Recent News

Powered by eSnips.com

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

trip เกาะช้าง

ตามสัญญา ที่เราเคยบอกว่า จะมาเขียนเล่าบรรยากาศในการเดินทางไปเกาะช้างเมื่อวันอังคารที่ 25 มา เราเดินทางไปด้วย "รถตู้" (ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนเราไปเดินทางไปเกาะช้างแทบจะทุกอาทิตย์ เราจึงรู้เที่ยวรถตู้อย่างแม่นยำ แต่เดือน สองเดือนหลังมานี้ เราไม่ได้เดินทางไปเสียตั้งนาน ทำให้ไม่รู้ว่า เขาเปลี่ยนเวลาแล้ว ประจวบเหมาะกับ agent ที่เกาะช้างจองตั๋วให้ด้วย) เช้าวันนั้น เราคิดว่ารถตู้จะออกเดินทางตอน 9 โมงเช้า แต่ที่ไหนได้ รถออก 9 โมงครึ่ง ต้องนั่งรอพอสมควร การเดินทางก็เหมือนทุกครั้ง คือเราก็จะใช้เวลานอนบนรถตู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอไปถึงท่าเรือ เรือก็กำลังจะออกพอดี (เราไปไม่ทัน ต้องรอเที่ยวต่อไป) การพลาดเรือ ได้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเรา ระหว่างรอ เราจึงทาน "ก๋วยเตี๋ยวไก่" (เจ้าอร่อย) ฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ 


เวลาผ่านไปชั่วโมงนึง เรือก็ออกเดินทางจากฝั่ง เพื่อมุ่งสู่เกาะช้าง (เรายังจำได้ว่า ครั้งแรกๆที่เรามา เราตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบตัว เราเอาแต่มองจ้องคลื่น และมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา) แต่เมื่อเดินทางหลายๆครั้งแล้ว สภาพแวดล้อมก็ดูจะชินตาไป เมื่อถึงเกาะ เราก็ต้องนั่งรถสองแถวเพื่อเดินทางไปยังที่พัก ไปถึงที่พัก (ห้องเดิม สถานที่เดิม) เราเก็บของ อาบน้ำ นอนเล่นแปปนึง อารมณ์อยากเจอเพื่อนๆพี่ๆ ก็สิงสู่ เราจึงเดินออกจากห้องพัก ไปทัวร์ทักทายทุกคน และวันนั้น น้องที่รู้จักกันทำงานธนาคาร ก็จะจัดงานวันเกิดด้วย และเขาต้องการที่จะทำ บลูเบอร์รี่ชีสพาย (ด้วยตนเอง) ซึ่งตอนแรกเราก็คิดว่า เขามีสูตร ทำได้ ทำเป็น แต่เปล่าเลย เขาหันมาบอกเราว่า จริงๆแล้วเคยเห็นแต่คนอื่นเขาทำ ก็ต้องให้เราเป็นธุระในการขี่มอเตอร์ไซค์ และเตรียมของ (งานเข้าแล้ว) ระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั้น ฝนก็เริ่มจะโปรยปรายลงมาอย่างช้า 


เมื่อซื้่อของเสร็จ เราและพี่ๆอีกหลายๆคน ก็ช่วยกันปลุกปล้ำ บลูเบอร์รี่ชีสพาย ที่หน้าตาออกมาสวยงาม ส่วนผสมขาดๆเกินๆ รสชาติก็โอเคดีระดับนึง เราว่านะ!!!


เมื่อถึงเวลานัด สองทุ่มตรง งานเลี้ยงวันเกิดน้องบอยก็เริ่มต้นขึ้น ตากีล่า โกลด์ หลายช๊อตได้ถูกนำมาเสริฟ์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทานอะไร และแล้ว การเริ่มต้นแบบนี้ ก็ทำให้คนหลายๆคนที่โต๊ะเริ่มที่จะมึนงง งานเลี้ยงถูกเริ่มต้นด้วย ผักขมอบชีส ลาซานญ่าเนื้อ ข้าวผัดปู ฯลฯ มากมาย อาหารอร่อย รวมถึงเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานดังไปทั่วโต๊ะ คืนนี้ป้าบอกว่า ห้ามนอนดึกเพราะพรุ่งนี้เช้า เราทุกๆคน ต้องไปช่วยเตรียมของทำบุญเลี้ยงพระเพลวันเกิดให้กับเจ้าของสบายบาร์ ก่อนจะกลับไปที่พัก เราร้องขอให้พวกพี่ๆ พาเราไปเต้นที่สบายบาร์สักแปป (เรียกได้ว่า ตั้งแต่อยู่เกาะช้างมาก นี่ครั้งแรกที่ได้เข้าเที่ยวเทค แห่งเดียวของเกาะ) และสุดท้ายค่ำคืนนั้น ทุกคนก็ไปบรรจบอารมณ์กันที่สบายบาร์อย่างสนุกสนาน และแยกย้ายกันไปพักผ่อน


เช้าวันพุธที่ 26 เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนเจ็ดโมงเช้า เราลุกอาบน้ำแต่งตัว และรีบออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังสบายบาร์ เราไปช่วยพี่ๆจัดสำรับอาหารเลี้ยงพระ ปอกผลไม้ และจัดจาน พอได้เวลาพระมา เราก็เดินกลับมาที่พัก รอเวลาพระกลับ เราก็ไปทานข้้าวเที่ยง ที่เขาได้เตรียมไว้ หลังจากเสร็จงาน ด้วยอากาศที่ร้อน เราจึงกลับมานอนตากแอร์ต่อในห้องพัก กะว่าจะนอนเล่นๆแปปเดียว เนื่องจากนัดพี่อีกคนไว้ แต่เผลอหลับไปเลย จนบ่ายแก่ๆ เราก็จึงเดินออกจากห้องพักไปนั่งคุยเล่นกับเขา และเตรียมทำบลูเบอรี่ชีสพาย และบานาฟี่ อีกหลายถาด เพื่อเป็นเค้กวันเกิดให้เจ้าของสบายบาร์ และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่มีปาร์ตืี้กันอย่างสนุกสนาน อาหารทะเล และเครื่องดื่มมึนเมาหลายขนาน ได้ถูกเตรียมมา เพื่อเฉลิมฉลอง เราดื่ม shot แล้ว shot เล่า อาการมึนๆงงๆเริ่มออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน (ตามโปรแกรม เราต้องเดินทางกลับ กทม ในวันรุ่งขึ้น) แต่เนื่องจากพี่ๆที่เกาะ ยังไม่ได้สนทนากับเราครบทุกคน พวกเขาเลยวางแผน ขอร้องให้เราอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน และคืนพรุ่งนี้นั้น ก็จะมี party อาหารเวียดนาม โดยมีเจ้าของร้านขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในเกาะช้างเป็น "เจ้ามือ" หลังจากทานอาหารค่ำ ดื่ม และสนุกกันอย่างเต็มที่แล้ว พี่ๆ ก็ชวนเราไป dance ที่สบายบาร์อีกครั้ง ความสนุกสุดเหวี่ยง แต่ใครจะรู้ว่า เราเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อนผ่าวๆ ตอนแรกเราคิดว่า เป็นเพราะ ตากีล่าห์โกลด์ และ cocktail อีกหลายๆอย่าง ผสมปนเปในกระเพาะเรา เราจึงรีบกลับมาที่พัก และค้นพบว่า อาการที่เราเป็นนั้น หาใช่อาการเมา แต่เป็นอาการตัวร้อนเป็นไข้ ไข้ขึ้นสูงมาก เรานอนแทบไม่ได้เลยคืนนั้น วันรุ่งขึ้น เราพยายามทานยา และนอนทั้งวัน เพื่อให้มีแรงไป party ต่อในตอนค่ำ แต่ยิ่งนอน ไข้ยิ่งขึ้น และอาการเป็นหวัดของเราก็เริ่มต้นขึ้น แต่เรายังมี spirit นะ เรายังแข็งใจอาบน้ำแต่งตัวไปงานเลี้ยงตอนค่ำ แต่ไปถึง เรากลับไปนอนบ้านเขาเฉยๆเลย ไม่มีแรงพูด มีแรงทาน หรือทำอะไรทั้งนั้น งานเลี้ยงเลิกราลง เราถูกหามกลับไปนอนที่ห้องพัก และเราก็นอนยาว ช่วงบ่ายของวันศุกร์เราตื่นขึ้นมา และเดินทางไปหาหมอที่ โรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวบนเกาะ คุณหมอจับเราตรวจหวัด 2009 ปรากฏว่า เราไม่เป็น หมอให้ยามา เรากลับมานอนพัก ตอนนั้นอารมณ์อยากกลับ กทม. มากเลย แต่เดินทางไม่ไหวจริงๆ สุดท้ายเราจึงแข็งใจ เดินทางกลับกทม. ในช่วงบ่ายวันเสาร์ 


นอกจากเราเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว คุณป้าที่เรานับถือ ก็ถูกนำตัวไปส่ง รพ. ที่ฝั่ง ด้วย อาการไข้หวัดเช่นกัน (เรียกได้ว่า ติดกันงอมแงม)


หลังจากที่เรากลับมา กทม. เราก็นอนซม ไปหาหมอ หมอจับฉีดยา สองวันติด กว่าจะหายก็หลายวัน การเป็นหวัดในครั้งนี้ ต้องยอมรับเลยว่า "งอมจริงๆ" อาการที่เรารับไม่ได้ก็คือ เราทานอะไรไม่ได้เลย เราไม่สามารถทานข้าวได้หลายวัน อาจเพราะอาการไข้ หรือ อาการเบื่ออาหารก็ไม่ทราบ สุดท้ายเราก็ผ่านทุกๆช่วงเวลาแย่ๆไปได้ด้วยดี


นี่คือชีวิตเราเพียงบทเดียวของเดือน 


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน (เรามีเรื่องเยอะแยะมากในหัว รอเพียงแค่ช่วงเวลาที่ "ตกตะกอน" ถึงตอนนั้น เพื่อนๆจะได้อ่านเรื่องราวสนุกๆกันแน่นอนคะ สัญญา)