Recent News

Powered by eSnips.com

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Money หรือ เงิน

เรามี Plan ไว้ในใจว่า จะซื้อ Mac Book Air สักเครื่อง มาสนอง need ตัวเอง (ทั้งๆที่ notebook เครื่องที่ใช้อยู่ก็ยังใช้ได้ดีอยู่) เราคำนวณงบประมาณ และทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตั้งใจว่าอาทิตย์หน้าจะซื้อให้เป็นของขวัญวัน Valentine ให้กับตัวเอง

แต่เมื่อวันเสาร์เรามีโอกาสได้คุยกับ พี่คนนึง ที่เขามีปัญหาเรื่องเงิน เขาเป็นคนขับ taxi และต้องมีภาระรับเลี้ยงแม่ที่ชรามาก รวมถึงน้องสาวที่มีลูกอ่อน (สามีทิ้งไป) เขาจำเป็นต้องมีเงิน 50000 เพื่อไปจ่ายค่างวดรถ (ที่ค้างไว้) เนื่องจากหลังจากที่รถโดนยึดไปนั้น เขาก็ไม่มีรายได้ ทำให้คนในความรับผิดชอบเขาอีกหลายชีวิต ต้องลำบากไปด้วย

(เมื่อเราได้ฟังดังนั้น เราก็คิด คิด และก็คิด) พลางหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดูรูปน้องแมว และถามตัวเองว่า “จำเป็นไหม? สำหรับสิ่งที่เราจะซื้อ” เรานั่งคิดอยู่สักพัก เราจึงเรียบเรียงเรื่องราวในหน้านี้ขึ้นมา (เพื่อว่า ถ้ามีเพื่อนบางคน ที่กำลังจะตัดสินใจใช้เงิน เพียงเพื่อแค่สนอง need ตัวเอง แต่สิ่งนั้นไม่ได้จำเป็นในชีวิตแล้ว อาจได้คิด และลองเปรียบเทียบในใจกันเล่นๆดู)

เงิน 10000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้ไปสำหรับการทดสอบ ทดลองซื้อ เครื่องสำอางชั้นนำ ที่ “โฆษณา” ทางทีวี และนิตยสาร (แค่เพียงอยากรู้ และอยากลองตาม fashion เท่านั้น)

เงิน 10000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต และยกระดับชีวิตของเขา ด้วยการนำไป “ลงทุน” ทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัว

เงิน 5000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้ไปสำหรับเสื้อผ้าสวยๆสักชุด ไว้ใส่เดินเล่น (ซึ่งเสื้อผ้าชุดนี้ อาจมีโอกาสได้ใส่เพียงไม่กี่ครั้งก็ได้)

เงิน 5000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้ไปเพื่อเป็น “ค่าเทอม ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือ ค่ารถรับ-ส่ง” ให้กับเด็กสักคนให้ได้มีโอกาสได้รับการศึกษา

เงิน 3000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้ไปเพื่อซื้อรองเท้ามียี่ห้อสักคู่ เพื่อใส่เดินบนถนน

เงิน 3000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้เพื่อ ซื้ออุปกรณ์ลงทุนขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อเพิ่มรายได้ และมีเงินพอเลี้ยงชีพ

เงิน 1000 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้เพื่อ ทานอาหารในร้านหรูๆ เพียงลำพังคนเดียวสักมื้อ (อาหารที่รับเข้ามา ไม่นานก็ต้องถ่ายออกไป)

เงิน 1000 บาท สำหรับบางคน อาจคือเงินที่จะประดังชีวิตเพียงพอ ซื้อข้าวสารมาเลี้ยงคนครอบครัวไปได้ทั้งเดือน

เงิน 500 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้เพื่อซื้อ นิตยสารเกี่ยวกับความงามสัก 2-3 เล่ม

เงิน 500 บาท สำหรับบางคน อาจถูกใช้เพื่อซื้ออาหารเลี้ยง สุนัข และแมวได้ตลอดทั้งเดือน (มีอีกหลายชีวิตที่อยู่รอด)

เงิน 100 บาทสำหรับบางคน อาจถูกใช้เพื่อซื้อกาแฟสดสักแก้ว ดื่มเพื่อสนอง need ตัวเองหรือค่านิยม (ก็ไม่มีใครสรุปได้)

เงิน 100 บาทสำหรับบางคน อาจคือค่าแรงที่ตรากตรำทำงาน โดยไม่ได้หยุดพักทั้งวัน ทั้งคืน (ที่ยังไม่หักรายจ่ายในแต่ละวัน)

บางคนมีความสามารถในการหาเงิน และการใช้เงินออกไป (โดยไม่รู้จักคิด) ทำให้ไม่มีเหลือเก็บ

บางคนก็ไม่มีความสามารถในการหาเงิน และต้องระวังการใช้เงิน (รายจ่ายไม่สัมพันธ์กับรายรับ ทำให้เกิด “ภาวะเงินขาดมือ” ขึ้น)

บางคนก็ไม่เก่งในการหาเงิน และไม่เก่งในการบริหารเงิน (จนทำให้เกิดหนี้กองโต ที่คำนวณดูแล้ว ชีวิตนี้อาจต้องเป็น “หนี้” ไปชั่วชีวิต ประมาณ “ดอกเบี้ย” ทบชาตินี้ และชาติหน้า)

“เงิน” ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ “จุดยืนในสังคม” หากแต่ “เงิน” ถูกสังคมใช้เพื่อ “ยกระดับ” ชีวิต และความสะดวกสบาย ให้กับคนในสังคม

ถามตัวคุณดูนะคะว่า “ตอนนี้คุณเป็น “ทาสของแผ่นกระดาษที่เรียกว่า “เงิน” อยู่หรือเปล่า?”

คุณพ่อเรามักจะพูดเสมอว่า “เงินชอบอยู่กับคนฉลาด” และ “เงินไม่บูด ไม่เน่า ไม่มีวันหมดอายุ เก็บเงินไว้ดีกว่า”

ขอเชิญชวนให้เพื่อนๆมาเก็บเงินวันละ 10 บาท ไม่ใช่เพื่อให้เพื่อนๆมีเงิน 3650 บาทใน 1 ปี แต่เพื่อฝึกวินัยในการเก็บออมเงิน เมื่อคุณทำได้ตามนี้ครบ 1 ปี คุณจะค้นพบสัจธรรมหลายๆอย่างในชีวิตเพิ่มมากขึ้น และคุณจะพบว่า “เงินเก็บก้อนแรก ก้อนเล็กๆของคุณนี้ จะขยายผลให้กับชีวิตคุณอีกมากมาย” ลองดูกันนะคะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน