Recent News

Powered by eSnips.com

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรา หรือใคร เป็นผู้กำหนด

คุณเคยรู้สึกอาย หรือหวั่นไหว กับสายตา และคำถามบางคำถามจากคนรอบข้างบ้างไหม?


เมื่อวันก่อนเราได้ไปลอยกระทง กับน้องทอมคนนึง ที่รู้จักกันที่ภูเก็ต และก็เป็นครั้งแรก ที่เราได้เห็นหน้าแฟนของเขา ต้องออกตัวก่อนว่า "น้องทอมคนนี้ เป็นทอมเด็กที่หน้าตาดี (มากคนนึง)” จากที่เราสังเกตุ เขาเป็นคนที่รักแฟนมาก ทำให้เราค่อนข้างคาดหวังว่า "แฟนเขาต้องสวยมากอย่างแน่นอน" แต่เมื่อเราได้ไปเจอ เราค่อนข้างผิดหวัง สืบเนื่องจาก เธอหน้าตาบ้านๆมาก


เราจึงแอบถามเขาว่า "ทำไมถึงรักแฟนคนนี้?” เขาทำหน้าเฉยๆ และตอบว่า "เจอคำถามนี้อีกแล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนถามผมคำถามนี้" และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นอมยิ้ม ก่อนจะพูดว่า "ผมรักเธอ เพราะเธอเป็นคนดี ฉลาด น่ารัก แค่น่ารักในสายตาผมก็พอ สังขารภายนอกของคนเราไม่เที่ยงหรอก ไม่นานก็ต้องเหี่ยว ร่วงโรย แต่ความดีงาม และความฉลาดนี่สิ ที่จะคงอยู่ตลอดไป ผมไม่แคร์หรอกว่า ใครจะมองผม หรือพูดลับหลังผมว่ายังไง เพราะมีเพียงหัวใจของผมเท่านั้น ที่จะบอกได้ว่า คนไหนเป็นคนที่ใช่ หรือคนไหนเป็นเพียงทางผ่าน ผมอยากอยู่กับคนที่ผมอยู่ด้วยและสบายใจ ผมไม่สนใจคำพูด หรือคำติชมของคนรอบข้าง เพราะการที่ผมจะคบกับใครสักคนนั้น ความสุข และความทุกข์จะเกิดกับผมเท่านั้น ผมจึงจำเป็นต้องเลือกคนที่เหมาะสม"


เราไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มๆแล้วมองหน้าเขาอย่างตั้งใจ และนึกในใจว่า "นี่แหละ ทอมตัวจริง หายาก ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก และมีความคิด ถ้าไม่มีแฟนล่ะก็ เสร็จเราไปแล้ว"


คำพูดของเขา ทำให้เราคิดถึง ตอนที่เราต้องตอบคำถามของหลายๆคน เกี่ยวกับ กิจกรรมที่เราทำเป็นประจำ นั่นคือ "การส่องทอม" (การที่เฝ้ามองดูทอมตามท้องถนน นับจำนวนประชากรทอมแต่ละวัน และให้คะแนนในใจ) โดยส่วนใหญ่เราก็จะมีเกณฑ์การให้คะแนนทอมส่วนตัว ซึ่งคะแนนเต็ม 10 แต่ทอมส่วนใหญ่ก็ได้ไม่ถึง 7 เคยมีคนถามเราว่า เราเอามาตรฐานไหนมาวัด? คำตอบก็คือ "มาตรฐานส่วนตัวของเราเอง" แต่การให้คะแนนนี้ เป็นเพียงการหาจุดสนใจในชีวิต ฆ่าเวลาไปเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า คนที่เราจะคบด้วย ต้องได้คะแนนเต็มสิบ หรือผ่านมาตรฐาน


เปรียบเทียบจากเรื่องง่ายๆ เช่น เมื่อเราเดินไปตามท้องถนน เราเห็นรถยนตร์เยอะแยะมากมาย เป็นธรรมดาที่เราต้อง "สะดุดตา" กับรถยี่ห้อแพงๆ มีรูปลักษณ์ที่เก๋ๆ เราอยากจะได้ลองขับ และเป็นเจ้าของ แต่ก็คงได้แค่คิด เพราะการที่เราจะซื้อรถยนตร์สักคัน แค่ความรู้สึกอยากได้ อยากมี ไม่ได้เป็นประเด็นหลัก แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า "เรามีเงินเพียงพอ ที่จะซื้อรถคันนั้นไหม? เรามั่นใจแค่ไหนว่า เราจะมีเงินเพียงพอ ที่จะซ่อมบำรุงและรักษารถคันนั้นตลอดการใช้งาน? หรือรถคันนั้นตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้ไหม? และถ้าเราได้ครอบครองรถคันนั้นแล้ว ชีวิตเราจะสะดวกสบายขึ้น หรือต้องเป็นหนี้หัวโตด้วยความไม่รู้จักพอเพียง?” สิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นตัวบ่งชี้ใน "การเลือกซื้อ" แต่เมื่อ ณ ตอนนี้ มีรถแพงๆ สวยๆ โก้ๆ (ที่โฆษณาตามทีวี และพวกไฮโซใช้กัน) ผ่านมาบนถนน ก็เป็นธรรมดา ที่เราก็จะต้อง "เหลียวมอง" แต่ไม่คิด "ครอบครอง"


ดังนั้น "การส่องทอม" ก็เป็นแค่ตามหา "อาหารตา อาหารใจ ที่ทำให้หัวใจชุ่มชื้นเท่านั้น" ไม่ได้หมายความว่า "คนที่จะมาเป็นแฟน หรือคนที่เราจะเลือกคบนั้น ต้องหล่อ รวย และ perfect เพราะ บางที "ความรัก" ก็มักเล่นตลกกับเราได้เสมอ


นอกจากเรื่อง "ความรัก" ก็ยังเปรียบได้กับเรื่องการแต่งตัว คุณเคยถามตัวเองไหมว่า "อะไรเป็นตัวบ่งชี้ Fashion ในแต่ละ collection "พรสวรรค์ของดีไซเนอร์" แต่ละคน หรือมี "เสียงสวรรค์"​ ส่งมาตามสายว่า season นี้ trend นี้มาแรง ปีนี้สีนี้จะเด่น ฯลฯ"


เราแต่ละคนมีหน้าที่ก็เพียง "วิ่งตาม และเชื่อในสิ่งที่ถูกตีแผ่ไว้บน magazine” โดยไม่มีข้อสงสัย หรือมีสิทธิ์เป็น "ผู้เลือก" การแต่งตัวของตัวเอง (คนที่กำลังวิ่งตาม fashion อยู่ลองถามตัวเองดูนะคะ) และนี่เป็นอีกเรื่องที่ชีวิตความเป็นมนุษย์ของเราถูก "ชักจูง และชักนำ" โดยสังคม


Fashion เป็นเรื่องแห่งศิลปะ


ความรัก เป็นเรื่องของความรู้สึก


และ "ความรัก" กับ "Fashion” ก็มีส่วนที่คล้ายกันอย่างมาก นั่นคือทั้งสองอย่างนี้ จะมีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่เป็น "ตัวตัดสิน" ไม่จำเป็นต้องอาศัยความคิดเห็นจากสิ่งรอบข้าง เพราะมีเพียงตัวเรา ที่รู้ได้ว่า "อะไรเหมาะสม หรือไม่เหมาะสมกับตัวเรา"


หากเราต้องฟังและเอาใจใส่ ความคิดเห็น และมุมมองจากคนรอบข้าง เราก็คงไม่ต่างอะไรกับ "ทาสของสังคม" ที่อาศัยอยู่ไปวันๆ คอยฟังคำสั่ง และติดตามกระแสจากคนรอบข้าง สุดท้าย เราก็จะถูกหล่อหลอมให้ "เสพความคิด และคำตัดสิน" ที่สังคมมีให้เบ็ตเสร็จ


หากชีวิตรัก และชีวิตส่วนตัวของคุณยังต้องขึ้นอยู่กับสังคม ความเป็นมนุษย์ที่มีอิสระเสรี ในการเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ด้วย "ความแตกต่าง" ก็คงหมดไป และเมื่อนานวันไป "จิตวิญญาณ" ของความเป็นมนุษย์ก็จะต้องถูก "ชักจูง" ไปด้วย และเมื่อนั้น "ความสุข" ที่คุณเฝ้ารอที่จะพบ ก็จะไม่มีวันได้มา "บรรจบ" กับชีวิตของคุณ


นี่คือคำถามเล็กๆน้อยๆ ที่เราอยากฝากให้เพื่อนๆ ได้คิดหากันตอบกันเล่นๆ เผื่อว่า คุณจะเข้าใจความเป็นตัวคุณได้มากกว่านี้


ข้อแรก ในความคิดของคุณ อะไรคือส่วนประกอบสำคัญในชีวิตคู่? คนสองคน? หรือ คนมากกว่าสองคน? หรืออะไร?


ข้อสอง ในความคิดของคุณ ความหมายที่แท้จริงของชีวิตคู่คืออะไร? การที่รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ของคนสองคน? หรือ จากหลายๆคน?


ข้อสาม ในความคิดของคุณ นอกจากคุณ และคนที่คุณรัก มีคนอื่นอีกไหมที่จะมีอิทธิพล และมีส่วนร่วมในความรักของคุณ?


เมื่อตอบคำถามสามข้อ ข้างบนเสร็จ คุณอาจจะได้แง่คิดอะไรบ้าง ไม่มากก็น้อย


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน