Recent News

Powered by eSnips.com

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เรื่องราวของ Cupid

พรุ่งนี้จะถึง Valentine’s Day แล้ว ก่อนจะถึงพรุ่งนี้ หลายๆคนคงจะเตรียมตัว เตรียมความพร้อม (ทั้งความสวยภายใน และภายนอก) เฝ้ารอ Destiny หรือคนดีๆสักคนที่จะเดินเข้ามา “เติมเต็ม” ส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตของคุณ “ขอให้สมหวังดั่งตั้งใจนะคะ” ในเช้าวันนี้เราอยากจะนำเรื่องราวดีๆของ “Cupid” มาฝากให้อ่านเล่นๆกันคะ

คนทั่วไปรู้จัก Cupid ในภาพของ “เด็กน่ารักที่มีปีก มือถือคันธนู กับลูกศร” และมีชื่อเสียงในเรื่อง “การยิงศรรัก” ปักหัวใจของใครต่อใคร

“ศรรักของ Cupid” หมายถึง “ความปรารถนา และอารมณ์แห่งความรัก” มีความเชื่อว่า “Cupid” มีหน้าที่เล็งลูกศรไปที่พระเจ้าและมนุษย์ เพื่อทำให้พระเจ้ากับมนุษย์รักกัน “Cupid” จึงเป็นตัวแทนในการแสดงออกซึ่งความรัก

ในสมัยกรีกโบราณ ได้มีตำนานเกี่ยวกับ “Cupid” สมัยนั้น “Cupid” หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “เอโรส” ลูกชาย “แอฟโรไดท์” เทพธิดาแห่งความรัก และความสวยงาม แต่สำหรับพวกโรมัน เขาคือ “Cupid” และแม่ของเขาคือ “วีนัส”

“Cupid” และ “ไซคี” เจ้าสาวของเขาในเทพนิยายโรมัน (เราขอแนะนำเพื่อนๆให้รู้จัก “คู่รักของคิวปิด” สักนิดนะคะ) เธอเป็นเทพธิดารูปงามในนิยายกรีกโบราณ มีปีกเป็นผีเสื้อ และ เพราะความงามนี้เองที่ทำให้วีนัส (แม่ของ cupid) อิจฉา นางจึงได้สั่ง Cupidให้ลงโทษว่าที่ลูกสะใภ้เสีย แต่Cupid ตกหลุมรักเธอเกินกว่าที่จะทำตามความต้องการของแม่

ดังนั้น แทนที่จะลงโทษเธอ Cupid กลับเอาเธอเป็นภรรยาเสียเลย แต่เนื่องจาก “ไซคี” มิได้เป็นอมตะ เธอจึงถูกห้ามมิให้มองหน้าเขาเด็ดขา (ตรงนี้ เราไม่ทราบเหมือนกันนะว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ได้เธอเป็นภรรยาแล้ว ภรรยามองหน้าสามีไม่ได้ แต่อย่าไปคิดอะไรมากนะคะ เพราะเป็นแค่เทพนิยายกรีก) หลังจากตกเป็นภรรยาของเขาแล้ว เธอก็มีความสุขเรื่อยมา (ก็แหงละ) จนกระทั่งพี่สาวของเธอได้รบเร้าให้เธอสบตา และมองหน้า Cupid (ชายที่เธอรัก) และทันทีที่เธอมองหน้าเขา เขาก็ลงโทษเธอด้วย “การทิ้งเธอ” ไปทันที พร้อมกันนั้น ปราสาทและสวนอันสวยงามของเธอก็ต้องมลายหายไปด้วย

หลังจากนั้น เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังในทุ่งโล่งแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือเขาปรากฏให้เห็นเลย ในขณะที่เธอออกเดินทางค้นหาคนรักของเธอนั้น เธอก็มาถึงวิหารของวีนัสโดยบังเอิญ เมื่อวีนัส เทพธิดาแห่งความรักพบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ นางก็ปรารถนาที่จะทำลายเธอ ด้วยการให้งานที่หนัก และอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (งานสุดท้ายที่เธอได้รับ มิใช่งานขับเครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรดนะจ๊ะ อย่าเข้าใจผิด) หากแต่ เธอได้รับกล่องใบหนึ่งมา และได้ถูกสั่งให้ลงไปยังใต้โลก เพื่อเอา “ความงามของโพรเซอร์พีน (ภรรยาของพลูโต)” ใส่กล่องใบนี้มา ในระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้น เธอก็ได้รับคำแนะนำ ให้รู้จักการหลีกเลี่ยงอันตรายจาก “อาณาจักรแห่งความตาย”

นอกจากนั้นแล้ว เธอยังได้ถูกเตือนมิให้เปิดกล่องใบนั้นอีกด้วย แต่เพราะทนไม่ไหว หรือเพราะความอยากรู้อยากเห็น (เธอช่าง Curious เหมือนเราเลย ฮิฮิ) เธอได้เปิดกล่องใบนั้น แต่แทนที่จะพบกับความงาม เธอกลับต้องหลับเป็นตาย

ต่อมา Cupid ได้มาพบร่างอันไร้ชีวิตของเธอบนพื้นดิน เขาจึงได้นำเอาอาการหลับเป็นตายออกจากร่างของเธอ และนำมันไปเก็บไว้ในกล่อง และเขาก็ได้ให้อภัยเธอ เช่นเดียวกับวีนัส เมื่อเทพเจ้าทั้งหลายเห็นความรักที่เธอมีต่อเขา จึงได้ตั้งให้เธอเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง

ปัจจุบันนี้ “รูป Cupid แผลงศร” เป็น “สัญลักษณ์แห่งความรัก” ที่ผู้คนมักนิยมใช้กัน และเมื่อศรรักของ Cupid พุ่งโดนหัวใจหนุ่มสาวคนใดใน “วันวาเลนไทน์” หนุ่มสาวคนนั้นก็จะออกอาการ "stupid (สติวปิ้ด)" จากศรรักของ Cupid ขึ้นมาทันที อาการนี้จะเห็นได้จากการส่งดอกกุหลาบสีแดง ส่งช็อคโกแล็ต การส่งบัตรอวยพรและอื่นๆมากมายคะ และอาการต่อมาก็คือ Cupidity (ความโลภ) ที่เมื่อมี “ความรัก” แล้ว แต่ด้วยความโลภ คนเดียวไม่พอ ต้องขอ 2 ขอ 3 ขอ 4 (ทำให้เกิด “ความวุ่นวาย” ในชีวิตแบบตั้งใจ)

หมายเหตุท้ายบท : "stupid สติวปิ้ด" เป็นภาษาอังกฤษแปลว่า "โง่" ครับ เหมือนคำบางคำที่เราอาจเคยได้ยินว่า “ความรักบางครั้งก็ทำให้คนตาบอด และ มองไม่เห็นข้อบกพร่องของคนที่เรารัก”

ฝากไว้เช่นเคยคะ “รักอย่างมีสตินะคะ” ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน