เรากลับมาอยู่ในกรุงเทพได้ 6 วันแล้ว และพรุ่งนี้เราก็จะเดินทางกลับไป “เกาะช้าง” อีก ยอมรับว่า เวลาในอาทิตย์นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน และกิจกรรมอาทิตย์นี้ของเรา ก็เยอะมากเหลือเกิน ทั้งเดินแบบ ร้องเพลง พาคุณแม่ไปเที่ยว จัดการธุระส่วนตัว ฯลฯ แต่มีบุคคลนึงที่ทำให้เรารู้สึกว่า อาทิตย์ที่เหน็ดเหนื่อยนี้ดูมีความหวัง และมีพลังขึ้นอย่างประหลาด
เมื่อคืนวันที่ 12 เราไปซ้อมเพลงที่โบสถ์ตามปกติ และเมื่อไปถึงหน้าโบสถ์ เราก็พระสงฆ์องค์นึงยืนอยู่ เราจึงถามคนที่ยืนอยู่แถวๆนั้นว่า คุณพ่อท่านนี้ชื่ออะไร? และคำตอบที่เราได้รับ ก็ทำให้เรารู้สึกตื้นตัน และปิติมากมาย
ท่านที่ยืนอยู่ห่างจากเรา 10 เมตรนั้น คือพระสงฆ์ นักเขียน และเป็นบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ งานเขียนของท่าน “ส่งเสริม และกระตุ้น” ให้เรามีแนวเขียนที่ดี (ที่ไม่ใช่แค่เรียบเรียงตัวอักษรเป็นบรรทัด)
เราเคยมีคำถามอยู่ในใจเสมอมา ในช่วงที่เราได้อ่าน “งานเขียนหลายๆหน้าของท่าน” ว่าท่านคือใคร? ผู้ใช้นามปากกานี้จริงๆแล้วเป็นใครกันแน่ เราเคยแอบจินตนาการไปเอง ตามแนวความคิด การเรียบเรียงตัวอักษร และอารมณ์ที่ถ่ายทอดมาจากงานเขียน เราจึงคิด บุคลิก ลักษณะ และแนวการพูดของท่านผ่านทางงานเขียน และเมื่อวันนี้ เราได้มีโอกาส ยืนอยู่ตรงหน้า “นักเขียนที่เราชื่นชอบที่สุด”
และเราก็ได้มีโอกาส “สนทนา” กับท่าน ท่านเป็นคนที่สง่า มีสายตาที่แน่วแน่ เมื่อได้ยืนอยู่ใกล้ๆท่าน เรารู้สึกได้ว่า “ตัวอักษร” ที่เราเคยอ่านไม่เป็นแค่เพียงตัวอักษรอีกต่อไป
เราได้ถามท่าน (ในคำถามที่เรามีอยู่ในใจของเราตลอดเวลา) นั้นคือ “ก่อนที่คุณพ่อจะเริ่มเขียนงานนั้น คุณพ่อได้มีแรงบันดาลใจมาจากไหน?”
และเมื่อท่านได้ตอบคำถามนั้น เราจึงได้เข้าใจ และตอบตัวเองได้ทันทีว่า “นักเขียนที่ดีนั้น ไม่เพียงแต่ต้องมีพรสวรรค์ในการใช้ภาษา แต่ต้องสังเกตุ และมีความคิดเห็นในหลายมุมด้วยเช่นกัน”
พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า เราหวังว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ คงทำให้หัวใจ และเรื่องวุ่นๆที่รบกวนในหัวใจเรานั้นหายไป
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
เมื่อคืนวันที่ 12 เราไปซ้อมเพลงที่โบสถ์ตามปกติ และเมื่อไปถึงหน้าโบสถ์ เราก็พระสงฆ์องค์นึงยืนอยู่ เราจึงถามคนที่ยืนอยู่แถวๆนั้นว่า คุณพ่อท่านนี้ชื่ออะไร? และคำตอบที่เราได้รับ ก็ทำให้เรารู้สึกตื้นตัน และปิติมากมาย
ท่านที่ยืนอยู่ห่างจากเรา 10 เมตรนั้น คือพระสงฆ์ นักเขียน และเป็นบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ งานเขียนของท่าน “ส่งเสริม และกระตุ้น” ให้เรามีแนวเขียนที่ดี (ที่ไม่ใช่แค่เรียบเรียงตัวอักษรเป็นบรรทัด)
เราเคยมีคำถามอยู่ในใจเสมอมา ในช่วงที่เราได้อ่าน “งานเขียนหลายๆหน้าของท่าน” ว่าท่านคือใคร? ผู้ใช้นามปากกานี้จริงๆแล้วเป็นใครกันแน่ เราเคยแอบจินตนาการไปเอง ตามแนวความคิด การเรียบเรียงตัวอักษร และอารมณ์ที่ถ่ายทอดมาจากงานเขียน เราจึงคิด บุคลิก ลักษณะ และแนวการพูดของท่านผ่านทางงานเขียน และเมื่อวันนี้ เราได้มีโอกาส ยืนอยู่ตรงหน้า “นักเขียนที่เราชื่นชอบที่สุด”
และเราก็ได้มีโอกาส “สนทนา” กับท่าน ท่านเป็นคนที่สง่า มีสายตาที่แน่วแน่ เมื่อได้ยืนอยู่ใกล้ๆท่าน เรารู้สึกได้ว่า “ตัวอักษร” ที่เราเคยอ่านไม่เป็นแค่เพียงตัวอักษรอีกต่อไป
เราได้ถามท่าน (ในคำถามที่เรามีอยู่ในใจของเราตลอดเวลา) นั้นคือ “ก่อนที่คุณพ่อจะเริ่มเขียนงานนั้น คุณพ่อได้มีแรงบันดาลใจมาจากไหน?”
และเมื่อท่านได้ตอบคำถามนั้น เราจึงได้เข้าใจ และตอบตัวเองได้ทันทีว่า “นักเขียนที่ดีนั้น ไม่เพียงแต่ต้องมีพรสวรรค์ในการใช้ภาษา แต่ต้องสังเกตุ และมีความคิดเห็นในหลายมุมด้วยเช่นกัน”
พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า เราหวังว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ คงทำให้หัวใจ และเรื่องวุ่นๆที่รบกวนในหัวใจเรานั้นหายไป
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน