วันนี้เรื่องราวจะออก Serious สักหน่อย เราจะพูดถึง “ความถูกต้อง และความผิด ทางสังคม” (ลองมาคิดตามกันเล่นๆนะคะ) ความรักในเพศเดียวกัน ดูจะเป็นไปไม่ได้ในสังคม แต่พวกเราก็ได้สร้างเครือข่าย ทอม ดี้ เลส แพร่ไปตามครอบครัว ก่อตัวกันเป็นสังคมที่น่าอยู่สังคมหนึ่ง (สังคม Lesla ของเราไง)
เราเคยอ่านเจอในหนังสือว่า “ความรู้ที่สูงสุดของมนุษย์คือ รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ ความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของมนุษย์คือ การยอมรับตัวเอง” พวกเราเป็นพวกรักเพศเดียวกัน พวกเรารู้จักตัวเอง และยอมรับในตัวตนของตัวเอง แม้ท่ามกลางกระแสวิพากย์วิจารณ์จากสังคม พวกเราทุกคนก้าวข้ามผ่านได้แล้ว เพียงแค่ใครสักคน กล้าที่จะก้าวเดินออกมายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ถึงแม้ว่าในทางสังคม สิ่งที่เราเป็น ตัวเรา จะผิดไปจากธรรมชาติ หรือมาตรฐานของสังคม แต่พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “I am what I am ฉันเป็นในสิ่งที่ฉันเป็น I proud what I am ฉันภูมิใจในสิ่งที่ฉันเป็น I accept what I am ฉันยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น” เมื่อเปิดใจยอมรับตัวเองได้แล้ว เราก็เดินทางมาครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งก็ต้องยอมรับใจตัวเอง หลายคนไม่สามารถยอมรับใจและความรู้สึกลึกของตัวเองได้ เพราะดูเหมือนกับว่า “ความรักมักจะมาเล่นตลกกับเราเสมอ” (สิ่งที่เราจะสื่อให้เห็นในวันนี้ก็คือ บางทีความรักก็ไม่มีแบบแผน ออกแบบไม่ได้ อยู่ที่ใจของคนเรา ว่าจะตัดสินใจ และเลือกทางเดินอย่างไร?)
“ความเหงา” ไม่เคยเข้าใครออกใคร ส่วนใหญ่ความเหงา จะมาแวะเวียนเรา ช่วงเวลาฝนตก ช่วงเวลาอยู่คนเดียว และช่วงเวลางาน (จ.-ศ. 8.30-17.30 น.) เป็นช่วงที่ ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับแฟนได้ (เพราะเขาหรือเธอก็ต่างต้องทำงาน) ช่วงเวลานี้ หลายคนอาจเครียด มีปัญหา อยากหาใครสักคนที่เข้าใจ รับรู้ รับฟัง อารมณ์และจังหวะขณะนั้น เป็นจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวในวันนี้ “แอน” ทอมไม่โสด (มีแฟนอยู่แล้ว ปัจจุบันก็มีอยู่) ได้ใช้ “กามเทพยุคดิจิตอล MSN” นำพาให้เขาไปเจอกับ “นก” ดี้ไม่โสด (มีแฟนอยู่แล้วเช่นกัน) เขาได้คุยกันผ่านทาง MSN ช่วงเวลางาน พวกเขาคุยแลกเปลี่ยน เรื่องราว ประสบการณ์ share ความคิดซึ่งกันและกัน เริ่มจากเรื่องราวเล็ก ความผูกพันเล็กๆ (ใครที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ก็คงจะเข้าใจดี) พวกเขาคุยกันทุกวัน ทุกเวลาที่ว่างจากการทำงาน พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เขาและเธอยอมรับซึ่งกันและกันว่า “ต่างคนต่างมีแฟนอยู่แล้ว” พวกเขาไม่ต้องการที่จะเจอหน้ากัน แค่ขอให้มีใครสักคนที่จะคุยด้วย เข้าใจ ก็พอ แต่ใครจะไปรู้ว่าความรู้สึกเล็กๆเหล่านี้ ได้กลายเป็น ความรู้สึกที่ถูกตีความหมายไปเป็นว่า “ความรัก” (ใครจะรู้ว่าความรู้สึกที่ผิดต่อแฟนของพวกเขา มันช่างเจ็บปวดแค่ไหน บางคนรู้สึกผิดแต่ก็ยังก้าวเดินต่อไป เพียงเพราะ ต้องการทำตามเสียงหัวใจ และความรู้สึกตัวเอง) พวกเขาคุยกันได้ 4 เดือนแล้ว
ความผูกพันที่พวกเขามี เริ่มมากขึ้น (หลายคนอ่านแล้วจะ “งง” ว่าทำไม ไม่เคยเห็นหน้าจะรู้สึกได้อย่างไร แค่ตัวอักษรที่โลดแล่น ผสมผสานกับความรู้สึก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับ “ติดกับดักทางด้านอารมณ์”) เธอเริ่มรู้สึกผิด และอยากยุติความสัมพันธ์ เพียงเพราะเธอกลัวว่า เธอจะถลำลึก จนกลายเป็น “ความรัก” ต่อเขามากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่เธอพยายามจะตัดเขาออกจากชีวิตเธอนั้น กลับกลายทำให้เขาและเธอได้รับรู้ว่า “เขาและเธอมีรู้สึกต่อกันมากแค่ไหน” ยิ่งเธอพยายามจะหนีจากเขาเท่าไหร่ เธอยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ไม่ใช่เพียงเฉพาะเธอ เขาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน (ทั้งสองไม่เข้าใจว่าความรู้สึกในใจ และความรู้สึกเจ็บมากมายนั้นมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง) นี่เขาทั้งสอง รู้สึก “รักกัน” แล้วหรือ? ไม่มีใครตอบได้ นอกจากทั้งคู่เองเท่านั้น
หลายคนเจอเหตุการณ์ที่ว่า มีแฟนอยู่แล้ว แต่เพิ่งไปเจอความรัก (ที่อาจจะเป็นรักแท้ หรือคิดไปเองก็ได้) ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เพลง “ปา-ติ-หาน” ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำเสมอ หลายคนรู้ทั้งรู้ว่า เขามีแฟนแล้ว แต่ยอมไปเป็น “กิ๊ก” เพียงเพราะความรัก เขายอมละเมิดและมองข้ามความถูกต้อง เพียงเพื่อขอทำตามใจตัวเองบ้าง
เรื่องราวแบบนี้ไม่เกิดกับตัวเองไม่รู้ ถ้าเกิดกับคุณ คุณจะทำอย่างไร? ไหนช่วยออกความคิดเห็นกันหน่อยสิคะว่า ทั้งสองกลัวที่จะสูญเสีย “ความรัก” (ที่เชื่อว่าพวกเขามี) หรือเพียงแค่ “ความเคยชิน”? อะไรกันแน่ที่รบกวนใจเขาทั้งสองอยู่? ขอให้คนที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ใช้สติเพื่อที่จะควบคุมใจตนเอง และมองเห็นช่องทางที่จะฝ่าปัญหานี้ไปให้ได้
เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
เราเคยอ่านเจอในหนังสือว่า “ความรู้ที่สูงสุดของมนุษย์คือ รู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ ความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของมนุษย์คือ การยอมรับตัวเอง” พวกเราเป็นพวกรักเพศเดียวกัน พวกเรารู้จักตัวเอง และยอมรับในตัวตนของตัวเอง แม้ท่ามกลางกระแสวิพากย์วิจารณ์จากสังคม พวกเราทุกคนก้าวข้ามผ่านได้แล้ว เพียงแค่ใครสักคน กล้าที่จะก้าวเดินออกมายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ถึงแม้ว่าในทางสังคม สิ่งที่เราเป็น ตัวเรา จะผิดไปจากธรรมชาติ หรือมาตรฐานของสังคม แต่พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “I am what I am ฉันเป็นในสิ่งที่ฉันเป็น I proud what I am ฉันภูมิใจในสิ่งที่ฉันเป็น I accept what I am ฉันยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น” เมื่อเปิดใจยอมรับตัวเองได้แล้ว เราก็เดินทางมาครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งก็ต้องยอมรับใจตัวเอง หลายคนไม่สามารถยอมรับใจและความรู้สึกลึกของตัวเองได้ เพราะดูเหมือนกับว่า “ความรักมักจะมาเล่นตลกกับเราเสมอ” (สิ่งที่เราจะสื่อให้เห็นในวันนี้ก็คือ บางทีความรักก็ไม่มีแบบแผน ออกแบบไม่ได้ อยู่ที่ใจของคนเรา ว่าจะตัดสินใจ และเลือกทางเดินอย่างไร?)
“ความเหงา” ไม่เคยเข้าใครออกใคร ส่วนใหญ่ความเหงา จะมาแวะเวียนเรา ช่วงเวลาฝนตก ช่วงเวลาอยู่คนเดียว และช่วงเวลางาน (จ.-ศ. 8.30-17.30 น.) เป็นช่วงที่ ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับแฟนได้ (เพราะเขาหรือเธอก็ต่างต้องทำงาน) ช่วงเวลานี้ หลายคนอาจเครียด มีปัญหา อยากหาใครสักคนที่เข้าใจ รับรู้ รับฟัง อารมณ์และจังหวะขณะนั้น เป็นจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวในวันนี้ “แอน” ทอมไม่โสด (มีแฟนอยู่แล้ว ปัจจุบันก็มีอยู่) ได้ใช้ “กามเทพยุคดิจิตอล MSN” นำพาให้เขาไปเจอกับ “นก” ดี้ไม่โสด (มีแฟนอยู่แล้วเช่นกัน) เขาได้คุยกันผ่านทาง MSN ช่วงเวลางาน พวกเขาคุยแลกเปลี่ยน เรื่องราว ประสบการณ์ share ความคิดซึ่งกันและกัน เริ่มจากเรื่องราวเล็ก ความผูกพันเล็กๆ (ใครที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ก็คงจะเข้าใจดี) พวกเขาคุยกันทุกวัน ทุกเวลาที่ว่างจากการทำงาน พวกเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เขาและเธอยอมรับซึ่งกันและกันว่า “ต่างคนต่างมีแฟนอยู่แล้ว” พวกเขาไม่ต้องการที่จะเจอหน้ากัน แค่ขอให้มีใครสักคนที่จะคุยด้วย เข้าใจ ก็พอ แต่ใครจะไปรู้ว่าความรู้สึกเล็กๆเหล่านี้ ได้กลายเป็น ความรู้สึกที่ถูกตีความหมายไปเป็นว่า “ความรัก” (ใครจะรู้ว่าความรู้สึกที่ผิดต่อแฟนของพวกเขา มันช่างเจ็บปวดแค่ไหน บางคนรู้สึกผิดแต่ก็ยังก้าวเดินต่อไป เพียงเพราะ ต้องการทำตามเสียงหัวใจ และความรู้สึกตัวเอง) พวกเขาคุยกันได้ 4 เดือนแล้ว
ความผูกพันที่พวกเขามี เริ่มมากขึ้น (หลายคนอ่านแล้วจะ “งง” ว่าทำไม ไม่เคยเห็นหน้าจะรู้สึกได้อย่างไร แค่ตัวอักษรที่โลดแล่น ผสมผสานกับความรู้สึก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับ “ติดกับดักทางด้านอารมณ์”) เธอเริ่มรู้สึกผิด และอยากยุติความสัมพันธ์ เพียงเพราะเธอกลัวว่า เธอจะถลำลึก จนกลายเป็น “ความรัก” ต่อเขามากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่เธอพยายามจะตัดเขาออกจากชีวิตเธอนั้น กลับกลายทำให้เขาและเธอได้รับรู้ว่า “เขาและเธอมีรู้สึกต่อกันมากแค่ไหน” ยิ่งเธอพยายามจะหนีจากเขาเท่าไหร่ เธอยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ไม่ใช่เพียงเฉพาะเธอ เขาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน (ทั้งสองไม่เข้าใจว่าความรู้สึกในใจ และความรู้สึกเจ็บมากมายนั้นมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง) นี่เขาทั้งสอง รู้สึก “รักกัน” แล้วหรือ? ไม่มีใครตอบได้ นอกจากทั้งคู่เองเท่านั้น
หลายคนเจอเหตุการณ์ที่ว่า มีแฟนอยู่แล้ว แต่เพิ่งไปเจอความรัก (ที่อาจจะเป็นรักแท้ หรือคิดไปเองก็ได้) ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เพลง “ปา-ติ-หาน” ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำเสมอ หลายคนรู้ทั้งรู้ว่า เขามีแฟนแล้ว แต่ยอมไปเป็น “กิ๊ก” เพียงเพราะความรัก เขายอมละเมิดและมองข้ามความถูกต้อง เพียงเพื่อขอทำตามใจตัวเองบ้าง
เรื่องราวแบบนี้ไม่เกิดกับตัวเองไม่รู้ ถ้าเกิดกับคุณ คุณจะทำอย่างไร? ไหนช่วยออกความคิดเห็นกันหน่อยสิคะว่า ทั้งสองกลัวที่จะสูญเสีย “ความรัก” (ที่เชื่อว่าพวกเขามี) หรือเพียงแค่ “ความเคยชิน”? อะไรกันแน่ที่รบกวนใจเขาทั้งสองอยู่? ขอให้คนที่กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ใช้สติเพื่อที่จะควบคุมใจตนเอง และมองเห็นช่องทางที่จะฝ่าปัญหานี้ไปให้ได้
เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน