Recent News

Powered by eSnips.com

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Why me?? Version I

ในชีวิตของคนๆนึง (เช่นเรา หรือคุณ) ได้ “พ้นผ่าน” เหตุการณ์มากมาย ในชีวิต (อันไม่ยืดยาว) ของคนแต่ละคนนั้น “อัดแน่น” ไปด้วย (ความสุข ความสมหวัง ความผิดหวัง ความล้มเหลว ความทุกข์ ความคาดหวัง และความสำเร็จ) อย่างมากมาย

และประสบการณ์ และความทรงจำเหล่านี้แหละ ที่ “ส่งผล” ให้เกิด “การปรับตัว การเปลี่ยนแปลง” เพื่อ “ความอยู่รอด” ในสังคม และโลกใบนี้

เพราะการที่จะทำให้เรามีที่ “ยืน” สักที่ในโลกที่สับสนวุ่นวายใบนี้ ต้องอาศัย “วิทยายุทธ์การเอาตัวรอด” กับทุกสิ่งรอบตัว

“คนที่เข้มแข็งเท่านั้น ที่จะมีชีวิตรอดได้ คนอ่อนแอไม่ช้าก็จะเป็น “เหยื่อ” ของสังคม หรือไม่ก็เป็น “อาชญากร” ของสังคมไปโดยปริยาย”


ยกตัวอย่างง่ายๆใกล้ๆตัว เมื่อเราเป็นเด็ก เราไม่เคยเรียนรู้เลยว่า “เต้าเสียบรูเล็กๆ 2 รูนั้น คืออะไร?” ไม่เคยได้เรียนรู้ว่า “เต้าเล็กๆ ที่เรียกว่า ปลั๊กไฟ” นั้น ข้างในมีอะไรอยู่บ้าง เราจึงมองปลั๊กรูนั้นว่า เป็นรูแห่งการเรียนรู้ เป็นรูแห่งความสุข เพราะเมื่อคุณพ่อคุณแม่เรา เอาสายไปเสียบแล้ว ก็จะส่งผลทำให้พัดลมหมุน ซึ่งได้ช่วยทำให้ครอบครัวเราหายร้อน และมีความสุข

จนกระทั่งวันนึง เราอยากจะลองเห็นแก่ตัว นำความสุขนั้นมาใช้เพียงคนเดียว ไม่ต้องผ่าน “พัดลม” เราจึงนำนิ้วอันน้อยนิดของเรานั้น ไป “เสียบ” และผลที่ออกมาก็คือ “เรารู้สึกกระตุก ร้อนๆ หนาวๆ เนื่องจากกระแสไฟได้วิ่งผ่านตัวเรา” มารู้ตัวอีกที เราก็รู้ว่า “เต้าเสียบ 2 รู” นี้ ไม่ธรรมดา และเป็นอันตราย ดังนั้นเราควรอยู่ห่างๆไว้จะเป็นดี จากประสบการณ์ที่เราเกือบจะถูกไฟช๊อตตายวันนั้น ทำให้เราไม่กล้าที่จะ “แหย่นิ้ว” เข้าไปใน “รู” ที่มีลักษณะแบบนี้อีกเลย และนั่น ทำให้เรา กลัวที่จะเอาอะไรไปเสียบในรูนั้นตลอดไป

(และนี่ก็เป็นเรื่องราวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่ทำให้เรามีทัศนคติ และหล่อหลอมกลไกการป้องกันตัวเองขึ้นมา เพื่อความปลอดภัย ต่อชีวิตนี้ของเรา)

ประสบการณ์ความรัก ก็เป็นอีกนึงบทเรียน ที่สามารถ “สร้างสรรค์ความสุขจนจุดลิ้นปี่ หรือความทุกข์ถนัดจนสุดขั้วหัวใจ” ได้เช่นกัน

หากเราได้เริ่มมีแฟนสักคน และประสบความสำเร็จ มุมมองความรักเราบนโลกใบนี้ ก็จะสวยงามจนหาที่เปรียบไมได้

แต่หากเราได้เริ่มมีแฟนสักคน และชีวิตรัก “ล้มเหลว” ไม่เป็น “น้ำสับปะรด” เราก็มี “อคติ” ในความรักไปอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน

เมื่อคนๆนึงได้ “ล้มเหลว” ในชีวิตรักอย่างรุนแรง

บางคนอาจเริ่มประชดโดยการคบไปเรื่อย (วัดดวงกับชีวิต) เพราะสักวัน เขาอาจได้เจอใครสักคนที่เป็นคนที่ใช่!!!!

หรือบางคนอาจจะ “หยุด” นั่งนิ่ง เสียใจ และจมปรักอยู่กับประสบการณ์นั้น โดยไม่พร้อมที่จะทำใจ และเริ่มต้นรักใครได้ใหม่อีก เพราะทุนความรักที่เคยทุ่มเทไปนั้น ได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว

ไม่ว่า ประสบการณ์ หรือความทรงจำในความรักครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม หรือครั้งที่สี่ ของคุณ เป็นเช่นไร? ก็ย่อมส่งผลโดยตรงในการปรับตัว ปรับเปลี่ยน ปรับนิสัย และมุมมองความรักของคุณในปัจจุบันนั้นได้อย่างชัดเจน

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณวัยเพียง 18 ปี เพิ่งมีความรักครั้งแรก เป็นธรรมดาที่คุณต้องมองความรักว่าเป็น “สิ่งที่สวยงาม สวยหรู” คุณทุ่มเทเต็มที่เพื่อความรักครั้งนี้ แต่เมื่อวันๆนึง “ความรักที่คุณคาดฝัน หรือคาดหวัง” ไว้ต้องมา “จบลง” ด้วยเหตุผลงี่เง่าต่างๆนาๆ ที่คุณไม่เคยได้คาดคิด

ร่างกาย และหัวใจของคุณ ก็เริ่มที่ปรับ เรียนรู้ จากความเสียใจ และความผิดหวังในครั้งนั้น

เมื่อคุณอายุ 23 พร้อมที่มีความรักใหม่อีกครั้ง เป็นความรักที่อาจไม่สวยงามเหมือนครั้งแรก แต่ก็น่าจะลองเพื่อความสุขในช่วงวัยนั้น คุณเริ่มที่จะระมัดระวังตัวมากขึ้น เริ่มที่จะเข้าใจความรักในแง่มุมต่างๆมากขึ้น แต่ต้องยอมรับเลยว่า ทัศนคติ และความรักสำหรับคุณนั้น ยังสวยงามอยู่ (อาจไม่เท่าครั้งแรก) แต่ก็เรียกได้ว่า ยังเต็มอิ่มพอสมควร และหากคุณต้อง “สูญเสีย” ความรักครั้งนี้ไปอีก ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาจทำให้ชีวิตคุณชะงักไปครู่นึง และเริ่มชาชินกับน้ำตาที่ต้องหลั่งไหลให้กับความรัก

กลไกต่างๆในร่างกาย และหัวใจของคุณ เริ่มที่จะปรับตัว เปลี่ยนแปลงอีกครั้งนึง รอการกลับมาเยือนของความรักอีกครั้ง

มาต่อในวันต่อไปนะคะ แล้วเราจะได้มาสรุปพร้อมๆกันว่า ทำไมเราถึงตั้งชื่อเรื่องว่า “Why Me?”


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน