ห่างหายจากการเขียนไปนาน จริงๆแล้ว มีเรื่องราวเยอะแยะมากมายที่อยากจะจะถ่ายทอด แต่สืบเนื่องจาก เราได้เดินทางมาภูเก็ตเป็นรอบที่สอง เมือวันที่ 19-23 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เรามีกิจกรรมยุ่งมากๆ เรียกได้ว่า "เวลาทำกิจกรรมต่างๆ เยอะกว่าเวลานอนหลายเท่านัก" ช่วงแรกๆ ร่างกายพอมีพลัง รับไหว แต่พอฝืนไปได้สักพัก ร่างกายก็เกิด error (ทำให้เราเข้าใจคำว่า "สังขารที่ร่วงโรยตามวัย" ได้อย่างดี) "เหนื่อยสุดๆ"
เราอยากจะขอยก กิจกรรมในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม (ซึ่งเป็นวันเปิดปีพระสงฆ์เขต 2 แห่งสังฆมลฑลกรุงเทพ) ในวันนั้นเราต้องไปร้องเพลง เนื่องในพิธีมิสซาเปิดปีพระสงฆ์ ณ วัดมารีสวรรค์ ดอนเมือง เราจึงต้องตื่นตั้งแต่ หกโมงเช้า (ทั้งๆที่คืนวันศุกร์ เรานอนตอนตี 3) ขับรถไปที่โบสถ์ (แบบยังไม่ตื่นดี) ตอนแรกก็หวั่นๆว่า "ร้องเพลงเสียงจะออกไหม จะมีเสียงหรือเปล่า" แต่สุดท้ายด้วย "พระพร" ทุกอย่างก็จบลงได้อย่างดีมาก เสร็จพิธีตอนบ่ายโมงกว่าๆ เราทั้งหิว ง่วง และเจ็บเท้า เนื่องจากรองเท้าคัตชูคู่ใหม่ (กัดเรา) เราจึงนั่งรถตู้กลับโบสถ์ด้วยความเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่ยังไม่จบ เมื่อมาถึงที่โบสถ์เรา ทานข้าวเสร็จ เราว่าจะขอตัวขับรถกลับบ้านไปอาบน้ำนอนสักงีบ แล้วค่อยมามิสซาตอนเย็น
แต่พี่ๆที่โบสถ์บอกให้ร้องเพลงในงานแต่งงานอีก (คู่บ่าวสาวที่แต่งงานวันนั้น โชคดีมาก เพราะเขาได้ "วงนักร้องประสานเสียง" ทั้งวงร้องเพลงให้ (จำนวนนักร้อง เยอะกว่าจำนวนแขกที่มาร่วมพิธีในงานนี้เสียอีก) ร้องเพลงจบก็เกือบห้าโมงแล้ว เราจึงชั่งใจอย่างหนักว่า "จะกลับบ้านดีไหม? ถ้ากลับไปคงได้แค่อาบน้ำ แล้วก็ต้องรีบมาที่โบสถ์อีก" เราจึงเลือกที่จะนอนรอในรถดีกว่า รอเวลา จะได้ไม่ต้องขับรถไปๆมาๆ เรากำลังจะเอนตัวลงนอน ก็มีเด็กเล็กๆหลายคน มาชวนเราไปเล่นด้วย (จะได้ด้วยความอยากเป็นเด็ก หรือนึกสนุกอะไรไม่ทราบ สุดท้ายเราก็ไปเล่นกับพวกเขา) และเวลาก็ผ่านเลยไปถึงเวลามิสซาเย็น รวมถึงงานศพ พอจบงานศพ เราเริ่มอยากจะกลับบ้านแล้ว แต่คงกลับไม่ได้ เพราะมีเรียนร้องเพลงตอนค่ำ กว่าจะเลิกก็ห้าทุ่มตรง เรียกได้ว่า วันนี้เราออกนอกบ้านตั้งแต่ หกโมงเช้า กลับเกือบเที่ยงคืน (18 ชั่วโมง) สำหรับกิจกรรมวันเสาร์ เรียกได้ว่า "กิจกรรมแน่นเอียด ทั้่งเหนื่อย ทั้งร้อน แต่สนุก ไม่เคยคิดเลยว่า ภายในหนึ่งวัน เราจะได้เข้ามิสซา 3 ครั้ง และหลากหลายเช่นนี้" ถือว่าเป็น "ประสบการณ์" อีกหน้าหนึ่งในชีวิตของเรา
ณ ตอนนี้เราอยู่ "ภูเก็ต" บินมาถึงเมื่อวานตอนบ่าย และเมื่อวานก็เป็นวันลอยกระทง (เพื่อนๆไปลอยกระทงกันที่ไหนบ้างคะ) สำหรับเรา น้องทอมที่เรารู้จัก ชวนเราไปลอยกระทงที่ "สะพานหิน" ไกลจากที่เราพักประมาณ 30 กิโล ตอนแรกน้องเขานัดเราไว้ตอนสี่ทุ่มครึ่ง แต่เนื่องจากแฟนเขาขอเวลาแต่งตัวเพิ่ม ทำให้กว่าเขาจะมาเจอเราได้ ก็ห้าทุ่มครึ่งแล้ว ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปคนละคัน (บรรยากาศยามค่ำคืนของภูเก็ต ต่างจากเกาะช้างมาก ภูเก็ตบนท้องฟ้าไม่มีดาวเลย เหมือนดวงดาราอยู่ไกลเกินเอื้อม ไม่เหมือนเกาะช้างที่มองเห็นดาวเป็นประกายระยิบระยับ ชวนให้เพลิดเพลินในยามค่ำคืน) จริงๆแล้ว พี่ๆที่เกาะช้างชวนไปงานลอยกระทงที่วัดคลองพร้าว รวมถึงต่อที่สบายบาร์ เพราะมี คอนเสิร์ต "วงสกา" แต่เราเลือกที่จะมาภูเก็ตแทน เราไปถึงสะพานหินก็เกือบตีหนึ่ง (ตอนแรกคิดว่า งานลอยกระทงจะวายแล้ว) ที่ไหนได้ มีการออกร้าน เล่นเกมปาโป่ง เกมบิงโก เกมยิงปืน ทุกร้านยังเปิดอยู่
เราเดินเที่ยวสักพัก ก็ไปหาซื้อกระทง แล้วก็ไปลอยกันตรง "เวิ้ง" ตอนแรกเราคิดว่า เป็นแม่น้ำ แต่น้องพาเราไปลอยบนน้ำทะเล ถึงแม้ว่า คลื่นจะไม่ค่อยมี (แต่ตามกฏของธรรมชาติ น้ำทะเลก็ต้องพัดเข้าหาฝั่งเสมอ) เราจึงต้องเดินลุยน้ำ ไปปล่อยกระทงกันที่กลางทะเล แต่สุดท้าย ก็คงฝืนกฏธรรมชาติไม่พ้น เพราะถึงแม้จะเดินไปปล่อยลึกแค่ไหน แต่กระทงก็ต้องพัดเข้าหาฝั่งอยู่ดี เพียงแต่ว่า อาจจะช่วยยืดเวลาให้กระทงลอยอยู่ในน้ำได้นานขึ้นก่อนพัดเข้าฝั่งเท่านั้น
(หากจะเปรียบเทียบกับชีวิตมนุษย์ ก็คงเหมือนมนุษย์ต้องการที่จะฝืนกฏ การเกิด แก่ เจ็บ และตาย ของธรรมชาติ โดยการนำเทคโนโลยีมา เพื่อใช้ในการต่อชีวิตให้อยู่บนโลกใบนี้ให้นานที่สุด แต่สุดท้าย เราทุกคน ก็ไม่มีใครฝืนกฏของธรรมชาติได้ สิ่งที่เราทำได้ ก็คงเพิ่มความทรมาน และยืดเวลาแบบทรหด ได้เพียงแค่นั้น)
ณ ที่นั่น มีการปล่อยโคมลอยด้วย ท้องฟ้าในคืนนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟจากโคมลอย อันแล้วอันเล่า ที่คนแต่ละคู่ หรือครอบครัว ช่วยกันจุดและปล่อยขึ้นไปบนฟ้า บ้างก็ลุ้นว่า จะไปได้สูงแค่ไหน (หลังจากที่ผิดหวังจากการลอยกระทงที่ไหลตีกลับมา) ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก
เราขี่มอเตอร์ไซค์กว่าจะกลับมาถึงที่พัก ก็ตีสามกว่าแล้ว เหนื่อยมากๆ เราจึงรีบอาบน้ำนอน แต่วันนี้เราตื่นมาแต่เช้า เนื่องจากเราอยากทาน "อาหารเช้า" ของชาวภูเก็ต นั่นคือ ติ่มซำ และ ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง เนย แยม (อร่อยดีคะ)
เราคงอยู่ที่ภูเก็ตอีกสักระยะหนึ่ง มีเรื่องราวที่มีแง่คิดอีกมากมายที่เราอยากจะถ่ายทอด เราจะค่อยๆ กลั่นกรองออกมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ