ย้อนไปวันเสาร์เราไปเข้าโบสถ์ ซ้อมร้องเพลง และไปทานข้าว (กับพวกพี่ๆที่โบสถ์) กลับมาบ้านก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว กลับมาถึงก็ง่วงนอนสุดฤทธิ์ แต่เหลือบไปเห็น DVD เรื่อง Wall-E ที่เช่ามา (ต้องคืนพรุ่งนี้) ทำให้ไม่มีทางเลือก อาบน้ำเสร็จก็เปิดดู (ตามคำบอกเล่าของหลายๆคน ว่าหนังเรื่องนี้สนุกมาก) แต่ใครจะรู้ ด้วยอารมณ์ง่วงนอน บวกกับหนังเรื่องนี้ บทสนทนาน้อยมากๆ เป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิและอารมณ์ร่วมอย่างแรง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราหลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย (สุดท้าย ดูไม่จบ แทบเครียดอีก ที่ดูไม่รู้เรื่อง)
วันอาทิตย์ เราตื่นไม่สายมาก เพราะช่วงบ่ายต้องพาคุณแม่ไปทานข้าว เข้าโบสถ์ และไปทานข้าวงานวันเกิดพี่ที่โบสถ์ (ไปทานที่ครัวชุมสาย แถวซอยราชครู อาหารอร่อยดี ใช้ได้เลยทีเดียว) ทานเสร็จพี่เขาก็ขับรถมาส่งที่บ้านก็สี่ทุ่มกว่า กะว่าจะนอนเลย แต่ไม่รู้อารมณ์ไหนเหมือนกัน อยู่ๆก็อยากจะอ่านหนังสือมาซะงั้น เราจึงนอนอ่านหนังสือ กว่าจะหลับได้ก็เที่ยงคืนกว่าๆ (อารมณ์อยากอ่านหนังสือ มักจะมาโดยไม่รู้เนื้อ รู้ตัวเสมอ)
วันนี้ต้องตื่นแต่เช้า ตั้งแต่ เจ็ดโมง ตื่นด้วยอาการงัวเงียมากๆ ขับรถไปโบสถ์ แบบไม่รู้ตัว พอไปถึงโบสถ์เหลือเวลาอีก 30 นาทีก่อนโบสถ์จะเข้า เราก็เอนเบาะนอนในรถซะเลย หลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลังจากเลิกโบสถ์ เราก็ขับรถไปเยี่ยมน้องแมวที่คลีนิกคุณหมอ เราค่อยๆอุ้มเขาเบาๆ และกระซิบข้างหูเขาว่า “ไม่ต้องกลัวนะ หนูต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”
ร่ายยาวเลย เรื่องส่วนตัว เพื่อนๆจะเบื่อกันหรือเปล่าคะ (จะเบื่อคงไม่ทันแล้วอ่ะ เพราะอ่านไปแล้วเนอะ)
มาถึงเรื่องราวที่เราไปอ่านแล้ว “สะดุดสมอง” เข้าอย่างจัง จึงอยากจะนำมา “แบ่งปัน” ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
ชายหนุ่มไฟแรงมุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น เขามีความฝันที่จะสร้างครอบครัวที่สมบุรณ์กับแฟนสาว เธอจะไปรอการกลับมาที่หน้าประตูบ้านของเขาทุกวัน ยิ้มแย้ม ต้อนรับ สนทนากัน และเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับบ้านช้ากว่าปกติมาก แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอเขาเหมือนเดิมทุกวัน “โทษทีนะที่รัก วันนี้ผมมีงานด่วนเลยกลับช้า” เขาบอกเธอ
เธอยังยิ้มให้เขา “คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว ทำไมยังทำงานหนักอีกคะ”
“ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ รถที่ดูโอ่อ่ากว่านี้ เพื่อคุณนะจ๊ะ” เขาตอบ
เวลาผ่านไป 1 ปี หญิงสาวมารอเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจกับเรื่องนี้
วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา “คุณมีเงินพอที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่หรือยังคะ”
“ขอเวลาอีกหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่มาเปลี่ยนให้คุณ” เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ
“ฉันบอกหรือว่าอยากได้แหวนวงใหม่”
“ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก”
3 เดือนแล้วที่เขาไม่เห็นเธอหน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่จึงตัดสินใจ ลางาน 1 วันเพื่อไปหาเธอ เขาขับรถคันหรูผ่านเส้นทางที่ขรุขระอย่างยากลำบาก
“นี่คุณต้องเดินผ่านทางเส้นนี้มาหาผมทุกวันเหรอ...” (เขาคิดในใจ)
เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับ และมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา และบอกทางไปสถานที่ ที่เขาจะพบเธอได้ ที่เนินเขาเล็กๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ แท่นหินสลักชื่อหญิงสาวตั้งอยู่กลางเนิน มือสั่นเทาเปิดกล่องไม้อย่างช้าๆ ข้างในอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก เขาเริ่มอ่านข้อความที่ละใบ
“วันนี้คุณกลับมาช้า ฉันรอ 2 ชั่วโมง ไม่เป็นไร ฉันรักคุณ”
“วันนี้ฝนตก ฉันยังรอแม้ไม่เจอคุณ แต่ฉันยังรักคุณ”
“ฉันเริ่มป่วย จนไปหาไม่ได้ คุณคงไม่ทันสังเกตุ แต่ฉันยังรักคุณ”
“วันนี้คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่ คุณคงลืมว่า ฉันตอบแต่งงานกับคุณ เพราะแหวนวงนี้ ฉันยังรักคุณ”
“ฉันป่วยมาก จนไม่อาจไปพบคุณได้ ภาวนาให้คุณรู้สึกตัวสักทีว่า ฉันแค่ต้องการคุณ เพราะฉันรักคุณ”
ชายหนุ่มเรียนรู้แล้วว่า บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อยที่เขาเคยได้รับจนเป็นเรื่องปกติทุกวัน รถคันหรูแล่นไกลออกไปมีเพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ ที่ดูไม่เหลือค่าอะไรสำหรับเขาอีกต่อไป
“ผมมีบ้านหลังใหญ่ แต่คงกว้างไปสำหรับอยู่คนเดียว ผมมีรถราคาแพง แต่ไม่รู้จะขับพาใครไปไหน ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกรักเธอ ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อม แต่ขาดส่วนสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ได้”
(คัดจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่)
เรื่องราวทำนองนี้ ได้ถูกเขียนออกมามากมาย หลายๆคนอาจเคยอ่านเรื่องประเภทนี้มาแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่อ่านรอบเดียวแล้ว “กระตุ้น” ตัวเองให้ “เห็นความสำคัญของคนใกล้ตัวในทันที”
ในเมื่อคุณมี “โอกาสได้อ่าน และรับรู้ประสบการณ์อันน่าเศร้า และเรียกกลับมาไม่ได้” ของชายในเรื่องนี้แล้ว ถึงเวลาหรือยัง ที่จะใช้ “เวลา 1 นาที” ของคุณให้มีคุณค่า และสร้างความสุขให้กับชีวิตคู่ของคุณ
ฝากไว้นะคะ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
วันอาทิตย์ เราตื่นไม่สายมาก เพราะช่วงบ่ายต้องพาคุณแม่ไปทานข้าว เข้าโบสถ์ และไปทานข้าวงานวันเกิดพี่ที่โบสถ์ (ไปทานที่ครัวชุมสาย แถวซอยราชครู อาหารอร่อยดี ใช้ได้เลยทีเดียว) ทานเสร็จพี่เขาก็ขับรถมาส่งที่บ้านก็สี่ทุ่มกว่า กะว่าจะนอนเลย แต่ไม่รู้อารมณ์ไหนเหมือนกัน อยู่ๆก็อยากจะอ่านหนังสือมาซะงั้น เราจึงนอนอ่านหนังสือ กว่าจะหลับได้ก็เที่ยงคืนกว่าๆ (อารมณ์อยากอ่านหนังสือ มักจะมาโดยไม่รู้เนื้อ รู้ตัวเสมอ)
วันนี้ต้องตื่นแต่เช้า ตั้งแต่ เจ็ดโมง ตื่นด้วยอาการงัวเงียมากๆ ขับรถไปโบสถ์ แบบไม่รู้ตัว พอไปถึงโบสถ์เหลือเวลาอีก 30 นาทีก่อนโบสถ์จะเข้า เราก็เอนเบาะนอนในรถซะเลย หลับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลังจากเลิกโบสถ์ เราก็ขับรถไปเยี่ยมน้องแมวที่คลีนิกคุณหมอ เราค่อยๆอุ้มเขาเบาๆ และกระซิบข้างหูเขาว่า “ไม่ต้องกลัวนะ หนูต้องผ่านมันไปได้แน่นอน”
ร่ายยาวเลย เรื่องส่วนตัว เพื่อนๆจะเบื่อกันหรือเปล่าคะ (จะเบื่อคงไม่ทันแล้วอ่ะ เพราะอ่านไปแล้วเนอะ)
มาถึงเรื่องราวที่เราไปอ่านแล้ว “สะดุดสมอง” เข้าอย่างจัง จึงอยากจะนำมา “แบ่งปัน” ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
ชายหนุ่มไฟแรงมุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น เขามีความฝันที่จะสร้างครอบครัวที่สมบุรณ์กับแฟนสาว เธอจะไปรอการกลับมาที่หน้าประตูบ้านของเขาทุกวัน ยิ้มแย้ม ต้อนรับ สนทนากัน และเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับบ้านช้ากว่าปกติมาก แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอเขาเหมือนเดิมทุกวัน “โทษทีนะที่รัก วันนี้ผมมีงานด่วนเลยกลับช้า” เขาบอกเธอ
เธอยังยิ้มให้เขา “คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว ทำไมยังทำงานหนักอีกคะ”
“ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ รถที่ดูโอ่อ่ากว่านี้ เพื่อคุณนะจ๊ะ” เขาตอบ
เวลาผ่านไป 1 ปี หญิงสาวมารอเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจกับเรื่องนี้
วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา “คุณมีเงินพอที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่หรือยังคะ”
“ขอเวลาอีกหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่มาเปลี่ยนให้คุณ” เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ
“ฉันบอกหรือว่าอยากได้แหวนวงใหม่”
“ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก”
3 เดือนแล้วที่เขาไม่เห็นเธอหน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่จึงตัดสินใจ ลางาน 1 วันเพื่อไปหาเธอ เขาขับรถคันหรูผ่านเส้นทางที่ขรุขระอย่างยากลำบาก
“นี่คุณต้องเดินผ่านทางเส้นนี้มาหาผมทุกวันเหรอ...” (เขาคิดในใจ)
เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับ และมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา และบอกทางไปสถานที่ ที่เขาจะพบเธอได้ ที่เนินเขาเล็กๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ แท่นหินสลักชื่อหญิงสาวตั้งอยู่กลางเนิน มือสั่นเทาเปิดกล่องไม้อย่างช้าๆ ข้างในอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก เขาเริ่มอ่านข้อความที่ละใบ
“วันนี้คุณกลับมาช้า ฉันรอ 2 ชั่วโมง ไม่เป็นไร ฉันรักคุณ”
“วันนี้ฝนตก ฉันยังรอแม้ไม่เจอคุณ แต่ฉันยังรักคุณ”
“ฉันเริ่มป่วย จนไปหาไม่ได้ คุณคงไม่ทันสังเกตุ แต่ฉันยังรักคุณ”
“วันนี้คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่ คุณคงลืมว่า ฉันตอบแต่งงานกับคุณ เพราะแหวนวงนี้ ฉันยังรักคุณ”
“ฉันป่วยมาก จนไม่อาจไปพบคุณได้ ภาวนาให้คุณรู้สึกตัวสักทีว่า ฉันแค่ต้องการคุณ เพราะฉันรักคุณ”
ชายหนุ่มเรียนรู้แล้วว่า บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อยที่เขาเคยได้รับจนเป็นเรื่องปกติทุกวัน รถคันหรูแล่นไกลออกไปมีเพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ ที่ดูไม่เหลือค่าอะไรสำหรับเขาอีกต่อไป
“ผมมีบ้านหลังใหญ่ แต่คงกว้างไปสำหรับอยู่คนเดียว ผมมีรถราคาแพง แต่ไม่รู้จะขับพาใครไปไหน ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกรักเธอ ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อม แต่ขาดส่วนสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ได้”
(คัดจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่)
เรื่องราวทำนองนี้ ได้ถูกเขียนออกมามากมาย หลายๆคนอาจเคยอ่านเรื่องประเภทนี้มาแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่อ่านรอบเดียวแล้ว “กระตุ้น” ตัวเองให้ “เห็นความสำคัญของคนใกล้ตัวในทันที”
ในเมื่อคุณมี “โอกาสได้อ่าน และรับรู้ประสบการณ์อันน่าเศร้า และเรียกกลับมาไม่ได้” ของชายในเรื่องนี้แล้ว ถึงเวลาหรือยัง ที่จะใช้ “เวลา 1 นาที” ของคุณให้มีคุณค่า และสร้างความสุขให้กับชีวิตคู่ของคุณ
ฝากไว้นะคะ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน