โดยส่วนตัวแล้ว เราไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไหร่ และส่วนใหญ่เพื่อนที่เราคุยด้วย ก็จะเป็นทอม (แต่เพื่อนที่สนิทมีเพียงคนเดียว คือ พี่หนิง) สาเหตุประการหลักที่เราไม่มีเพื่อนเป็น "ดี้" อาจเพราะว่า เราไม่มีนิสัยจุกจิก เราไม่เหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ จะออกแนวลุยๆ และคิดเร็ว ทำเร็ว คือนิสัยโดยรวมของเรา เรียกได้ว่า จะออกแนว "ทอม" ด้วยซ้ำ (เราเคยประกาศไว้แล้วว่า ถ้า อายุ 30 ยังหาแฟนไม่ได้ เราจะเป็นทอมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย)
และด้วยเหตุนี้ เราจึงได้มีโอกาสฟังเรื่องราว ความอัดอั้นตันใจ หรือแม้จะทั่ง การบ่นเรื่องต่างในชีวิต จาก "ทอม" ผู้เป็นเพื่อนเรา (น้อยครั้งที่จะมีโอกาส "ฟังความ" จากทางฝั่งดี้บ้าง)
หลายๆคนอาจคิดว่า "ทอมเป็นเพศที่ไม่มีนิสัยผู้หญิง นินทาคนไม่เป็น บ่นไม่เป็น หรือ เม้าส์ไม่เก่ง" เรายืนยัน นอนยัน นั่งยัน วิ่งยันได้เลยว่า "ไม่จริงคะ" ทอมก็ยังคงมีความเป็นผู้หญิงอยู่ (ในเพศสามัญ) ขึ้นอยู่กับนิสัยของบางคน บางคนก็เม้าส์ได้สุดๆ บางคนก็เงียบได้สุดๆเหมือนกัน (ตามความคิดเห็นส่วนตัวของเรา)
และในบรรดาเพื่อนๆที่เรารู้จัก "นุก" ทอมวัย 37 ปี ก็เป็นนึงในนั้นเหมือนกัน เรียกว่า ทอมขี้บ่น และจุกจิก ตัวแม่เลยทีเดียว เรารู้จักเขามาก็เกือบห้าปีแล้ว แต่ละครั้งที่เขาอกหัก รักคุด ก็จะมาแหกปากร้องไห้ให้เราฟัง ร้องคร่ำครวญประหนึ่งสูญเสียอวัยวะหลักของร่างกายไปอย่างงั้น แต่พออาทิตย์นึงผ่านไป "คราบน้ำตา" ก็ได้จางหาย มีแต่เพียง "ตีนกา" ที่ขึ้นรอบดวงตา เนื่องจาก "ความสุข" ที่ได้พบรักใหม่ ที่คิดไปเองว่า "ดีกว่า ตื่นเต้นกว่า แน่นอนกว่า" และวัฏจักรของชีวิตรักก็วนไปวนมา เขามักคบใครไม่เคยเกิน 6 เดือน อาจด้วยความเบื่อ หรือการหาจุดยืนในสิ่งที่ตัวเองต้องการแน่ๆไม่เจอ ก็ไม่รู้
การเลิกราในทุกๆครั้ง "เรา" คือบุคคลที่โชคร้ายต้องมานั่งรับเคราะห์ ฟังเรื่องราวชีวิตรัก (ที่ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะเปลี่ยนนางเอกไปอีกสักกี่คน แต่บทละครก็ยังมีเค้าโครงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คล้ายๆกับดู หนังเรื่อง จำเลยรัก เวอร์ชั่นเปลี่ยนนางเอกไปเรื่อยๆ แต่พระเอกก็ยังงี่เง่าเหมือนเดิม)
ในทุกๆตอนในชีวิตรักของเขา เขาจะเป็นฝ่ายบอกเลิกคนรักก่อนเสมอ โดยให้เหตุผลว่า "เธอเหล่านั้น เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมเหมือนที่เขาเคยเจอครั้งแรก สร้างภาพมาคบกับเขา พอหมดช่วงโปรโมชั้น 3 เดือน ทุกคนก็เห็นเขามีค่าแค่เรื่อง sex ไม่มีใครเอาใจใส่ และรักที่ตัวตนเขาจริงๆสักคน" (คาดหวังมากไปหรือเปล่าเพื่อน)
ตอนล่าสุดในชีวิตรักของเขาก็คือ เขาพบรักกับ "น้องจิ๊บ" ที่ป้ายรถเมล์ เขารู้สึกปิ้งเธอในแวบแรก เนื่องจากเธอลุกให้คนแก่นั่ง เขาจึงเดินหน้าจีบเธอแบบไม่สนใจว่า เธอจะเป็นดี้ หรือผู้หญิงปกติ และด้วยศักยภาพทางหน้าตา ฐานะ การศึกษา และหน้าที่การงาน เขาจึงได้เธอมาครอบครองแบบไม่ยากเท่าไหร่นัก หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้า step เขาตามรับ ตามส่งเธอทุกที่ ดูแลอย่างดี เขาชม และพูดถึงเธอกับทุกคนที่เขารู้จักว่า ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ เป็นคนสุดท้ายแล้วที่เขาอยากจะคบ และใช้ชีวิตด้วย (บทละครเดิม)
และเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะบอกกับคนอื่นว่า เขา "ตาสว่าง" แล้ว หลังจากที่ "ตาบอดแบบชั่วคราว" หลงรักเธอที่ไม่มีอะไรดี มีแต่ข้อเสียเต็มไปหมด ไม่เหลือความดีอะไรเลย เธอไม่ใช่คนที่ใช่แล้ว เธอเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่น่ารังเกียจสำหรับเขา ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็ดูจะเป็นคนที่หยาบกระด้าง และเห็นแก่ตัวเสมอ และเหตุผลนี้แหละ ที่ทำให้เขาต้องบอกเลิกเธอ เพราะเขารับความเป็นตัวเธอไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน เธอก็ไม่สวย ไม่ดีเหมือนกับคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก
แรกๆเราฟังเรื่องราวจากปากเขาเพียงฝ่ายเดียว เราก็ไม่คิดอะไร สงสาร และคิดว่าเขาคงจะ "โชคร้าย" ที่ต้องเจอคนไม่ดี ซ้ำแล้วซำ้อีก แต่เมื่อ "บทละคร" มันซ้ำไปซ้ำมา เหมือนๆเดิมในทุกๆตอน ระยะหลังมานี่ เราจึงเข้าใจว่า จริงๆแล้ว การที่เขาคบกับใครได้ไม่นาน และต้องเป็นฝ่ายทนไม่ได้ และบอกเลิกก่อนนั้น ไม่ได้มีสาเหตุมาจาก "ผู้หญิงเหล่านั้น" แต่ "ต้นเหตุ" ที่แท้จริง มาจากสภาพทางจิตใจของเขานั่นเอง
และสภาพเช่นนี้ คือ "สภาพจิตบอดชั่วคราว"
ลักษณะของอาการก็คือ
เมื่อตกหลุมรัก หรือพบความตื่นเต้นในความรักทุกอย่างจะดูดีหมด คือเมื่ออยู่ในอารมณ์รัก ก็จะมองเห็นแต่ข้อดีของคนที่ตัวเองเลือกที่จะรัก (รักปานจะแหกตูดดม)
แต่เมื่อความรักเริ่มจืดจาง หรือมองเห็นจุดบกพร่องของคนรัก หรือเมื่ออยู่อารมณ์เบื่อแล้ว ก็จะมองเห็นแต่ข้อเสียของคนที่ตัวเองเคยเลือกที่จะรัก (ขยะเขยงแบบไม่เหลือข้อดี) มองไปทางไหน เธอก็มีข้อเสียไปซะทุกจุด
และนี่ก็คือสาเหตุของ "ปัญหาในชีวิตรัก" ทั้งหมดของเขา (เวลารักก็รักแบบตาบอด เวลาเกลียดก็เกลียดแบบจิตบอด)
เราเชื่อว่า เมื่อหลายๆคนอ่านเรื่องนี้แล้ว อาจจะรู้สึกคุ้นๆ หรือเคยมีพฤติกรรมเช่นนั้นมาก่อน เวลารักก็มองไม่เห็นข้อเสีย แต่ถ้ารักร้างแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวกลายมาเป็นข้อเสียได้หมด เราพอจะเข้าใจว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ต้องการคนรักที่ดีที่สุด จึงต้องสรรหา และคัดสรร (โดยใช้มาตรฐานส่วนบุคคล) นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
แต่เรามีคำถามเล็กๆ ให้พวกคุณถามเล่นๆในใจกันว่า
“แล้วคุณคิดว่า คุณดีพอที่จะเป็นคนรักที่ดีสุดสำหรับใครๆหรือยัง? ถ้าคำตอบคือ "ใช่" คุณก็มีสิทธิที่จะเลือกคนที่ดีที่สุด คนที่คู่ควรที่สุดสำหรับคุณ แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจในคำตอบ "ก็จะพยายามยกมาตรฐานตัวเองให้สูงเกินไปนักเลย เพราะยิ่งสูงมากไป คุณเองนั่นแหละที่จะไม่มีวันได้พบรักแท้"
หากเพื่อนคนนั้นเข้ามาอ่าน เราก็ฝากให้นายคิดด้วยนะ เพราะคงเป็นเรื่องที่ "น่าสมเพช" มาก อายุนายก็นับวันยิ่งมากขึ้น ถ้ายังเลือกมาก มากเรืื่องอยู่ ก็คงต้องอยู่เป็น "ทอมป้า" เหี่ยวเฉา
ตายทั้งเป็นอยู่นี่แหละ (ความรักไม่ได้มาเคาะประตูหัวใจเราบ่อยนักหรอกนะคะ)
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน