มันอาจเป็นการแย่มาก (เสียชาติเกิด) หากเรามองคนที่ใกล้ตัว คนที่รักเราสุดหัวใจนั้น ใน “แง่ร้าย” (ซึ่งความคิดแย่ๆ แบบนี้ ไม่แน่ใจว่า บุคคลเหล่านั้นไป “ขุดคิด” เอามาจาก “ขุมนรก” ไหนกัน) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “การไม่รัก และเคารพตัวเองของบุคคลผู้นั้น” ไปด้วย
“สา” ทอมผู้เกิดมาในครอบครัวปานกลาง แต่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น เขาใช้ชีวิตโดย “การเลียนแบบ” เพื่อนๆในสังคม (แบบที่เขาไม่รู้ตัว) เพื่อนในกลุ่มส่วนใหญ่ของเขานั้น ครอบครัวมีปัญหา พ่อไปทาง แม่ไปอีกทาง และเมื่อเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงชีวิตวัยรุ่น อยู่กับเพื่อนๆที่มีปัญหานั้น เขาจึง “ดูดเอาความเชื่อ และการเข้าใจชีวิตในแง่ร้ายเข้ามา” (โดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว)
ลึกๆในชีวิตครอบครัวเขาไม่มีปัญหา แต่ “ความสงบสุข” ของชีวิตเขานั้น กลับสร้าง “จุดด้อย” ให้ตัวเขา เมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน
เมื่อเพื่อนทุกคนในกลุ่มสามารถมี “อิสระเสรี” ในการไปเที่ยวต่างจังหวัด (เพราะพ่อและแม่แยกทางกัน ไม่มีผู้ปกครองคอยสนใจ) แต่เขานั้นต้องยังจำเป็นโทรขออนุญาติคุณพ่อ คุณแม่ (ที่เพื่อนๆต่างเรียกว่า ลูกไม่รู้จักโต)
หรือ เมื่อเพื่อนทุกคนในกลุ่ม สามารถที่จะกลับบ้านเวลาใดก็ได้ (เพราะไม่มีพ่อ แม่ คอยใส่ใจ และห่วงใย) แต่เขากลับบ้านได้ไม่ดึกมาก เนื่องจากคุณพ่อ คุณแม่นั่งรอเขากลับบ้าน (ไม่สามารถไปไหนได้อย่างอิสระ เหมือนลูกติดพ่อแม่)
หรือ เมื่อเพื่อนแต่ละคนได้เล่าปัญหาครอบครัว แต่เขากลับไม่มีเรื่องจะเล่า และไม่มีความคิดเห็นในเรื่อง “การแยกทางของพ่อและแม่” (เพราะชีวิตของเขาไม่เคยประสบ) จนถูกมองว่าเป็น “บุคคลที่อ่อนต่อโลก”
และจากความกังวล กลัวว่าเพื่อนๆจะไม่รับเข้ากลุ่ม หรือไม่รักเขานั้น ทำให้ “จิตใต้สำนึก Repression” ของเขานั้น ได้สร้าง “ปัญหา และทัศนคติ” ที่ไม่ดีกับ “ครอบครัวเขา” เอง (โดยที่เขายังไม่รู้ตัว) เพื่อให้ตัวเอง “ได้ถูกยอมรับ” จากกลุ่มเพื่อนๆ
พฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากเป็นเด็กดี เริ่มก้าวร้าว คำพูดและการกระทำเปลี่ยนไป เริ่มปิดตัวเอง และไม่รับฟังคนรอบข้าง (ที่รักเขาเลย) ทัศนคติในการใช้ชีวิตได้ถูก “ครอบงำ” ด้วยความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และ “ปัญหา” ในชีวิตก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาโดยตรง แต่เป็น “บุพการี” ของเขาต่างหากที่ต้อง “ทนทุกข์” กับสิ่งที่เขาสร้างขึ้น (มัน “ยุติธรรม” แล้วหรือ?)
วัยรุ่นสมัยนี้ มีชีวิตอยู่กับ “เสพความเชื่อ และเลียนแบบค่านิยม” ในสังคมแบบผิดๆ โดยไม่รู้คุณค่า หรือความสำคัญกับ “สถาบันเล็กๆ” ใกล้ตัว เช่น ครอบครัวเลย (“ครอบครัว” ที่มองว่าเป็น “ของตาย” เพราะฉะนั้น ถ้า “ตาย” เมื่อไหร่ ก็ไปให้ “เพื่อน” จัดงานศพให้ก็แล้วกัน)
ครอบครัวที่สมบูรณ์ของเขา “วิเศษสุดๆ” แต่ด้วย “ความโง่” และ “ทัศนคติ” ของเขา “กลับนำพา และชักจูง” สิ่งที่ไม่ดีเข้ามา “สร้างปัญหา” เพื่อเรียกร้องความสนใจ” จากสังคม (ช่างน่าสมเพชคนประเภทนี้เสียจริงๆ) เราขอเรียกคนพวกนี้ว่า “พวกจิตพิการซ้ำซ้อน”
ทำไมคนที่ “สมบูรณ์” ชอบทำตัวเป็น “คนมีปัญหา” กันนัก (ไม่เข้าใจจริงๆ)
มาตรฐานทางความคิดของพวกเขานั้น มุ่งตรงไปในทิศทางไหน กันนะ? (อยากจะรู้จริงๆ)
พรุ่งนี้เราจะมาต่อกันใน “หัวข้อ” นี้ เพียงแต่ว่า จะมี “ตัวอย่าง” เรื่องราวเกี่ยวกับ “คู่รัก” เข้ามาด้วย (อาจ “โดนใจ” ใครหลายๆคนแน่นอน)
อย่าลืมติดตามอ่านกันให้ได้นะคะ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
“สา” ทอมผู้เกิดมาในครอบครัวปานกลาง แต่มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น เขาใช้ชีวิตโดย “การเลียนแบบ” เพื่อนๆในสังคม (แบบที่เขาไม่รู้ตัว) เพื่อนในกลุ่มส่วนใหญ่ของเขานั้น ครอบครัวมีปัญหา พ่อไปทาง แม่ไปอีกทาง และเมื่อเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงชีวิตวัยรุ่น อยู่กับเพื่อนๆที่มีปัญหานั้น เขาจึง “ดูดเอาความเชื่อ และการเข้าใจชีวิตในแง่ร้ายเข้ามา” (โดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว)
ลึกๆในชีวิตครอบครัวเขาไม่มีปัญหา แต่ “ความสงบสุข” ของชีวิตเขานั้น กลับสร้าง “จุดด้อย” ให้ตัวเขา เมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน
เมื่อเพื่อนทุกคนในกลุ่มสามารถมี “อิสระเสรี” ในการไปเที่ยวต่างจังหวัด (เพราะพ่อและแม่แยกทางกัน ไม่มีผู้ปกครองคอยสนใจ) แต่เขานั้นต้องยังจำเป็นโทรขออนุญาติคุณพ่อ คุณแม่ (ที่เพื่อนๆต่างเรียกว่า ลูกไม่รู้จักโต)
หรือ เมื่อเพื่อนทุกคนในกลุ่ม สามารถที่จะกลับบ้านเวลาใดก็ได้ (เพราะไม่มีพ่อ แม่ คอยใส่ใจ และห่วงใย) แต่เขากลับบ้านได้ไม่ดึกมาก เนื่องจากคุณพ่อ คุณแม่นั่งรอเขากลับบ้าน (ไม่สามารถไปไหนได้อย่างอิสระ เหมือนลูกติดพ่อแม่)
หรือ เมื่อเพื่อนแต่ละคนได้เล่าปัญหาครอบครัว แต่เขากลับไม่มีเรื่องจะเล่า และไม่มีความคิดเห็นในเรื่อง “การแยกทางของพ่อและแม่” (เพราะชีวิตของเขาไม่เคยประสบ) จนถูกมองว่าเป็น “บุคคลที่อ่อนต่อโลก”
และจากความกังวล กลัวว่าเพื่อนๆจะไม่รับเข้ากลุ่ม หรือไม่รักเขานั้น ทำให้ “จิตใต้สำนึก Repression” ของเขานั้น ได้สร้าง “ปัญหา และทัศนคติ” ที่ไม่ดีกับ “ครอบครัวเขา” เอง (โดยที่เขายังไม่รู้ตัว) เพื่อให้ตัวเอง “ได้ถูกยอมรับ” จากกลุ่มเพื่อนๆ
พฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากเป็นเด็กดี เริ่มก้าวร้าว คำพูดและการกระทำเปลี่ยนไป เริ่มปิดตัวเอง และไม่รับฟังคนรอบข้าง (ที่รักเขาเลย) ทัศนคติในการใช้ชีวิตได้ถูก “ครอบงำ” ด้วยความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และ “ปัญหา” ในชีวิตก็เกิดขึ้นจริงๆ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาโดยตรง แต่เป็น “บุพการี” ของเขาต่างหากที่ต้อง “ทนทุกข์” กับสิ่งที่เขาสร้างขึ้น (มัน “ยุติธรรม” แล้วหรือ?)
วัยรุ่นสมัยนี้ มีชีวิตอยู่กับ “เสพความเชื่อ และเลียนแบบค่านิยม” ในสังคมแบบผิดๆ โดยไม่รู้คุณค่า หรือความสำคัญกับ “สถาบันเล็กๆ” ใกล้ตัว เช่น ครอบครัวเลย (“ครอบครัว” ที่มองว่าเป็น “ของตาย” เพราะฉะนั้น ถ้า “ตาย” เมื่อไหร่ ก็ไปให้ “เพื่อน” จัดงานศพให้ก็แล้วกัน)
ครอบครัวที่สมบูรณ์ของเขา “วิเศษสุดๆ” แต่ด้วย “ความโง่” และ “ทัศนคติ” ของเขา “กลับนำพา และชักจูง” สิ่งที่ไม่ดีเข้ามา “สร้างปัญหา” เพื่อเรียกร้องความสนใจ” จากสังคม (ช่างน่าสมเพชคนประเภทนี้เสียจริงๆ) เราขอเรียกคนพวกนี้ว่า “พวกจิตพิการซ้ำซ้อน”
ทำไมคนที่ “สมบูรณ์” ชอบทำตัวเป็น “คนมีปัญหา” กันนัก (ไม่เข้าใจจริงๆ)
มาตรฐานทางความคิดของพวกเขานั้น มุ่งตรงไปในทิศทางไหน กันนะ? (อยากจะรู้จริงๆ)
พรุ่งนี้เราจะมาต่อกันใน “หัวข้อ” นี้ เพียงแต่ว่า จะมี “ตัวอย่าง” เรื่องราวเกี่ยวกับ “คู่รัก” เข้ามาด้วย (อาจ “โดนใจ” ใครหลายๆคนแน่นอน)
อย่าลืมติดตามอ่านกันให้ได้นะคะ ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน