Recent News

Powered by eSnips.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

จังหวะของชีวิต


ทุกๆวันในช่วงนี้ เวลานอนปกติของเราก็คือ เกือบเที่ยงคืนทุกวัน และทุกเช้าเราจะตื่นแต่เช้า เช้าตรู่ของวันนี้ก็เช่นกัน เรา “งัวเงีย” ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ แต่เช้านี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ อากาศหน้านอน หรือความขี้เกียจส่วนตัว ร่างกายเราเกิด “ประท้วง” รู้สึกเหมือนยังขาดบางสิ่งบางอย่างอยู่ อาจเพราะนอนไม่เพียงพอ? อาจเพราะแต่วันยุ่งมากจนหาเวลาส่วนตัวแทบไม่ได้? อาจเพราะชีวิตต้องอยู่ในวัฏจักรของสังคมจนลืมคุยกับตัวเอง? หรือ อาจเพราะร่างกายเรียกร้องให้เรารู้จัก “พักผ่อน” เพื่อ “ฟื้นฟู” ตัวเองบ้าง

สังเกตุได้จากหนังสือหลายต่อหลายเล่ม นอนเรียงกันสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ละเล่มนั้นต้องการเวลา และสมาธิจากเรามากมาย ยังมี Plan และ ข้อตั้งใจ ที่เราอยากทำอีกมากมายในชีวิต ถึงแม้ว่าเราจะ hyper มากแค่ไหน แต่ 24 ชั่วโมงใน 1 วัน (ที่จำกัด) บวกกับพลังงานในแต่ละวันที่ไม่ได้มีล้นเหลือ ทำให้เราต้องดำเนินชีวิต อยู่กับการตัดสินใจตลอดเวลา

วันนี้เราจึง “ลา” ช่วงเช้า และเช้าวันธรรมดาวันนี้เอง ที่เราได้มีเวลานั่งมองน้องวอดก้า และน้องมอมแมม ค่อยๆหลับกลางวันไปอย่างช้าๆ (เพราะปกติ ช่วงกลางคืนเขาจะ “คึกคะนอง” เป็นพิเศษ) ขอบคุณ “ความขี้เกียจ” เช้านี้ ที่ทำให้เราได้มีเวลา “สังเกตุเห็น” ความอบอุ่นลึกๆในแววตาของน้องแมวทั้งสอง


เมื่อต้นเดือนที่แล้ว เราได้ไปเดิน “งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ” ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เราได้พบเจอกับ “ทอมดี้” หลายๆคู่ บางคู่เดินจูงมือกัน, บางคู่ก็เดินโอบเอวกัน, บางคู่ก็กำลังเปิดศึก (สงคราม) กลางทางเดิน, บางคู่ก็กำลังปรึกษากัน ช่วยกันเลือกหนังสือ เราเดินไป ยิ้มไป ภาพของพวกเขาเหล่านั้น“กระตุ้น” ให้ “ความทรงจำ” ที่ถูกฝังอยู่ของเราได้ “ตื่น” ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง (ภาพแห่งความทรงจำ ที่พอนึกถึงทีไร เราก็จะตกอยู่ให้ห้วงแห่งความสุข)

เมื่อหลายปีก่อน เราก็เคยมาเดินงานหนังสือแห่งนี้ กับแฟนคนแรกของเรา สมัยนั้น รถไฟฟ้าใต้ดินยัง (ขุด) ไม่ผ่าน เราต้องเดินทางมาด้วยรถเมล์ สาย 136 แล้วมาลงป้ายรถเมล์ ฝั่งตรงข้ามศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ แล้วเดินข้ามถนน (โดยรวม 8 เลน) เพราะไม่มีสะพานลอย (แต่ไม่รู้นะ ว่าตอนนี้มีหรือยัง) เพื่อนๆคนไหนเคยผ่าน ก็จะทราบกันดีกว่า “โค้ง” ตรงนั้น รถวิ่งเร็วแค่ไหน (รถทุกคัน เหยียบคันเร่งแบบเต็มๆ (ตีน) เนื่องจาก อัดอั้นมาตั้งแต่แยกเพชรบุรี และสุขุมวิท ที่ติดหนัก จนทำให้ขา (คนขับ) เป็นเหน็บชา)

วันนั้น เราลงรถเมล์พร้อมกับผู้โดยสารหลายคน แล้วต่างคนต่างพากันเดินข้ามถนน แฟนเราดึงมือเราข้ามถนน ขณะที่ขาเราเดินตามแฟน เราหันมามองชาย-หญิง ที่เป็นแฟนกันคู่หนึ่ง (ที่ยังไม่ยอมเดินตามมา) เพราะผู้หญิงมัวแต่เอาผ้าเช็ดหน้า “ซับหน้า” ให้กับผู้ชาย ทั้งคู่จึงยังไม่ข้ามมาพร้อมเรา เราและแฟนเดินข้ามมาได้ 4 เลน รออยู่ตรงเกาะกลาง เพื่อรอที่จะข้ามต่อไป อยู่ๆ เราก็รู้สึกถึงลมแรงผ่านวูบที่หลัง แล้ววินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงดังมาก เรารีบหันไปดูด้วยความตกใจ พบว่า “ชาย-หญิงคู่นั้น โดนรถตู้ชน กระเด็นไปอย่างแรง (ตายสนิท)” แฟนเรารีบคว้ามือเราข้ามต่อไป ไม่ยอมให้เราหันไปดู

ภาพในวันนั้นยังฝังอยู่ในใจเราเสมอ แค่เพียงเสี้ยวนาทีที่พวกเขามี “ความสุขและรอยยิ้ม” ก็มี “การสูญเสีย พรากจาก” เกิดขึ้นในนาทีต่อมา “ชีวิตมนุษย์ช่างไม่แน่นอนจริงๆ”

ดังนั้น สิ่งที่เราควร “พึงปฏิบัติ” ก็คือ “จงอย่าประมาทในการใช้ชีวิต”

ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน