“แปลกไหม” เวลาที่เรา “เศร้าเสียใจ” กับการเดินจากไปของใครบางคน เรามักไปไหนไม่ได้ไกล ทานอะไรไม่ค่อยลง เอาแต่นั่งมองเหม่อ ใจสั่นๆ หวิวๆ เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่บ่อยๆ เอาแต่กล่าวโทษว่า “ความรักทำร้ายชีวิต” จนต้องติดกับ และเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว ความรักมีเหลี่ยมมุมที่สวยงาม และไม่เคยทำร้ายใคร แต่เป็นเพราะเรา “ปิดกั้นตัวเอง” ใส่ร้ายความรักต่างๆนาๆ และไม่เคยเหลียวมามองดูตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง คอยแต่ปฏิเสธความดีงามที่มีอยู่รอบตัวต่างหาก “เราจึงเป็นทุกข์ และจมปลักอยู่อย่างนั้น”
ชีวิตจะ “ดีหรือร้าย” หรือ “สุขหรือทุกข์” ขึ้นอยู่ที่เราเพียงคนเดียวเท่านั้น เราต้องกล้าหาญ “เปลี่ยนแปลง” ไม่ใช่ว่าเขาเดินจากไป ก็ไม่ยอมทำอะไรให้ตัวเองมีความสุข เหยียบย้ำตัวเองให้จมดิน ไม่ลืมหูลืมตา คิดว่านั่นคือ “รักแท้” ทั้งที่จริงๆแล้ว เราหลอกตัวเองทั้งนั้น
คนเราก็เหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน มีทั้ง “ด้านมืดและด้านสว่าง” ขึ้นอยู่ว่า เรารู้จักควบคุม “ด้านมืด” และรู้จักนำพาจิตใจให้เดินทางไปใน “ด้านสว่าง” หรือเปล่า เราเข้มแข็งพอไหม ล้มแล้วพร้อมที่จะลุกขึ้นมายืนได้ใหม่อีกสักครั้งไหม? ความรักก็เป็นเช่นนั้นแหละ
วันนี้เริ่มต้นด้วย “งานเขียนปลอบใจ คนที่กำลัง เศร้า ท้อแท้ หมดหวัง ทุกข์ใจ เนื่องจากความรัก” เราขอตบท้ายวันนี้ด้วย “เรื่องราวความรัก”ของคนคู่หนึ่งก็แล้วกัน
“แอน” ดี้ ป่วยเป็นโรคตับวาย ถูกนำส่ง รพ. ด่วน อาการปางตาย สาเหตุคาดว่าอาจเกิดจากการที่เธอ กินยาลดความอ้วน (ติดต่อกันนานเกินไป) จนทำให้การทำงานของตับมีปัญหา ไม่สบายเกือบตาย หมอบอกว่า “เธออยู่ไม่ได้ถึงอาทิตย์” เธอมีแฟนชื่อ “แอร์” ทอม ทั้งคู่คบหากันมากว่า 2 ปีแล้ว โดยทางบ้านทั้งสองไม่มีใครได้รับรู้ แต่ความต้องมาแตกว่าทั้งคู่เแฟนกัน ก็วันที่เขายอมสละ “ตับ” ของตัวเองให้เธอ (ตับไม่เหมือนไตนะ ที่มีคนละหนึ่งคู่ แล้วสามารถบริจาคให้อันหนึ่งได้ โดยคนบริจาคจะไม่ค่อยมีอันตรายมากนัก) แต่ว่าตับมีอันเดียว ต้องตัดออกมา 1 ใน 3 แล้วรีบผ่าใส่ให้เธอ แต่คงด้วย “อานุภาพแห่งรักแท้” จึงทำให้เขาปลอดภัยดี และเธอก็อาการดีขึ้นมาก สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว เปอร์เซ็นต์การรอดตายก็มากขึ้นด้วย หลังจากการผ่าตัด แม่ของเธอเดินมาบอกเขาที่เตียงว่า “เขาทำให้ครอบครัวของเธอ และเข้าใจว่า ความรักคืออะไร?” ตั้งแต่นั้นมา ทั้งคู่ก็คบหากันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
“ความรักคืออะไร?”
ความรักคือ “การให้” ไม่ใช่ “ทำร้าย”
ความรักคือ “เข้าใจ” ไม่ใช่ “ทำลาย”
ความรักคือ “การรักตัวเอง”
ที่ยังมีความรักเผื่อแผ่ให้คนอีกมากมายได้แล้วละก็
เราคงใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
เราคง “มีความทุกข์” น้อยลง
เราคง “รักคนอื่น” เป็น
เราคง “รักตัวเอง” เป็น
และการ “รักตัวเอง” นั่นแหละ
คือที่สุดแล้วของการเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ที่อาศัยอยู่บนโลกกลมๆใบนี้
ความรักของคนคู่นี้ สะท้อนให้เราได้เห็นถึง “ความรักที่จริงใจ งดงาม และสัมผัสได้ถึงพลังที่ส่งผ่านถึงกัน มันเป็นพลังที่มาจากสัญชาติญาณ โดยไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข ให้ได้แม้กระทั่งชีวิต แต่ก็รู้จักขอบเขตของการให้ โดยให้ทั้งคนรักและตัวเองมีความสุขไปพร้อมๆกัน” (อย่าเป็น “พ่อ หรือแม่บุญทุ่ม” ประเคนให้ “คนรัก” จนต้องหมดตัวล่ะ เพราะอย่างนั้นไม่ได้เรียกว่า “ความรัก” แต่เป็น “ความหลง(ผิด)” ต่างหาก)
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ชีวิตจะ “ดีหรือร้าย” หรือ “สุขหรือทุกข์” ขึ้นอยู่ที่เราเพียงคนเดียวเท่านั้น เราต้องกล้าหาญ “เปลี่ยนแปลง” ไม่ใช่ว่าเขาเดินจากไป ก็ไม่ยอมทำอะไรให้ตัวเองมีความสุข เหยียบย้ำตัวเองให้จมดิน ไม่ลืมหูลืมตา คิดว่านั่นคือ “รักแท้” ทั้งที่จริงๆแล้ว เราหลอกตัวเองทั้งนั้น
คนเราก็เหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน มีทั้ง “ด้านมืดและด้านสว่าง” ขึ้นอยู่ว่า เรารู้จักควบคุม “ด้านมืด” และรู้จักนำพาจิตใจให้เดินทางไปใน “ด้านสว่าง” หรือเปล่า เราเข้มแข็งพอไหม ล้มแล้วพร้อมที่จะลุกขึ้นมายืนได้ใหม่อีกสักครั้งไหม? ความรักก็เป็นเช่นนั้นแหละ
วันนี้เริ่มต้นด้วย “งานเขียนปลอบใจ คนที่กำลัง เศร้า ท้อแท้ หมดหวัง ทุกข์ใจ เนื่องจากความรัก” เราขอตบท้ายวันนี้ด้วย “เรื่องราวความรัก”ของคนคู่หนึ่งก็แล้วกัน
“แอน” ดี้ ป่วยเป็นโรคตับวาย ถูกนำส่ง รพ. ด่วน อาการปางตาย สาเหตุคาดว่าอาจเกิดจากการที่เธอ กินยาลดความอ้วน (ติดต่อกันนานเกินไป) จนทำให้การทำงานของตับมีปัญหา ไม่สบายเกือบตาย หมอบอกว่า “เธออยู่ไม่ได้ถึงอาทิตย์” เธอมีแฟนชื่อ “แอร์” ทอม ทั้งคู่คบหากันมากว่า 2 ปีแล้ว โดยทางบ้านทั้งสองไม่มีใครได้รับรู้ แต่ความต้องมาแตกว่าทั้งคู่เแฟนกัน ก็วันที่เขายอมสละ “ตับ” ของตัวเองให้เธอ (ตับไม่เหมือนไตนะ ที่มีคนละหนึ่งคู่ แล้วสามารถบริจาคให้อันหนึ่งได้ โดยคนบริจาคจะไม่ค่อยมีอันตรายมากนัก) แต่ว่าตับมีอันเดียว ต้องตัดออกมา 1 ใน 3 แล้วรีบผ่าใส่ให้เธอ แต่คงด้วย “อานุภาพแห่งรักแท้” จึงทำให้เขาปลอดภัยดี และเธอก็อาการดีขึ้นมาก สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว เปอร์เซ็นต์การรอดตายก็มากขึ้นด้วย หลังจากการผ่าตัด แม่ของเธอเดินมาบอกเขาที่เตียงว่า “เขาทำให้ครอบครัวของเธอ และเข้าใจว่า ความรักคืออะไร?” ตั้งแต่นั้นมา ทั้งคู่ก็คบหากันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
“ความรักคืออะไร?”
ความรักคือ “การให้” ไม่ใช่ “ทำร้าย”
ความรักคือ “เข้าใจ” ไม่ใช่ “ทำลาย”
ความรักคือ “การรักตัวเอง”
ที่ยังมีความรักเผื่อแผ่ให้คนอีกมากมายได้แล้วละก็
เราคงใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
เราคง “มีความทุกข์” น้อยลง
เราคง “รักคนอื่น” เป็น
เราคง “รักตัวเอง” เป็น
และการ “รักตัวเอง” นั่นแหละ
คือที่สุดแล้วของการเกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ที่อาศัยอยู่บนโลกกลมๆใบนี้
ความรักของคนคู่นี้ สะท้อนให้เราได้เห็นถึง “ความรักที่จริงใจ งดงาม และสัมผัสได้ถึงพลังที่ส่งผ่านถึงกัน มันเป็นพลังที่มาจากสัญชาติญาณ โดยไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข ให้ได้แม้กระทั่งชีวิต แต่ก็รู้จักขอบเขตของการให้ โดยให้ทั้งคนรักและตัวเองมีความสุขไปพร้อมๆกัน” (อย่าเป็น “พ่อ หรือแม่บุญทุ่ม” ประเคนให้ “คนรัก” จนต้องหมดตัวล่ะ เพราะอย่างนั้นไม่ได้เรียกว่า “ความรัก” แต่เป็น “ความหลง(ผิด)” ต่างหาก)
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน