วันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุดเพียงวันเดียวในหนึ่งอาทิตย์ของเรา วันนี้เป็นอีกวันที่เราตื่นมาแต่เช้า เพื่อจะทำงานบ้าน และเตรียมตัวคิด program พาคุณแม่และน้องพิมไปเที่ยว ช่วงเวลาอาหารเช้า ทุกคนต่างลงความเห็นกันว่า เที่ยงนี้อยากจะทาน Oishi แต่เมื่อมาถึง The Mall แล้ว น้องพิมอยากจะทาน Steak ขึ้นมา และ she ก็เจาะจงร้าน sizzler โดยทันที ทำให้เราและคุณแม่ต้องตามใจ “เด็กน้อย” ทาน Sizzler กันแบบปฏิเสธไม่ได้
ที่ดูน่าตกใจก็คือ เด็กน้อยตัวเล็กๆเช่นน้องพิม ทานสลัดไป 2 จาน ซุปไป 2 ถ้วย Steak (Size ผู้ใหญ่) ผลไม้อีกจากใหญ่ และตบท้ายด้วยเยลลี่ (อย่างไม่มีท่าทางจะอิ่มใดๆเกิดขึ้น) เด็กกำลังเจริญเติบโตก็งี้แหละ
โดยปกติตอนขับรถ เป็นเรื่องปกติ ที่เราจะ “สอดส่ายสายตา” ส่องทอมตามข้างทาง และในวันนี้เราก็ยังดำเนินกิจกรรมเป็นปกติ (โดยไม่ได้เกรงใจคุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆเลย) วันนี้เราเห็นทอมหลายคนเดินอยู่ตาม Footpath เมื่อเราเห็น เราก็จะเรียกน้องพิมให้ดูด้วย และเราก็ถามน้องพิมว่า “ทอมคนนี้เป็นไง?” น้องพิมก็จะตอบกลับมาว่า “ผ่าน หรือไม่ผ่าน” และเขาคนนั้น จัดอยู่ในทอมประเภทไหน “ทอมป้า ทอมหลักกิโลเมตร ฯลฯ” ซึ่งทอมส่วนใหญ่ตามท้องถนนวันนี้ น้องพิมได้ “ฟันธง” ว่าเป็นทอมป้า เราจึงว่า “ทำไมน้องบอกว่า เขาเป็นทอมป้าล่ะ” เธอตอบเราว่า “ป้าไม่ป้า ก็ต้องดูที่หน้า ว่าแก่หรือไม่” เราได้แต่อมยิ้มในคำตอบของเธอ
มาต่อกันกับเรื่องราวของ “บี และเพจ” ตอนต่อไปเลยนดีกว่า เดี๋ยวจะยาว
หลังจากที่เขาทิ้งเธอให้ “จม” อยู่กับ “ความเสียใจ” จนเวลาผ่านล่วงเลยไป 11 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีผู้ชายและทอมหลายคน พยายามเข้ามาจีบเธอ แต่เธอก็ไม่เคยพร้อมที่จะมีรักครั้งใหม่ได้อีก เพราะเธอมีเพียงความหวังเล็กๆว่า “เธอจะได้เจอเขาอีกสักครั้ง และมีโอกาสได้พูดคุยกันในแบบเพื่อนก็เพียงพอ” (เธอช่างเป็นดี้ผู้มั่นคง และเชื่อในความรักแรกเสียจริงๆ) เธอตั้งใจเรียนจนจบปริญญาโท อาชีพที่เธอเลือกก็ทำก็คือ “แอร์โฮสเตส” เหตุผลที่เลือกอาชีพนี้ ก็เพื่อ “อาจจะมีสักวัน ที่โชคชะตาจะนำพาให้เธอมาเจอเขาอีกสักครั้ง”
และอยู่ๆวันนึง เธอก็เกิดนึกถึงเบอร์โทรศัพท์บ้านของเขาได้อย่างแม่นยำ (ที่เธอเคยโทรหาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว) เธอคิดวนเวียนอยู่นาน ว่าจะโทรไปดีไหม? ใจนึงก็กลัวว่า เขายังคงเรียนอยู่เมืองนอกหรือเปล่า? อีกใจก็คิดว่าเบอร์บ้านนั้นอาจจะถูกยกเลิกไปแล้วก็ได้? แต่สิ่งเดียวที่จะตอบคำถามในใจเธอได้ก็คือ “ต้องโทรไป” เพื่อค้นหาคำตอบกับคำถามในใจ
เย็นวันนั้นเธอโทรไปที่เบอร์นั้น แล้วก็ขอสาย “บี” เสียงผู้หญิงมีอายุปลายสายได้บอกว่า “คุณบีไปทำงานคะ ยังไม่กลับมาเลย” เธอก็ตอบว่า “ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณ” เมื่อเธอวางโทรศัพท์ไปแล้ว เธอได้ “คำตอบ” กับคำถามแรกไปแล้ว ก็ยังคงมีปัญหาต่อไปตามมา นั่นคือ “เขาจะจำเธอได้ไหม? เขาจะยอมคุยกับเธอไหม? (หลังจากที่ไม่ได้คุยกันร่วม 10 ปี) เธอจะเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี? เขาจะมีแฟนหรือยัง?” (คำถามมากมายวิ่งเข้ามาในหัวเธอ)
แล้วเธอก็ถือ “ฤกษ์ดี” ตอน 21.00 วันนั้น เธอโทรกลับไปหาเขาอีกครั้ง แล้วเสียงปลายสายก็คือ “เสียงเขา” เธอจำเสียงเขาได้อย่างแม่นยำ เธอเริ่มแนะนำตัว ว่าเธอชื่อ “เพจ” เธอถามเขาว่า “เขายังจำเธอได้ไหม?” เขาตอบว่า “เขาไม่เคยลืมเธอเลย” เธอยิ้มอยู่ลึกๆในใจ และทั้งคู่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวของกันและกัน (ในช่วงที่ห่างหายกันไป) ทั้งคู่ได้คุยโทรศัพท์กันจนถึงตี 3 เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอต้องขอวางหูก่อน เนื่องจากพรุ่งนี้เธอต้องไปบินแต่เช้า แต่เธอก็ยังคงมีคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจอีกคำถามนั่นคือ “เขามีแฟนแล้วหรือยังนะ?” แต่เธอก็ไม่กล้าถามไป เพราะในใจลึกๆก็กลัวกับคำตอบ...
พรุ่งนี้มาติดตามกันต่อนะคะ ว่าเขานั้นมีแฟนหรือยัง? และความสัมพันธ์ของเธอกับเขา จะดำเนินไปในทิศทางไหนกัน?
เพราะบางที “บทเรียน บาง Chapter ของคนๆหนึ่ง ก็ทำให้คุณ ได้เรียนรู้ และเข้าใจ มุมมองของชีวิตที่ “พลิกผัน” ได้ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่ “เสี้ยว” เล็กๆ แห่งการตัดสินใจ อาจจะนำพา “ความสุข หรือ หายนะ” ใหญ่หลวงมาสู่ชีวิตที่เหลืออยู่ก็เป็นไปได้”
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน
ที่ดูน่าตกใจก็คือ เด็กน้อยตัวเล็กๆเช่นน้องพิม ทานสลัดไป 2 จาน ซุปไป 2 ถ้วย Steak (Size ผู้ใหญ่) ผลไม้อีกจากใหญ่ และตบท้ายด้วยเยลลี่ (อย่างไม่มีท่าทางจะอิ่มใดๆเกิดขึ้น) เด็กกำลังเจริญเติบโตก็งี้แหละ
โดยปกติตอนขับรถ เป็นเรื่องปกติ ที่เราจะ “สอดส่ายสายตา” ส่องทอมตามข้างทาง และในวันนี้เราก็ยังดำเนินกิจกรรมเป็นปกติ (โดยไม่ได้เกรงใจคุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆเลย) วันนี้เราเห็นทอมหลายคนเดินอยู่ตาม Footpath เมื่อเราเห็น เราก็จะเรียกน้องพิมให้ดูด้วย และเราก็ถามน้องพิมว่า “ทอมคนนี้เป็นไง?” น้องพิมก็จะตอบกลับมาว่า “ผ่าน หรือไม่ผ่าน” และเขาคนนั้น จัดอยู่ในทอมประเภทไหน “ทอมป้า ทอมหลักกิโลเมตร ฯลฯ” ซึ่งทอมส่วนใหญ่ตามท้องถนนวันนี้ น้องพิมได้ “ฟันธง” ว่าเป็นทอมป้า เราจึงว่า “ทำไมน้องบอกว่า เขาเป็นทอมป้าล่ะ” เธอตอบเราว่า “ป้าไม่ป้า ก็ต้องดูที่หน้า ว่าแก่หรือไม่” เราได้แต่อมยิ้มในคำตอบของเธอ
มาต่อกันกับเรื่องราวของ “บี และเพจ” ตอนต่อไปเลยนดีกว่า เดี๋ยวจะยาว
หลังจากที่เขาทิ้งเธอให้ “จม” อยู่กับ “ความเสียใจ” จนเวลาผ่านล่วงเลยไป 11 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีผู้ชายและทอมหลายคน พยายามเข้ามาจีบเธอ แต่เธอก็ไม่เคยพร้อมที่จะมีรักครั้งใหม่ได้อีก เพราะเธอมีเพียงความหวังเล็กๆว่า “เธอจะได้เจอเขาอีกสักครั้ง และมีโอกาสได้พูดคุยกันในแบบเพื่อนก็เพียงพอ” (เธอช่างเป็นดี้ผู้มั่นคง และเชื่อในความรักแรกเสียจริงๆ) เธอตั้งใจเรียนจนจบปริญญาโท อาชีพที่เธอเลือกก็ทำก็คือ “แอร์โฮสเตส” เหตุผลที่เลือกอาชีพนี้ ก็เพื่อ “อาจจะมีสักวัน ที่โชคชะตาจะนำพาให้เธอมาเจอเขาอีกสักครั้ง”
และอยู่ๆวันนึง เธอก็เกิดนึกถึงเบอร์โทรศัพท์บ้านของเขาได้อย่างแม่นยำ (ที่เธอเคยโทรหาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว) เธอคิดวนเวียนอยู่นาน ว่าจะโทรไปดีไหม? ใจนึงก็กลัวว่า เขายังคงเรียนอยู่เมืองนอกหรือเปล่า? อีกใจก็คิดว่าเบอร์บ้านนั้นอาจจะถูกยกเลิกไปแล้วก็ได้? แต่สิ่งเดียวที่จะตอบคำถามในใจเธอได้ก็คือ “ต้องโทรไป” เพื่อค้นหาคำตอบกับคำถามในใจ
เย็นวันนั้นเธอโทรไปที่เบอร์นั้น แล้วก็ขอสาย “บี” เสียงผู้หญิงมีอายุปลายสายได้บอกว่า “คุณบีไปทำงานคะ ยังไม่กลับมาเลย” เธอก็ตอบว่า “ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณ” เมื่อเธอวางโทรศัพท์ไปแล้ว เธอได้ “คำตอบ” กับคำถามแรกไปแล้ว ก็ยังคงมีปัญหาต่อไปตามมา นั่นคือ “เขาจะจำเธอได้ไหม? เขาจะยอมคุยกับเธอไหม? (หลังจากที่ไม่ได้คุยกันร่วม 10 ปี) เธอจะเริ่มบทสนทนาอย่างไรดี? เขาจะมีแฟนหรือยัง?” (คำถามมากมายวิ่งเข้ามาในหัวเธอ)
แล้วเธอก็ถือ “ฤกษ์ดี” ตอน 21.00 วันนั้น เธอโทรกลับไปหาเขาอีกครั้ง แล้วเสียงปลายสายก็คือ “เสียงเขา” เธอจำเสียงเขาได้อย่างแม่นยำ เธอเริ่มแนะนำตัว ว่าเธอชื่อ “เพจ” เธอถามเขาว่า “เขายังจำเธอได้ไหม?” เขาตอบว่า “เขาไม่เคยลืมเธอเลย” เธอยิ้มอยู่ลึกๆในใจ และทั้งคู่ก็เริ่มเล่าเรื่องราวของกันและกัน (ในช่วงที่ห่างหายกันไป) ทั้งคู่ได้คุยโทรศัพท์กันจนถึงตี 3 เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอต้องขอวางหูก่อน เนื่องจากพรุ่งนี้เธอต้องไปบินแต่เช้า แต่เธอก็ยังคงมีคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจอีกคำถามนั่นคือ “เขามีแฟนแล้วหรือยังนะ?” แต่เธอก็ไม่กล้าถามไป เพราะในใจลึกๆก็กลัวกับคำตอบ...
พรุ่งนี้มาติดตามกันต่อนะคะ ว่าเขานั้นมีแฟนหรือยัง? และความสัมพันธ์ของเธอกับเขา จะดำเนินไปในทิศทางไหนกัน?
เพราะบางที “บทเรียน บาง Chapter ของคนๆหนึ่ง ก็ทำให้คุณ ได้เรียนรู้ และเข้าใจ มุมมองของชีวิตที่ “พลิกผัน” ได้ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่ “เสี้ยว” เล็กๆ แห่งการตัดสินใจ อาจจะนำพา “ความสุข หรือ หายนะ” ใหญ่หลวงมาสู่ชีวิตที่เหลืออยู่ก็เป็นไปได้”
ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่าน