ช่วงนี้ในกรุงเทพ ฝนตกแทบจะทุกวัน และเกือบตลอดทั้งวัน การออกไปข้างนอกแต่ละวัน คงจะหลีกเลี่ยง “ละอองฝน” ไม่ได้ จึงทำให้เราเริ่มมีอาการ “ตัวร้อน เป็นไข้” โดยปกติ เมื่อเราเป็น “หวัด” สิ่งแรกที่จะทำคือ “นอน และก็นอนพักเยอะๆ” วันนี้เราตั้งใจจะอยู่บ้านนอนทั้งวัน แต่ก็ต้องมี “ภารกิจ” ให้เราต้องออกไป “เผาผลาญ energy” เราออกไปทำธุระทั้งวัน กลับมาถึงบ้านก็บ่ายสี่โมงเย็นแล้ว พอร่างกายได้ “หยุดนิ่ง” อาการไข้ ตัวร้อน และเจ็บคอ เริ่มมา “รุมเร้า” เราจึงต้องนอนพักอย่างยาวๆ (โดยที่ยังไม่ยอมเริ่มกินยาลดไข้) ตื่นมาไข้จึงยังไม่ลด เราเลยเริ่มกิจกรรมหัวค่ำด้วย “การรีดผ้า” เพื่อกระตุ้นให้ “เหงื่อ” ออก แล้วไข้ก็จะลด แต่ดูท่าทาง “เชื้อหวัด” ที่เราได้รับในครั้งนี้นั้น จะ “ดื้อมาก” (เหมือนเรา) คืนนี้ต้องนอนเร็วหน่อยดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ต้องไปหลายที่ และไปโบสถ์ช่วงหัวค่ำด้วย (ใช้ชีวิตเพียงลำพัง ก็ต้องลำบากอย่างนี้แหละ ว่าไหมคะ?)
Blog วันนี้ เราอยากจะฝากเรื่องราวนี้ ให้เพื่อนๆได้อ่าน และคิดตาม (เชื่อว่า คงจะสามารถ “สะกิด” อะไรบางอย่างในตัวคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย)
เมื่อ “อกหัก” ก็เป็นธรรมดาที่คนเราจะ “เศร้า และเสียใจ”
โดยคนส่วนใหญ่ มักจะแสดง “พฤติกรรม” หลังจากอาการอกหัก แบ่งเป็นหลายประเภท แต่เราจะขอยกตัวอย่างใน 2 ประเภทใหญ่ๆ
ประเภทแรกเลือกที่จะไม่ให้ตัวเอง “เศร้า” หรือ “เหงา” อยู่นานเกินควร จึง “ด่วน” รีบหา ใครก็ได้สักคน มา “เสียบ” แทนโดยทันที (รวดเร็วยิ่งกว่า pizza delivery อีก)
ประเภทที่สอง ที่เมื่อเสียใจแล้ว จะ “เข็ดหลาบ” ไม่สามารถที่จะมีรักครั้งใหม่ได้อีกเลย บางคนปิดโอกาสตัวเอง 5 ปี 10 ปี หรือก็ตลอดชีวิต (ขึ้นอยู่กับความพอใจในตัวบุคคล)
“หวาน” ดี้หน้าตาดี หลังจากเธอถูกแฟนคนแรก “ทรยศ หักหลัง” ทำให้เธอต้องดื่มน้ำใบบัวบก ต่างข้าว อยู่เป็นปี เธอก็ได้ตั้งตัวอยู่เป็นโสดตั้งแต่วันนั้น โดยไม่สนใจที่จะเปิดรับใครเข้ามา มีทอมหลายคนที่อยากจะเดินเข้ามาเสนอหัวใจ และเงินทองให้เธอ แต่ก็ต้องถูกเธอ “ปฏิเสธ” (หน้าหงายกันเป็นแถบๆ) การใช้ชีวิตประจำวันของเธอ ไม่ว่าจะเป็น ทานข้าว ดูหนัง หรือไปต่างจังหวัด เธอมักจะทำกิจกรรมเหล่านี้คนเดียว เธอมีความสุขในความเหงาที่เธอมี อย่างน้อยก็ไม่ต้อง “เสี่ยง” ที่จะพบกับความเศร้าใจ เสียใจ และปัญหา ที่มาหาเธอ (ไม่เว้นแต่วันมีประจำเดือน)
เรามีโอกาสได้คุยกับเธอ เธอได้บอกเราว่า “บางทีความเหงา และความโหยหาอ้อมกอดของใครสักคน ก็เป็น “ตัวกระตุ้น” ให้เธออยากจะมีแฟนเช่นกัน แต่เมื่อเธอคิดถึงความรักครั้งสุดท้าย ที่เธอได้รับการทรยศที่แสนสาหัส จากทอมเลวๆคนนึง แล้วรวมกับ รอบตัวเธอมีแต่คู่รัก ไม่ว่าจะเป็นคู่รักทอมกับดี้ หรือหญิงกับชาย ล้วนแต่มีปัญหาให้งอนง้อกัน ไม่เว้นแต่ละวัน เวลารักกัน อาจมีรอยยิ้มให้แก่กัน (แต่ก็เป็นช่วงเวลาอันสั้น) แต่เวลาทะเลาะ หรือเสียงดังใส่กันแต่ละที ก็ทำให้สุขภาพจิตแย่ (เข้าขั้นต้อง “กรอก” พาราเซตามอลกันเป็นขวดๆเลยทีเดียว) เธอได้เห็นตัวอย่างจากพวกเขาแล้ว เลยเข็ดที่จะมีความรัก ขอใช้ชีวิตโสด รักตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ยิ้มกับตัวเอง อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องผิดหวังเนื่องจาก “การคาดหวังในความรัก” ไม่ต้องเจอกับปัญหาการทรยศ และไม่ต้องคอยตามอารมณ์ของคนอื่น (ที่แม้แต่ตัวเขาเอง ยังไม่รู้จักอารมณ์ของตัวเองเลย)”
เราทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในมุมของเธอ แต่ “หัวใจ” ของเธอ เธอมีสิทธิ์เต็มที่ ที่จะตัดสินใจ และเลือกทางเดินของชีวิต ที่เธอคิดว่า “เหมาะสม” กับเธอมากที่สุด
ในแง่คิดของเรา สำหรับใครที่เพิ่งจะโสด (เพราะถูกหักอกมา) ก็ควรจะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รักษาตัวเอง (“เว้นวรรค” ให้หัวใจตัวเองได้ “หายใจลึกๆ” เสียบ้าง อย่าได้ “ดึงดัน” ที่จะทรมานหัวใจ ด้วยการ “ผจญภัย” อย่างไร้จุดหมายเลย) พร้อมเมื่อไหร่ ค่อย “เปิดใจ” ต้อนรับใครอีกคนในอนาคต ก็ยังไม่สาย
สำหรับใครที่ครองตัวโสดมานาน เพราะ “กลัว” ที่จะมีความรักใหม่อีกครั้ง เราเคารพในการตัดสินใจของคุณ “จงปฏิบัติในสิ่งที่คุณสบายใจเถอะ”
ขอฝากไว้นิดนึง ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก อย่างน้อยเมื่อคุณได้เกิดมาเป็นมนุษย์ครั้งนึง ที่แสนจะประเสริฐกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆในโลก ทำไม?ไม่ลองค้นหาใครสักคนที่เป็นคู่ของคุณดู มีคนเป็นล้านๆคนในโลกนี้ น่าจะมีสักคน ที่ “ดีพอ และดูแล” คุณได้ ต้องมีสักคนสิ ที่เป็น “คนของคุณ”
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
Blog วันนี้ เราอยากจะฝากเรื่องราวนี้ ให้เพื่อนๆได้อ่าน และคิดตาม (เชื่อว่า คงจะสามารถ “สะกิด” อะไรบางอย่างในตัวคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย)
เมื่อ “อกหัก” ก็เป็นธรรมดาที่คนเราจะ “เศร้า และเสียใจ”
โดยคนส่วนใหญ่ มักจะแสดง “พฤติกรรม” หลังจากอาการอกหัก แบ่งเป็นหลายประเภท แต่เราจะขอยกตัวอย่างใน 2 ประเภทใหญ่ๆ
ประเภทแรกเลือกที่จะไม่ให้ตัวเอง “เศร้า” หรือ “เหงา” อยู่นานเกินควร จึง “ด่วน” รีบหา ใครก็ได้สักคน มา “เสียบ” แทนโดยทันที (รวดเร็วยิ่งกว่า pizza delivery อีก)
ประเภทที่สอง ที่เมื่อเสียใจแล้ว จะ “เข็ดหลาบ” ไม่สามารถที่จะมีรักครั้งใหม่ได้อีกเลย บางคนปิดโอกาสตัวเอง 5 ปี 10 ปี หรือก็ตลอดชีวิต (ขึ้นอยู่กับความพอใจในตัวบุคคล)
“หวาน” ดี้หน้าตาดี หลังจากเธอถูกแฟนคนแรก “ทรยศ หักหลัง” ทำให้เธอต้องดื่มน้ำใบบัวบก ต่างข้าว อยู่เป็นปี เธอก็ได้ตั้งตัวอยู่เป็นโสดตั้งแต่วันนั้น โดยไม่สนใจที่จะเปิดรับใครเข้ามา มีทอมหลายคนที่อยากจะเดินเข้ามาเสนอหัวใจ และเงินทองให้เธอ แต่ก็ต้องถูกเธอ “ปฏิเสธ” (หน้าหงายกันเป็นแถบๆ) การใช้ชีวิตประจำวันของเธอ ไม่ว่าจะเป็น ทานข้าว ดูหนัง หรือไปต่างจังหวัด เธอมักจะทำกิจกรรมเหล่านี้คนเดียว เธอมีความสุขในความเหงาที่เธอมี อย่างน้อยก็ไม่ต้อง “เสี่ยง” ที่จะพบกับความเศร้าใจ เสียใจ และปัญหา ที่มาหาเธอ (ไม่เว้นแต่วันมีประจำเดือน)
เรามีโอกาสได้คุยกับเธอ เธอได้บอกเราว่า “บางทีความเหงา และความโหยหาอ้อมกอดของใครสักคน ก็เป็น “ตัวกระตุ้น” ให้เธออยากจะมีแฟนเช่นกัน แต่เมื่อเธอคิดถึงความรักครั้งสุดท้าย ที่เธอได้รับการทรยศที่แสนสาหัส จากทอมเลวๆคนนึง แล้วรวมกับ รอบตัวเธอมีแต่คู่รัก ไม่ว่าจะเป็นคู่รักทอมกับดี้ หรือหญิงกับชาย ล้วนแต่มีปัญหาให้งอนง้อกัน ไม่เว้นแต่ละวัน เวลารักกัน อาจมีรอยยิ้มให้แก่กัน (แต่ก็เป็นช่วงเวลาอันสั้น) แต่เวลาทะเลาะ หรือเสียงดังใส่กันแต่ละที ก็ทำให้สุขภาพจิตแย่ (เข้าขั้นต้อง “กรอก” พาราเซตามอลกันเป็นขวดๆเลยทีเดียว) เธอได้เห็นตัวอย่างจากพวกเขาแล้ว เลยเข็ดที่จะมีความรัก ขอใช้ชีวิตโสด รักตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ยิ้มกับตัวเอง อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องผิดหวังเนื่องจาก “การคาดหวังในความรัก” ไม่ต้องเจอกับปัญหาการทรยศ และไม่ต้องคอยตามอารมณ์ของคนอื่น (ที่แม้แต่ตัวเขาเอง ยังไม่รู้จักอารมณ์ของตัวเองเลย)”
เราทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในมุมของเธอ แต่ “หัวใจ” ของเธอ เธอมีสิทธิ์เต็มที่ ที่จะตัดสินใจ และเลือกทางเดินของชีวิต ที่เธอคิดว่า “เหมาะสม” กับเธอมากที่สุด
ในแง่คิดของเรา สำหรับใครที่เพิ่งจะโสด (เพราะถูกหักอกมา) ก็ควรจะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รักษาตัวเอง (“เว้นวรรค” ให้หัวใจตัวเองได้ “หายใจลึกๆ” เสียบ้าง อย่าได้ “ดึงดัน” ที่จะทรมานหัวใจ ด้วยการ “ผจญภัย” อย่างไร้จุดหมายเลย) พร้อมเมื่อไหร่ ค่อย “เปิดใจ” ต้อนรับใครอีกคนในอนาคต ก็ยังไม่สาย
สำหรับใครที่ครองตัวโสดมานาน เพราะ “กลัว” ที่จะมีความรักใหม่อีกครั้ง เราเคารพในการตัดสินใจของคุณ “จงปฏิบัติในสิ่งที่คุณสบายใจเถอะ”
ขอฝากไว้นิดนึง ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก อย่างน้อยเมื่อคุณได้เกิดมาเป็นมนุษย์ครั้งนึง ที่แสนจะประเสริฐกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆในโลก ทำไม?ไม่ลองค้นหาใครสักคนที่เป็นคู่ของคุณดู มีคนเป็นล้านๆคนในโลกนี้ น่าจะมีสักคน ที่ “ดีพอ และดูแล” คุณได้ ต้องมีสักคนสิ ที่เป็น “คนของคุณ”
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน