลองอะไร? กับใคร? เนื่องจาก เราตั้งใจไว้ว่า เราจะไป “เว้นวรรค” ให้กับชีวิตตัวเองสักพัก “หลีกหนี” ความวุ่นวาย เพื่อไปพบ “ความสงบ” ไปค้นหาตัวเอง และ ตั้งเข็มทิศแห่งชีวิตให้ “ตรง” เพื่อว่า จะได้มี “เรี่ยวแรง กำลังใจ” กลับมาทำงาน และดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นใจ และมั่นคง

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

sex เกินร้อย

ได้ฤกษ์ยามแล้ว ถึงเวลาทอมเด็ก (อายุน้อย) จะโดนเราแฉสักที หลังจากน้ำร้อนไปลวกทอมมีอายุจนสุก เปื่อยกันไปเยอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนเราเอง เธอโทรมาเล่า แบบปรึกษา ที่เราฟังแล้วก็อดขำในพฤติกรรม sex ของเธอและเขาไม่ได้

“แก้ม” ดี้ 25 ได้มาแชร์ประสบการณ์ Sex ในช่วงที่เธอคบกับ “ซี” ทอม 17 เรียนม.ปลายอยู่เลย เขาเป็นทอมเด็กที่ตื้อเก่งมาก (ดี้คนไหน เคยเจอทอมเด็กตามจีบ ก็คงจะรู้ดี ถึงความพยายาม และความอ้อนของพวกเขา ทำเอาพวกเราใจละลายหายไปอยู่ในใจของทอมอ่อนประสบการณ์เช่นพวกเขา) ชีวิตรักของเธอและเขาจัดได้ว่าเป็นคู่ที่น่ารักคู่หนึ่ง แต่ชีวิต Sex ของเธอและเขาสิ น่ากลัว!!! (อย่าเพิ่งเดาไปมั่ว ไม่ใช่ว่า ทอมเด็กจะ option ครบมือหรอกนะคะ) เธอเล่าว่า “เธอเป็นคน Sex จัดคนนึง แต่จะมา Sex เสื่อมก็เพราะเขานี่แหละ” ทำไมน่ะหรือ? เพราะว่า ด้วยความด้อยประสบการณ์ในการมี Sex ของเขา บวกกับ “ความตั้งใจ”จนเกินไปที่จะทำให้เธอเสร็จ พฤติกรรม และเรื่องราวขำๆ จึงได้เกิดขึ้น

เธอเล่าว่า ทุกครั้งที่มี Sex กัน หน้าตาเขาจะจริงจังมาก จริงจังกับการสัมผัสทุกส่วนของเธอ (เธอเล่าไป พลางหัวเราะไป) เริ่มต้นจากการ kiss ที่ริมฝีปากเธอประมาณ 5 จ๊วบ (หน้าตาเขาจริงจัง ออกแนวหื่นๆ) เขาจะเริ่มไซร์คอเธอจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย พอครบ 10 รอบ เขาก็จะมาลากลิ้นเลียหน้าอกเธอ จากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย พอครบ 15 รอบ (เขาจ้องตาเธอ เหมือนจะบอกว่า จะเสียวหรือไม่เสียว เขาทำได้แค่นี้แหละ) เขาก็จะเริ่มเอานิ้วมาสัมผัสส่วนล่างของเธอ ค่อยๆกระตุ้น พอได้เวลา (เขากะเวลาตามใจเขา ไม่ได้ตามอารมณ์เธอ) เอานิ้วของเขาเข้าไป เขาก็จะตั้งใจสอดใส่ “แบบหนักแน่น” (สังเกตุได้จากสีหน้าเขาที่จริงจังมาก ประมาณว่าเลือกเอา จะเสียว หรือจะเจ็บ) ควงนิ้วไปทางขวา 20 รอบ สลับควงนิ้วไปทางซ้ายอีก 20 รอบ ค่อยๆเอานิ้วโป้งมาคลึงจุดเสียว บดขยี้อยู่ 10 ที (น้องคะ ไม่ต้องจับจังหวะและตามจังหวะขนาดนั้นก็ได้ จินตนาการในการ Create อารมณ์ร่วมของน้อง ตกต่ำมาก) แล้วเขาก็จะถามเธอว่า ใกล้เสร็จหรือยัง (เธอพยักหน้า เพราะเห็นสีหน้าที่จริงใจของเขาทีไร แล้วอารมณ์ก็กระเจิงหายไปได้ทุกที เลยต้องแกล้งทำเป็นเสร็จ)

ทุกๆครั้งที่เขาและเธอมี Sex กันเขาก็จะทำตาม pattern ที่เขาได้ตั้งกฏไว้แบบนี้เสมอ เขาตั้งหน้าตั้งตาทำให้เธอเสร็จ โดยไม่ได้สนใจที่จะมองแววตา และสีหน้าของเธอเลย (น้องจ๊ะ แค่พี่คิดตาม ก็ไม่เสียวแล้ว) ระยะหลังเธอจะพยายามให้เขาดื่มเหล้า ให้เมา เพราะเขาจะได้ไม่ดูตั้งใจเกินไปในการที่จะมี sex กับเธอ เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะการมี Sex แบบเกินร้อยของเขา

ถ้าถามว่าช่วยได้ไหม ก็ไม่ได้มากเพราะความเคยชินที่เขามีในหัวเขา แม้ว่าเหล้าอาจทำให้เขาไม่ได้สติ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะนับเลขผิดนะ (สุดท้าย เธอก็ไม่เสร็จเหมือนเดิม) ตอนนี้เธอเลิกกับเขาแล้ว เธอยอมรับว่าเสียใจ เพราะในการดำเนินชีวิต เธอและเขาเข้ากันได้ดี แต่ในทาง Sex นั้น ห่วยแตก!!!


ถ้าเขาไม่ตั้งใจมี Sex กับเธอมากเกินไป จนลืมความสุขในการเข้าถึงหัวใจสำคัญของ Sex “การมี Sex ควรปล่อยให้อารมณ์ทุกอย่าง Flow แล้ว Sex ก็จะออกมามีความสุข เพราะออกมาจากอารมณ์ ความรัก และจิตใจ หาใช่ทำตาม pattern หรือ กฏเกณฑ์อะไรไม่”

ฝากไว้นะคะ ใครที่รู้ตัวว่าประสบการณ์ยังน้อยกับเรื่อง Sex เป็นมือใหม่ เราแนะนำว่า อย่าอายที่จะถามผู้เชี่ยวชาญ และคู่ร่วมทำกิจกรรมของคุณด้วย (ต่อให้คนที่มีประสบการณ์มากก็เถอะ จำไว้นะคะ ว่าดี้แต่ละคนไม่เหมือนกัน วิธีที่คุณใช้กับคู่นอนคนเก่าแล้วเสียวสุดเหวี่ยง แต่กับคนปัจจุบันอาจไม่เสียวเลยก็ได้) เรื่อง Sex ไม่ใช่เรื่องน่าอายระหว่างคนสองคนที่จะพูดคุย แลกเปลี่ยนความต้องการของกันและกัน เพราะนักรักที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักเคยเป็น “ผิดพลาด” มาก่อน

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

"หยุด"

เพลง หยุด

ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพัง สดชื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น เรื่องจริงกับความฝัน
เกิดขึ้นด้วยกันทันตา
ฉันอยากจะหยุดเวลานี้ ตั้งแต่วินาที ที่ชีวิตมีเธอเข้ามา
เธอทำให้คนที่เหนื่อยล้านั้นกล้าจะเปิดหัวใจ
หยุด หยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน
หยุด หยุดความรัก ทั้งหัวใจ จะหยุดอยู่กับเธอคนเดียว
ฉันนั้นรู้ทันที และรักทันที เธอคือความโชคดีที่เข้ามา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น ชีวิตเหมือนความฝันที่เกิดขึ้นตอนลืมตา

เช้าวันนี้ เราได้ย้อนมานั่งฟังเพลงนี้อีกครั้ง และแอบนั่งยิ้มคนเดียว ไม่รู้สินะ แม้จะผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับความรักมาหลายครั้ง ผ่านทั้งเรื่องราวที่ดี (ที่น่าจดจำ) หรือ เรื่องราวที่ไม่ดี (อย่างที่ไม่เคยคิดว่า ในชีวิตหนึ่งจะได้พบเจอ) ผ่านช่วงเวลาของความรักมาทุกช่วง ตั้งแต่ แอบรัก, ตกหลุมรัก, เริ่มรัก, รักจืด, รักหน่าย, รักป่วย, รักร้าว จนมาถึงรักร้าง และ เลิกรา นั้น

ช่วงเวลาที่ยัง “ตราตรึง” และเมื่อนึกถึงทีไร ก็จะสามารถทำให้ยิ้มได้เสมอนั้น ก็คงเป็นช่วงเวลาที่ได้ “ตกหลุมรัก” ไม่รู้สินะ ไม่ว่าจะเป็นการตกหลุมรักแบบแอบรัก หรือตกหลุมรักแบบเปิดเผย ความตื่นเต้นที่มีนั้น ก็จะต่างกันออกไป ตาม “ความคาดหวัง” และ “การตอบสนอง” ของแต่ละบุคคล

“เวียน” ดี้พนักงานธนาคาร ชีวิตส่วนใหญ่ของเธอ อยู่กับ “ตัวเลข” และ “ธนบัตร” เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาพอ ที่จะ “ตามหา” คนที่จะมาดูแลหัวใจเธอ ชีวิตเธอเหมือน “มนุษย์ทำงาน” ที่ตื่นเช้ามาก็แต่งตัวไปทำงาน เลิกงานกลับบ้าน วันหยุดนอนอยู่บ้าน ไม่เคยดูแลตัวเอง ทั้งร่างกาย และสไตล์การแต่งตัว ชีวิตจำเจอยู่เช่นนี้เรื่อยมา เธอมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ตามกระแสของสังคม โดยปราศจาก “แรงบันดาลใจ หรือแรงกระตุ้น”

และวันนึงก็ได้มีทอมหน้าตาธรรมดา แต่แต่งตัวน่ารัก ดูดีมากๆ เดินเข้ามาขอ “เปิดบัญชี” เขาได้นั่งลงพร้อมกับสอบถามเรื่องต่างๆ เธอเหมือนตกอยู่ใน “ภวังค์แห่งความรัก” มือไม้อ่อนแรง หน้าร้อนผ่าวๆ เขาดูมาดนิ่งๆ และดูเหมือนจะไม่รับรู้เลยว่า เธอเป็นดี้โสด และมีความต้องการที่จะมี “ใครสักคน” อย่างที่สุด

เธอต้องการที่จะทำความรู้จักกับเขาให้มากกว่านี้ แต่ด้วยหน้าที่การงาน และมารยาทนั้นจึงทำให้เธอนั้น ต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ แค่เพียงส่วนลึกๆในหัวใจ

หลังจากวันนั้นที่เธอได้เจอเขา ชีวิตเธอเริ่มมีแรงกระตุ้น และมีแรงขับเคลื่อน ที่จะมาทำงานในทุกๆวัน โดยทุกๆเช้า เธอจะตี่นขึ้นมาพร้อมกับความหวังว่า “เขาจะเดินเข้ามาทำธุรกรรมทางการเงินในวันนี้” เธอเริ่มที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น (โดยหวังว่า วันนึงเขาจะสังเกตุเห็นเธอบ้าง)

เธอเริ่มฟังเพลงเกี่ยวกับ “ความรัก การได้รัก การให้ และการแอบรัก” มากขึ้น นี่ก็ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้ว ถึงแม้เธอจะได้มีโอกาสเห็นหน้า และรอยยิ้มเขาแค่เพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็ยินดี และเต็มใจ ที่จะ “เสพความรู้สึก” นี้ต่อไป

“ความรู้สึกที่ได้รัก โดยไม่หวังสิ่งใด ขอแค่เพียงได้เห็น และรับรู้ ความเป็นไปในคนที่เรารู้สึกรักก็เพียงพอแล้ว”

บางคนอาจจะมองว่า “การตกหลุมรัก” ใครสักคน โดยไร้จุดหมาย หรือได้รับการตอบสนอง นั้น เป็นเหมือน “ความโง่ งมงาย” หรือ “การละเมอเพ้อฝัน ที่ไร้เหตุผล” แต่หากการได้รักของคุณนั้น ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับใคร ก็ไม่ผิด ไม่ใช่เรอะ ที่จะ “ยึดใครสักคน” เป็นกำลังใจ เพื่อเสริมสร้างรอยยิ้ม และความฝันในทุกๆวันที่คุณได้หายใจ หรือเพื่อนๆคิดว่าไง?

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

x'mas

ผ่านไปแล้ว กับค่ำคืน x’mas eve คืนที่เรา “เฉลิมฉลอง” เพียงลำพัง คืนแห่งความโดดเดี่ยว แต่ไม่เปลี่ยวหัวใจ เพราะเรามีความหวังเสมอว่า “ต้องมีคนๆนั้น อยู่มุมใดมุมหนึ่งของโลก และสักวันเราคงมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน” คืนนี้ถึงแม้จะเหนื่อย แต่ก็เป็นคืนที่แสนวิเศษ และสวยงาม เราขึ้นไปยืนร้องเพลงอย่างสง่า และม่กังวลเรื่อง “เสียงเพื้ยน ร้องผิดคีย์” อาจเพราะเราใส่ความรัก และ อารมณ์ร่วมไปกับทุกๆท่วงทำนอง ที่ขับร้องออกมา ด้วย “จิตใจ” จริงๆ (มีพี่คนนึง กระซิบบอกเราว่า “เสียงเพลงเป็นเหมือนเสียงที่เปล่งออกมาจากหัวใจ โดยใช้ท่วงทำนองจากหัวใจ”) เมื่อเราใส่หัวใจ ไปกับสิ่งใด สิ่งนั้นมักจะ “วิเศษสุด” เสมอ

ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณกำลังใจดีๆ ขอบคุณ “โอกาส” ที่ชักพาเรา เข้าไปทำหน้าที่ “ลูกที่ดีของพระเจ้า” อีกแบบหนึ่ง

ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึก “อบอุ่น” จัง

ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอแต่ฉันมีใจพิเศษ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไปฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอโอบกอดฉันไว้ หลับตาผ่อนคลายให้สมฤดีเราจะบินหนี ข้ามน้ำทะเลและแดนกว้างใหญ่ดาวพราวดั่งฝัน กลางคืนยาวนานร่านหัวใจปล่อยความเหงาไป ทอดทิ้งใจ รักจะพาแต่เราไปสองคนฉันไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ ร่ำรวยจ่ายเงินเร็วร้อนแรงไม่มีอำนาจใด ประหนึ่งเจ้าชายจะสำแดงมีเพียงหัวใจ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไปฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอฉันไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ ร่ำรวยจ่ายเงินเร็วร้อนแรงไม่มีอำนาจใด ประหนึ่งเจ้าชายจะสำแดงมีเพียงหัวใจ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไปฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

X'mas Eve

O Holy Night

O Holy Night! The stars are brightly shining, It is the night of the dear Saviour's birth. Long lay the world in sin and error pining. Till He appeared and the Spirit felt its worth. A thrill of hope the weary world rejoices, For yonder breaks a new and glorious morn. Fall on your knees! Oh, hear the angel voices! O night divine, the night when Christ was born; O night, O Holy Night , O night divine! O night, O Holy Night , O night divine! Led by the light of faith serenely beaming, With glowing hearts by His cradle we stand. O'er the world a star is sweetly gleaming, Now come the wisemen from out of the Orient land. The King of kings lay thus lowly manger; In all our trials born to be our friends. He knows our need, our weakness is no stranger, Behold your King! Before him lowly bend! Behold your King! Before him lowly bend! Truly He taught us to love one another, His law is love and His gospel is peace. Chains he shall break, for the slave is our brother. And in his name all oppression shall cease. Sweet hymns of joy in grateful chorus raise we, With all our hearts we praise His holy name. Christ is the Lord! Then ever, ever praise we, His power and glory ever more proclaim! His power and glory ever more proclaim!


Merry X’Mas Eve นะคะ เพื่อนๆ หลายคนที่อาจจะเคยเครียด และตกอยู่ในภาวะลุ้นจนตัวโกง เกี่ยวกับเศรษฐกิจและทิศทางของประเทศไทย ณ วินาทีนี้ พวกคุณอาจจะรู้แล้วว่า ทิศทางของประเทศไทยในไตรมาศต่อไปจะเป็นยังไงต่อไป แต่ไม่ว่า สิ่งที่คุณหวังไว้ กับความเป็นจริง จะ Match กันหรือไม่ ก็ต้องยอมรับ เสียงส่วนใหญ่ และสิ่งที่เราเรียกกันว่า “ประชาธิปไตย”

สำหรับคนคริสต์อย่างเรา คืนก่อน X’mas หรือ X’mas Eve นั้น มีความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่า Christmas’s Day เลย เรื่องการถือวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองพระคริสตสมภพ (วันคริสต์มาส) นั้น มีตั้งแต่สมัย พระสันตะปะปาจูลีอัสที่ 1 ทรงประกาศให้สัตบุรุษทุกคนในโลก เฉลิมฉลองวันนั้น โดยที่พระองค์และสัตบุรุษได้พากันเดินสวดภาวนา และขับร้องไปยัง ตำบลเบธเลเฮม ยัง “ถ้ำ” ที่พระเยซูเจ้าประสูติ พอไปถึงก็เป็นเวลาเที่ยงคืน พระสันตะปะปาก็ทรงถวายมิสซา ณ ที่นั้น เมื่อเสร็จแล้วก็กลับมาที่พัก เป็นเวลาเช้ามืด ราวๆ ตีสาม พระองค์ก็ถวายมิสซาอีกครั้งหนึ่ง และสัตบุรุษเหล่านั้นพากันหลับ แต่ยังมีสัตบุรุษหลายคนที่ไม่ได้ไป พระสันตะปาปาก็ทรงถวายมิสซาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพื่อให้สัตบุรุษเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองพระสันตะปาปาจึงทรงอนุญาตให้พระสงฆ์ถวายมิสซาได้ 3 ครั้ง ในวันคริสต์มาส เหมือนกับการปฏิบัติของพระองค์

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงมีธรรมเนียมถวายมิสซาเที่ยงคืนในคริสต์มาส และพระสงฆ์ก็สามารถถวายมิสซาได้ 3 มิสซา ในโอกาสวันคริสต์มาสเช่นเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมา ชาวคริสต์ทั่วโลกจึงถวาย มิสซาเที่ยงคืน และมิสซาวันคริสต์มาส 3 ครั้ง ซึ่งทุกโบสถ์ในเมืองไทย ต้องถือปฏิบัติเสมอมา

เทศกาล X’mas เป็นเทศกาลที่สำคัญมากสำหรับเรา เรารอคอยคืนนี้มานานตลอดทั้งปี และในคืนนี้เราก็ได้มีส่วนร่วม ในการร้องเพลง ร่วมกับวงประสานเสียงของโบสถ์ หากใครรู้จักเรามาก่อน และเคยได้ยินเสียงเราร้องเพลง ก็อาจจะพอรู้ว่า เสียงเราไม่ได้ดี และเพี้ยนสูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วแต่จังหวะ (เรียกได้ว่า ร้องไม่เคยถูกคีย์) แต่ด้วยความพยายาม และการซุ่มซ้อม เป็นเวลา 1 เดือนกว่าๆ รวมถึง “ความตั้งใจ” อย่างจริงๆจัง ที่จะ “ขับกล่อมบทเพลง” เพื่อถวายให้กับ “พระกุมาร” ที่จะ “บังเกิด” มา ในค่ำคืนนี้ เรา “เชื่อมั่น” เป็นอย่างยิ่งว่า “ความศรัทธา และความตั้งใจ” ของเรานั้น จะทำให้ “บทเพลง” ในค่ำคืนนี้ “ศักดิ์สิทธิ์ ไพเราะ และอบอวลด้วยท่วงทำนอง ที่เปล่งออกมาจากหัวใจ”
Merry Christmas ล่วงหน้าสำหรับทุกคนนะคะ “เทศกาลแห่งความสุข ทั้งการมอบความสุข และได้รับความสุข” มีความสุขมากๆ กับทุกๆวันที่จะดำเนินไปนะคะเพื่อนๆ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน


วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Love Cycle


“Love” Cycle

Stage แรก เริ่มต้นด้วยการถูกตา ต้องใจ และรู้สึกว่า “นี่แหละใช่เลย!!” เป็น “จุดเริ่มต้นของความรัก” ที่น่าตื่นเต้น และมีความสุขที่สุด (เรียกได้ว่าเป็นจุด Peak ของความรัก) นั่นคือ “ช่วงที่เราได้ตกหลุมรักกับใครสักคน” เวลาที่มีความรัก หัวใจของเราจะเต้นถี่ ส่งผลให้หน้าตาเราสดใส ชีวิตเริ่มมีจุดหมาย ความฝันที่หวังมานานเป็นจริง ทำให้เราได้เห็น “คุณค่าของตัวเราเอง” มากขึ้น

จนเราอยากจะ “ป่าวประกาศ” ให้คนอื่นๆได้รู้ว่า คนธรรมดาเช่นเรา ก็ได้สัมผัสกับความรักแล้ว ไม่ว่าความรักนั้นจะดำเนินผ่าน Pro ในช่วง 3 เดือนแรกหรือเปล่า แต่คงไม่มีใครปฏิเสธที่จะ “ทดลอง” (จริงไหมคะ)

Stage 2 “ความรักผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง” เมื่อเราได้ตกลงปลงใจ ลง “เรือความรัก” ลำเดียวกับคนที่เรารักแล้ว เราก็ต้องผ่านการพูดคุย การปรับ การผ่อนหนัก ผ่อนเบา ในการทำให้ “ความรักสมดุล” โดยต้องคำนึงถึง “ความแตกต่างของมนุษย์แต่ละคน” เป็นหลัก

“อุปสรรค และปัญหา เป็นบททดสอบความรัก”

มีหลายคู่ที่ไม่ผ่าน Stage นี้ อาจเพราะ “ทิฐิ” หรือ “ความต้องการที่มากเกินไป” จนทำให้หา “คนรักในฝัน” ได้ยากเต็มทีในสังคมแห่งนี้

Stage 3 “เมื่อความรักเหนื่อย” การที่เรามีความรัก และได้ครองคู่กับใครสักคน ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องการให้ความรักที่ตัวเองมีอยู่นั้นเหมือนเดิม สม่ำเสมอ เหมือนช่วงแรกๆที่คบกัน (เขาคนที่เคยรักคุณนั้น ต้องรักคุณ คิดถึงคุณเป็นคนแรก เอาใจใส่ดูแล และให้ความสำคัญกับคุณตลอดเวลา) โดยที่คุณอาจจะลืมตระหนักไปว่า “ความรักก็เหนื่อยเป็นนะ” จะให้ความรักทำงานตลอด โดยไม่เว้นให้ความรักได้พัก หรือได้หายใจบ้าง ก็คงจะไม่ดีแน่ สิ่งที่พึงกระทำ ก็คือ เมื่อความรักของคู่รักคุณขอพักเหนื่อย คุณก็ต้องหล่อเลี้ยงชีวิตคู่ด้วย “การนำเสนอ” ความรักในส่วนคุณออกมา เพื่อ “ส่งเสริม และเป็นกำลังใจ” ให้กับคู่รักของคุณ

ไม่ใช่เมื่อไม่ได้ดังใจหวัง ก็โวยวาย หาเรื่อง และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่ง “ความรัก” เพราะนั่นก็คงจะ “ขืนใจความรัก” เกินไป

Stage 4 “เมื่อความรักหยุด” เมื่อคนสองคน ได้ผ่านอุปสรรค ร้อนหนาว และเรื่องราวมากมาย ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่ “วิธีคิดแก้ปัญหาของคนแต่ละคนนั้น มีวิธีที่แตกต่างกันไป” บางอย่างเราอาจจะทำถูกใจเขา หรืออาจะพอทำให้ได้แค่พอใจ หรือไม่ถูกใจเอาเสียเลย” เมื่อบางอย่างที่ ไม่พอใจเรื่องละนิด เรื่องละหน่อย สุดท้ายก็ “ทับถม” กลายเป็นคราบตะกอนของปัญหา และจุดเปลี่ยนอีกหลายๆอย่างในชีวิตคู่

“การให้อภัย” และ “เข้าใจกัน” จำเป็นมากในความรัก ถ้าคุณยังรักเขาอยู่ “งัด” วิธีนี้ออกมาใช้ซะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสาย และคุณอาจต้องเริ่มใหม่

Stage 5 “ความรักตายจากไป” ความเบื่อ และความเคยชิน เริ่มเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยียนความรัก และกระตุ้นให้ความรักนั้นเสื่อมโทรม และตายไปในที่สุด หลงเหลืออยู่เพียง “ความผูกพัน และความทรงจำของความรัก” ที่เป็นเส้นใยเล็กๆ ยึดคนสองคนให้อยู่ด้วยกันต่อไป

แต่เมื่อใดก็ตามที่ “โอกาส” มีมาถึง ความรักใหม่ก็พร้อมที่จะก่อเกิดอีกครั้ง โดยไม่หันมาสนใจ “ความรักถ้วยเก่า” อีกเลย

ไม่ว่าความรักของคุณ ณ ปัจจุบัน จะอยู่ใน Stage ไหน? มันไม่สำคัญมากไปกว่า คุณ “พร้อม” หรือยัง? ที่จะ “ใช้ชีวิตอยู่ ด้วยความรัก เพื่อความรัก และแด่คนรักของคุณ”

เพื่อนๆสังเกตุไหมคะว่า? “ความรัก ชอบอยู่กับคนที่มีสติ”

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ทอมโรคจิต

เราทุกคนต้องยอมรับว่า “ครอบครัว” เป็นสังคมที่ใกล้ตัวเราที่สุด และที่สำคัญเป็นสังคมที่หล่อหลอมความเป็นตัวเราด้วย แต่ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะอบอุ่นไปซะหมด มีบางครอบครัวที่มีปัญหา และปัญหาเหล่านั้น ไม่ใช่แค่เกิดและจบลง ณ เวลานั้น แต่อาจจะเป็นสาเหตุหลัก ที่กระตุ้นการกระทำในอนาคตของคนในครอบครัวได้ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของเพื่อนเรา

“เมย์” ทอมวัย 32 เป็นลูกเจ้าของโรงแรมดัง ย่านอโศก ขับรถหรู การศึกษาจบโทมาจากเมืองนอก เขามีความเชื่อว่า รักแท้พบได้ใน Webboard Lesla (ดี้ท่านใด อยากจะได้ทอมผู้ดี มีสกุล ก็ไปอ่าน Webboard ย้อนหลังได้ แต่เดี๋ยวก่อน กรุณาอ่านไดอารี่วันนี้เราให้จบเสียก่อน ก่อนที่จะเสียใจ) “น้อย” ดี้นางหนึ่ง ที่เคยคิดว่าตัวเองโชคดี ส้มหล่น ที่ได้มารู้จักกับไฮโซเช่นเขา ช่วงแรกๆที่คบกัน เธอยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด อยากได้อะไร อยากทานอะไร อยากไปไหน เขารับอาสาจัดให้ทุกอย่าง เรียกได้ว่า ความเอาใจใส่ที่เขามีให้เธอนั้นเกินร้อย (สวรรค์ของคนได้แฟนรวย) “แต่มนุษย์เราไม่ใช่จะมีความสุข สมหวังไปซะทุกอย่าง ต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อให้เราได้ต่อสู้กับชีวิต” ทุกอย่างที่เขา “มี” Perfect มากสำหรับเธอ แต่สิ่งที่เขา “เป็น” นี่สิ ทำให้เธอต้องทนทุกข์ เขามีสองบุคลิกในตัวเอง เขาในบุคลิกกลางวัน จะเป็นทอมที่สุภาพ ใจดี ทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่ตกเย็น เขามีความต้องการที่เกินไปจากคนปกติ เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาจะเริ่มออกคำสั่ง เริ่มจาก ให้เธอใช้ปากถอดถุงเท้าให้ เธอจะต้องใส่ชุดที่เขาเตรียมให้ ชุดที่ดูยังไงก็เหมือนชุดคนใช้ (ทั้งๆที่กลางวันเสื้อผ้ายี่ห้อดังเท่านั้นได้ปกปิดเรือนร่างของเธอ) เธอจะต้องรับใช้เขาทุกอย่างที่เขาต้องการ (กดขี่ทางเพศชัดๆ) ยิ่งเรื่องบนเตียง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง การมี SEX ของเขา เหมือนกับเป็นการระบายอารมณ์ (ไม่มีความอ่อนโยน และความรักอยู่เลย) อุปกรณ์ที่ช่วยทำให้ร่างกายเธอเจ็บ ถูกเตรียมมาอย่างพร้อม เธอนอนร้องไห้กับความโหดร้ายของเขา แต่ด้วยความรัก และบุคลิกที่เปลี่ยนไปของเขาในตอนเช้า ทำให้เธอให้อภัยและยอมทนเขาเรื่อยมา ปีนึงแล้วกับชะตากรรมที่เธอต้องเผชิญ ครอบครัวและเพื่อนๆของเธอต่างอิจฉา ที่เธอโชคดี มีความสุขที่สุด แต่ก็เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น หลายครั้งที่เธอต้องการจะระบายให้ใครสักคนได้ฟัง ได้รับรู้ ถึงความทุกข์บางอย่างในใจของเธอ แต่เธอก็ไม่กล้า เธอได้รู้จักเราผ่านทาง MSN เธอไว้ใจ และระบายเรื่องนี้ให้กับเรา (คนที่เธอไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า) เราได้แนะนำให้เธอคิด ทบทวน ถามใจตัวเองดู ถึงความต้องการและความรู้สึกลึกๆในใจ เราหวังว่าเธอจะเลือกทางเดินที่ถูก เรารับรู้ได้ว่า “เธอรักเขามาก” แต่ความรักก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตหรอกนะ อยู่ที่เธอตัดสินใจ

สิ่งที่ทำให้เขามีอาการทางจิตเช่นนี้ สืบเนื่องมาจากว่า เขาไม่พอใจที่แม่ของเขามีชู้ เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นเสมอ ทำให้เขาสงสารพ่อเขามาก พ่อเขาต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินมาจุนเจือให้กับครอบครัว แม่เขาจะเอาเงินไปปรนเปรอให้กับบรรดาผู้ชายเสมอ เขาเรียนรู้หน้าที่ของพ่อ คือต้องทำให้แม่มีความสุข และเขาต้องการให้ผู้หญิงเพศแม่ อย่างดี้ มาสยบอยู่ใต้เท้าเขา เขาจะรู้สึกดีที่ได้กระทำในสิ่งที่เขาไม่สามารถลงโทษแม่ของเขาได้

เราเชื่อว่า ในสังคมของพวกเรามีอีกหลายประสบการณ์ของความรัก แต่ไม่ว่าประสบการณ์ของพวกคุณจะเป็นเรื่องอะไร เราขอให้พวกคุณเข้มแข็ง ยอมรับว่าตัวเองมีปัญหา อย่าหลอกตัวเองไปวันๆ พูดคุยกับตัวเอง แล้วทางออกของปัญหาก็จะปรากฏ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

"ชัยชนะ" ที่ไม่ยั่งยืน

เราเชื่อว่า คงมีใครอีกหลายๆคน ที่กำลังอาจจะ “ดีใจ กับชัยชนะ” ที่อาจได้มา โดยไม่คำนึงถึง “ความน่าจะเป็นของวิบากกรรม” ที่อาจจะตามมาในอนาคต

“อิช” ดี้พนักงานบริษัท ที่กำลังมีความสุข เริงรื่น อยู่ในหมู่เพื่อนๆ เพื่อ “ฉลองสละโสด” สืบเนื่องจาก “มัด” ทอมนักธุรกิจ ร่ำรวย ได้เพิ่งตัดสินใจ เลิกรา กับดี้ที่คบหากับมาเป็นเวลานับ 10 ปี แล้วมา “เลือก” เธอให้เป็น “เมียหลวง” อย่างจริงๆจังๆ

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งชัยชนะ และความยินดีนั้นเอง เพื่อนๆทุกคนของเธอ ต่างดื่ม และก็ดื่มให้กับ “ความสามารถเฉพาะตัวของเธอ” ที่สามารถแย่งสามีของชาวบ้านมาเป็นของตัวได้ (อย่างไม่อาย) และไม่คำนึงถึงอนาคต

เขาและเธอคบกันได้ไม่ถึง 2 เดือน ความหวานที่มีเริ่มจะจืดชืด ความเสมอต้นเสมอปลายของเขาเริ่มเดินออกนอกเส้นทาง (อย่างไม่มีทางหวนกลับ) ความดีใจ และมีความสุขของเธอในช่วงแรกๆ ที่เคยมีอย่างท่วมท้นนั้น ได้กลายเป็น “ทุกข์” ที่มาเป็นระลอก ปล่อยให้เธอนอนจมน้ำตาเกือบจะทุกคืน

และในที่สุด เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปแบบเต็มตัว จากที่เคยมานอนด้วยวันเว้นวัน ก็ไม่มาเลยเป็นอาทิตย์, จากที่เคยโทรศัพท์มาหาเธอ เกือบจะตลอดวัน ก็ไม่โทรมาเลย ถ้าเธอไม่โทรไปหา, จากที่เคยเรียก “ที่รัก” ก็เริ่มจะปรับใช้ภาษาพ่อขุนราม, จากที่เคยสัมผัสเธออย่างอ่อนโยน ก็กลายมาเป็นทำทุกอย่างไปเพราะความเคยชิน จนกระทั่งวันนึงเธอจับได้ว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น เธอจึงตามไปราวี ยื่นคำขาดให้เขาได้เลือก และเขาก็ได้ใช้มาตรฐานเดิมในการตัดสินใจก็คือ “ของเก่าแล้ว เบื่อแล้ว ถึงเวลาโละทิ้ง ของใหม่สดๆ ซิงๆ ตื่นเต้น เก็บไว้ดีกว่า” แต่ก็ไม่มีอะไรจะทำให้เธอเจ็บใจ โกรธแค้นได้เท่ากับที่เขา ปฏิเสธเธอต่อหน้าดี้ (คู่ควงคนใหม่) เสียเขาไปไม่เท่าไหร่ แต่ต้องมาเสียหน้าต่อหน้าผู้หญิงอีกคนนี่สิ สุดๆแล้ว

หากใครที่เคยมีประสบการณ์เช่นเธอ คงจะเข้าใจดี นี่แหละนะ “ความไม่รู้จักพอของมนุษย์” เพราะไม่มีอะไรแน่นอนในความรัก

“จงอย่าภูมิใจกับคนที่ยอมทิ้งคนที่เขาเคยรักมาหาเรา เพราะวันนึงเมื่อเขาเจอคนที่ดีกว่าเรา เขาก็ต้องทิ้งเราไปหาคนใหม่” (กงกรรมกงเกวียนแท้ๆ)

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ฟ้าหลังฝน

“ไปเถอะทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์…”

ก็เป็นธรรมดา หากวันนึง ณ ปัจจุบัน เพื่อนๆบางคน อาจจะมีโอกาสกลับไป “พบเจอ” กับ “อดีตคนเคยรัก คนเคยผูกพัน คนเคยร่วมชีวิต” (ที่คุณอาจจะเฝ้าภาวนา อธิษฐาน สาปส่งเพื่อมิให้พบเจอกันอีกไม่ว่าชาติไหนๆ) แต่เมื่อ “วัฏจักรของชีวิต” ได้ “วนเวียน” ต้องกลับมา “เจอกัน” อย่างจังๆ อีกสักครั้ง ก็คงต้องอาศัย “สติ” เพียงเท่านั้น ที่จะ “ควบคุมสถานการณ์” นั้นๆไว้ได้

“วัน” ทอมอับโชคด้านความรัก เขาคบกับดี้คนไหน ก็มีอันต้องถูก “สวมเขา (ควาย)” และ “ถีบหัวส่ง” ไปซะทุกราย “อร” อดีตแฟนคนล่าสุดของเขา ก็ได้ “สวมเขา (ควายตัวผู้)” โดยการไปนอน (อ้าขา) ให้ผู้ชาย 5 วัน กลับมานอน (อ้าขา) ให้เขา 2 วัน เป็นอย่างนี้อยู่ร่วมปี กว่า “ควายตัวน้อยๆ” อย่างเขา จะ “ตาสว่าง”

แต่เมื่อเขา “รับรู้” เรื่องนี้แล้ว ก็ยังให้ “โอกาส” เธออยู่ร่ำไป เพียงเพราะ ความเชื่อมั่นในคำว่า “รัก” ที่เธอพูดกรอกหูให้ทุกๆวัน กว่าจะ “หลุดพ้น” และ “ยอมรับ” ความจริงได้ว่า “เขาและเธอไม่ใช่คู่ขา (ที่เข้ากันได้ดี)” ก็เสียน้ำตาไปหลายโอ่ง เงินทองไปหลายแสน เวลาไปหลายปี

เขายังจำวันที่เขา “ตัดใจ กลั้นใจ” บอกเลิกเธอได้อย่างแม่นยำ เย็นวันนั้น เขาทนสภาพ “ควายในคราบคน” ไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจบอกเลิกเธอ อีกทั้งเขายัง “อธิษฐาน” ในใจว่า “ขออย่าให้ได้พบปะเธออีกเลยในชาตินี้ กรรมใดที่เคยร่วมสร้างไว้ ขอให้จบกันไป”

เขาใช้เวลา “ปรับตัว” อยู่นานกว่าจะกลายร่างกลับมาเป็น “มนุษย์” ปกติได้แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะมีแฟนใหม่ จึงใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพียงลำพัง

จนกระทั่งวันนึง เขาได้นัดกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานไว้ ขณะที่เขายืนรอเพื่อนอยู่ที่หน้าร้านอาหารนั้น สายตาของเขาก็ “สอดส่าย” ไปพบกับ “ใบหน้า (ของเธอ)” ผู้หญิงที่เขาเคยคุ้น เธอแต่งตัว Sexy กำลังนั่งทานข้าวอยู่กับ ทอม (หน้าใส) นายนึง ซึ่งเขาคาดว่า “คงเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของเธอ” เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เขา “ล้มทั้งยืน” เขาไม่คาดคิดว่า จะได้พบเธออีกครั้ง (ไม่ว่าสภาพไหนก็ตาม) เขาจึงรีบเดินหนีไปให้พ้น เพราะกลัวว่า หากเธอหันมาเห็นเขาเข้า เธอจะรู้ว่า “ควายที่เธอเคยเลี้ยงนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นคนแล้ว”

ตราบใดที่เรายังอยู่ ในสังคมเดิมๆ อยู่บ้านเดิม คงจะเป็นการยากที่จะ “หลีกเลี่ยง” คนบางคนที่เราเคย “ปฏิสัมพันธ์” ด้วย เพราะ “โชคชะตา และโอกาส” นั้น มักจะ “พัดพา” บุคคลที่ไม่คาดคิด คิดไม่ถึง หรือไม่อยากคิดถึง มาหาเราเสมอ เมื่อรับรู้ดังนี้ อย่าทำให้ “ความบังเอิญมาควบคุมตัวคุณ แต่จงควบคุมทุกอารมณ์ของคุณไว้ให้ได้อย่างมีสติ แล้วคุณก็จะสามารถเดินได้อย่างสง่าในสังคม”

“อย่าจมปรัก อยู่กับคนในอดีต แต่จงก้าวต่อไปเพื่อคนในอนาคต” ฝากไว้ให้คิดกันนะคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน


วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2551

กุญแจ Lock ความรัก

ช่วงนี้ด้วย “ภารกิจ และพันธกิจ” ที่หลากหลายอย่าง “ประดัง” เข้ามาในชีวิตเรา อาจเพราะใกล้จะหมดปี 2008 แล้ว ทำให้ต้อง “รีบเคลียร์” แผนงานต่างๆที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปีให้เสร็จ วันแต่ละวันในช่วงนี้ ดูเหมือนว่า จะทำทุกอย่าง ทุกๆวินาที เพื่อ “ความสุข และความสบายใจ” ส่วนตัวของเราทั้งนั้น ทำในสิ่งที่อยากจะทำ ดำเนินชีวิตในหนทางที่คิดว่าดีแล้วสำหรับเรา (แต่ไม่ว่ายังไง ชีวิตฉัน ไม่เห็นต้องแคร์ใครเลย)

เมื่อหลายวันก่อน เราได้อ่านหนังสือเล่มนึง เกี่ยวกับความเชื่อของคนเกาหลีที่ว่า

“ถ้าอยากให้ความรักเหนียวแน่น คงอยู่นิรันดร์ ต้องซื้อแม่กุญแจมาเป็น “เคล็ด” เมื่อ “ล็อค” แน่นหนา และ “ผูกโบ (สีดำ)” แทนความรักแล้ว ให้นำ “ลูกกุญแจ” ไปทิ้ง แม่น้ำ ลำคลอง ทะเล แล้ว “ความรัก” จะไม่มี “วันเลิกรา” หากแต่จะอยู่ “ค้ำฟ้า” ตลอดไป”

ความเชื่อเช่นนี้ อาจดูเหมือนเป็นเรื่อง “งมงาย” เพราะจริงๆแล้ว “ตัวแปร” แห่งความรักแท้นั้น มี “รายละเอียด” มากกว่านั้น แต่ด้วย “ความเชื่อ” นี้ คงจะทำให้ใครอีกหลายๆคน ที่ไม่มั่นใจในความรัก ได้ลองทำและอาจจะได้ความรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีก (นิด) หน่อย อย่างน้อยก็เป็น “ความปรารถนาลึกๆ (ในช่วงเวลานึง)” ที่อยากให้ “ความรัก” ดำรงอยู่ตราบนานเท่านาน ถึงขนาดลงทุนตัดช่องทางทุกอย่างแห่งความเป็นไปได้ โดยโยน “ลูกกุญแจ” ทิ้งให้หมด (โดยไม่คิดถึงวันข้างหน้า เพราะถ้าวันใดเราต้องการ “สลัดกุญแจแบบฉุกเฉิน ด้วยเหตุผลที่จำเป็น” แล้วละก็ จะ “งม” หาลูกกุญแจได้จากที่ไหน หรือว่าต้องติดอยู่กับ “คนที่ไม่ใช่” ไปจนตราบชั่วชีวิต)

ถ้าหากจะพูดกันตรงๆ “ความรัก” สำหรับบางคน ช่างยิ่งใหญ่ งดงาม และสวยงามเสมอ เพราะเพียงแค่ความรู้สึกแรกเริ่มของความรัก ก็ทำให้หัวใจรู้สึกเหมือน ได้นั่งอยู่ใกล้ประตูสวรรค์ เข้าไปทุกที จนอยากจะ “หยุดเวลา” แห่งความสุขนั้นไว้ ไม่อยากให้ “ความเบื่อ” และ “ความเคยชิน” เข้ามาแทนที่ จนทำให้ชีวิตต้อง “เหี่ยวเฉา” หรือ “สูญเสียชีวิต” ทั้งเป็น

ทว่าเพื่อรักษา “ความรัก” ให้ เหนียวแน่นนั้น ไม่ง่ายเหมือนล็อคแม่กุญแจ แต่ เรียกร้องอีกหนึ่งชีวิตเต็มๆ เพราะหากไม่รักกันด้วยชีวิต (และทุกๆอย่างในชีวิต) กระทั่ง เธอคือฉัน ฉันคือเธอ หล่อหลอมเป็น ตัวเดียว กายเดียว ใจเดียว กระเป๋าสตางค์เดียวกันแล้ว แม้แม่กุญแจร้อยพันดอกก็ยื้อไว้ไม่อยู่ ปากก็พร่ำยืนยันว่า “ทิ้งลูกกุญแจลงท้องทะเลหมดแล้ว” แต่ก็ยังแอบเก็บลูกกุญแจ “สำรอง” อยู่ เผื่อหน้า เผื่อหลัง เผื่อเหลือ เผื่อขาด (จะได้ชิ่งออกไปได้ทัน เมื่อเธอไม่ได้ดั่งใจฉัน ไม่มีผลประโยชน์ให้ฉัน)

ความรักแบบ “เผื่อ” ไม่จัดเป็นความรักด้วยซ้ำ อย่างมากก็เป็นได้แค่ความรู้สึกดึงดูดใจ ที่นำไปสู่ “การคบหา ดูใจ เผื่อเลือก” แต่พอเปล่งคำพูดยืนยัน “ฉันรักเธอ” คำว่า “เผื่อ” ก็หายสิ้นไปในบัดดล เหมือน “ความสว่าง เกิดความมืดตายไปฉันใด ฉันนั้น” (ไม่เช่นนั้นก็คงเตียงหักครั้งแล้วครั้งเล่า จนโรงงานเฟอร์นิเจอร์ผลิตให้ไม่ทัน)

ในสังคมยุค “บะหมี่” (กึ่งสำเร็จรูป) ทุกวันนี้ คนพากันมองหา “ความรัก (กึ่งสำเร็จรูป)” ที่คิดว่า “แค่เห็นสิ่งภายนอกที่ดึงดูด ถูกใจ ก็หยอดคำหวาน ใส่น้ำร้อน รอ “อืด” เป็นอันกินได้” โดยลืม “สิ่งสำคัญของความรัก นั้นคือการเอาใจใส่ การสร้าง การปรุง การตกแต่ง ในทุกๆวันของชีวิต”

ป.ล. เพื่อนๆคนไหน อ่านแล้วคิดตามไม่ทัน หากมีเวลา ลองเลื่อนขึ้นไปอ่านอีกสักครั้ง เราเชื่อว่า คุณจะได้ “แง่คิด” และ “มุมมอง” อีกหลายอย่าง เพื่อนำกลับไป “ปรับ” ได้ในชีวิตรักในทุกๆวันแน่นอน

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน



วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อุบัติเหตุ (รัก)

วันนี้เรื่องเราได้คัดเลือกเรื่องราว ความรักที่แสนจะอบอุ่นมาส่งเสริม และให้กำลังใจคู่รัก

“แพน” ทอมมีอายุ คบกับ “เฟิร์น” ดี้วัยไล่เลี่ยกัน ได้นานเกือบสิบปีแล้ว ทั้งคู่เก็บเงินซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ชีวิตรักราบรื่นดีในช่วงปีแรกๆ แต่ช่วงหลังๆมานี่ รู้สึกเขาและเธอจะมี “สงครามเย็น” เล็กๆ ภายในบ้านเสมอๆ แต่ด้วยความที่ทั้งคู่ อยู่ด้วยกัน ผูกพันกัน จนกลายเป็นมากกว่าคู่ชีวิตไปแล้ว ปัญหาต่างๆจึงไม่ทำให้เกิดประเด็น และบั่นทอนความรักมากเท่าไหร่

ทุกๆวันเขาและเธอจะต่างขับรถของตัวเองไปทำงาน เธอขับรถ Honda Civic ส่วนเขาขับรถ Nissan Cefiro ประเด็นอยู่ที่ เขาเป็นคนที่รัก และหวงรถของเขามาก ไม่เคยมีใคร แม้กระทั่งเธอ ได้ขับรถคันนี้ของเขาวันหยุดของเขา เขาจะใช้เวลาล้าง ขัด และเช็ดรถเกือบจะทั้งวัน หลายครั้งที่เธอแอบน้อยใจที่เขาใส่ใจ และดูแลแต่รถคันนั้น

บ่ายวันอาทิตย์วันนึง ขณะเขากำลังนั่งดูทีวีอยู่ เธอต้องการจะไปซื้อของบางอย่างที่ Big C เธอขอให้เขาขับรถพาเธอไป (เนื่องจาก รถของเธอนั้นเข้าศูนย์) แต่ท่าทีที่เขาตอบสนองนั้น ทำให้เธอเกือบหัวใจหยุดเต้น เขาพูดพลางโยนกุญแจรถให้เธอ “เอารถพี่ไปก็ได้นะ พี่จะดูหนังเรื่องนี้ให้จบ กำลังสนุกเชียว” เธอยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่ดีกว่านะ น้องยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ เดี๋ยวเอารถไปเกิดอุบัติเหตุล่ะ” เขาสวนทันควัน “ที่รัก ไม่เป็นไรหรอก” เธอขับรถไป Big C อย่างระมัดระวัง หลังจากซื้อของทุกอย่างได้ตามที่ต้องการแล้ว เธอก็ขับรถกลับบ้าน แต่ขณะที่เธอกำลังเคลื่อนรถออกจากห้าง นาทีนั้นเอง สุนัขตัวหนึ่งวิ่งข้ามถนน ทำให้คนขับรถปิ๊กอัพข้างหน้าเธอแตะเบรคอย่างแรงเพื่อจะหลบ เธอเหยียบเบรคค้างอย่างแรง เบี่ยงรถไปทางขวา แต่ก็สายเกินไป เสียงกันชนรถกระแทกกับรถอีกคัน ดังสนั่นก้องอยู่ในหูเธอ ไม่มีใครบาดเจ็บ แม้กระทั่งสุนัขตัวนั้น แต่เธอน่ะสิ กำลังอยู่ในอารมณ์สติแตก น้ำตาเธอไหล เธอมั่นใจว่า เขาต้องไม่มีวันยกโทษ ให้กับความซุ่มซ่ามของเธอครั้งนี้แน่นอน เธอนั่งนิ่งอยู่ในรถนานมากๆ จนกระทั่งคนขับรถคันข้างหน้า เดินเข้ามาเคาะกระจก และขอดูเอกสารข้อมูลประกันรถของเขา เพื่อจะได้ติดต่อประกัน เธอเปิดลิ้นชักหน้ารถ เพื่อหยิบเอกสารต่างๆเกี่ยวกับรถ ที่เก็บอยู่ในซองพลาสติกอย่างเรียบร้อย เธอเปิดเอกสารออกมา แล้วพบว่า มีเศษกระดาษเล็กๆแนบอยู่ในซองพลาสติกด้วย เธอยื่นเอกสารส่งให้คนขับรถคันข้างหน้า แล้วเธอก็ก้มลงพลิกกระดาษแผ่นนั้นอ่าน และเมื่อเธออ่านจบ น้ำตาเธอก็ไหลพรากไม่หยุด จนคนขับรถอีกคันต้องถามเธอว่า “แน่ใจนะว่าคุณไม่เป็นไรจริงๆ” เธอยิ้มแล้วเอามือปาดน้ำตา พลางจ้องกระดาษนั้น อ่านมันอีกครั้ง ข้อความในกระดาษนั้นคือ “ที่รัก ถ้าคุณอ่านกระดาษนี้ ก็แสดงว่าคุณมีอุบัติเหตุ จำไว้นะ แพนรักเฟิร์น ไม่ใช่รถ” หลังจากนั้น อาทิตย์หนึ่ง รอยแผลที่รถของเขา ก็กลับมาปกติเหมือนใหม่ พร้อมกับความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา ที่มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆอีก

คนบางคนอาจจะ “เชี่ยวชาญ” ในเรื่องการแสดงออกด้านความรัก แต่ก็มักจะมีคนอีกประเภทที่ “เงียบ และสื่อสาร” ไม่ค่อยจะเป็นเลย ไม่ว่าคุณจะมี “คนรัก” เป็นคนประเภทไหน ยิ้มไว้เถอะคะ ภูมิใจในตัวตนของพวกเขา เพราะอย่างน้อย คุณก็มีมืออุ่นๆจากพวกเขา ไว้คอยกุมมือคุณไว้แล้ว


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เด็กมีปัญหา

ไดอารี่วันนี้ เราขอ “ตั้งตน” เป็นผู้ปกครองสักวัน ขอ “สั่งสอน และเตือนสติ” ทอมดี้วัยรุ่น ที่ชอบทำตัวเสเพลกันเสียหน่อย

“ศริน” เด็กสาวมัธยมต้น อายุเพียง 15 (ปัจจุบันไม่ได้เรียน) เธอ “เข้าใจ” ไปเองว่า “เมื่อพ่อแม่ของเธอแยกทางกันแล้ว เธอต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหา เธอจึงทำตัวมีปัญหา (หนัก) เพื่อเรียกร้องบางอย่างจากสังคม” เธอเป็นสาวกลางคืน (กลางวันนอน) ทุกๆ คืน เธอจะไปสิงสถิตอยู่ตามสถานที่เที่ยวแถวรัชดา เพื่อหาเหล้าฟรีตามโต๊ะที่มีทอม (ผู้โชคดีในค่ำคืนนั้น) อยู่ เมื่อเธอเริ่มเมา เธอก็จะปล่อยตัวปล่อยใจ ให้ทอมสุภาพชน (ผู้ที่ไม่เคยทิ้งดี้อารมณ์เปลี่ยว) ไว้ตามลำพัง หิ้วไปเสวยสุขต่อในที่ลับ แต่จะจำนวนเท่าไหร่ต่อเธอหนึ่งคนนั้น (เราก็ไม่สามารถที่จะประเมินได้) เธอใช้ชีวิตแบบนี้ก็ 2 ปี แล้ว เธอเชื่อ (ไปเองว่า) “ชีวิตแบบนี้มีความสุขที่สุด เพราะไม่ต้องเสียเงินค่าเหล้า แถมยังกลับห้อง แบบตัวเบาหวิว สบายแบบไม่ต้อง hang อีกด้วย”

กิจวัตรของเธอที่ทำอยู่ทุกวันก็มีแค่ “ดื่มจนเมา และก็เสียวต้นขาเกร็ง (จนตะคริวรับประทานไปหลายรอบ) แต่ในยามใดที่สถานที่เที่ยวนั้น ไม่มีทอมแวะผ่านมา เธอก็ไม่เกี่ยงนะ ที่จะ “พลีกาย” ให้กับผู้ชาย หรือใครก็ได้ที่ยอมให้เธอเมาแบบฟรีๆ เธอง่ายเข้าขั้นถึงขนาดว่า พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ เชียร์เธอให้กับลูกค้ารายใหม่ๆอยู่เสมอ เธอหลงคิดว่า “ตัวเองเป็นดาวประจำสถานที่เที่ยว” แต่ในความจริงแล้ว เธอเป็นแค่ “โสเภณีแลกเหล้า” เธอไม่สามารถเข้าใจเลยว่า “เธอดูแย่แค่ไหน ในสายตาคนอื่น” เพราะเธอรับรู้แค่เพียงว่า ชื่อของเธอ เป็นที่ “กล่าวขวัญ” (ในทางที่ไม่ดี) ในหมู่นักเที่ยวแถบนั้น เรียกได้ว่า “เธอคือเด็กสาวที่มั่วที่สุด” และ “ไม่เลือก” เลยจริงๆ

เราเชื่อว่าในสังคมปัจจุบัน ต้องมี “วัยรุ่น” ที่มีสถานะเป็น “ลูก” หลายคน ที่จะต้องเผชิญกับ “ปัญหา” พ่อแม่แยกทางกัน หลายคนยังสามารถ “ยืนหยัดใช้ชีวิต” ได้อย่างปกติ แต่ก็มีอีกหลายคนที่กลายเป็น “คนอ่อนแอ” เช่นเธอ ที่คิดได้แต่เพียงว่าตัวเองเป็น “เด็กมีปัญหา” พยายามที่จะ “เรียกร้องความสนใจ” จากสังคมในทุกๆด้าน

เราเชื่อว่า ตอนนี้คงไม่มีใครเตือนเธอได้ สักวันนึงเมื่อเธอเติบโตขึ้น (ถ้าเธอมีโอกาสโตนะ ไม่ใช่ตายเพราะ “โรค” ไปเสียก่อน) เธอจะเข้าใจในทุกอย่างเอง ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำให้ได้คือ มี sex อย่างระมัดระวัง ระวังทั้ง “มารหัวขน” และ “ไวรัสระบบสืบพันธุ์” ด้วยนะคะ

ถ้าคนเราหากพึงพอใจ และเคารพยกย่องตนเอง ก็จะไม่ปล่อยตัว ปล่อยใจ ตกต่ำแบบเธอคนนี้ ให้เสียศักดิ์ศรี (ลูกผู้หญิง) แต่ในทางตรงกันข้าม หากยังต้องขวนขวายดิ้นรนเรียกร้องความสนใจ โดยพฤติกรรมเชิงลบ ก็ส่อให้เห็นได้ชัดว่า “ตัวเราเองนั้นแหละ ที่เป็นตัวปัญหา ฉุดตัวเองให้ลงต่ำ ไม่มีคุณค่าพอที่จะอยู่ในสังคม”

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน